บลจ.ยูโอบีทุ่มงบ 10 ล้าน ทำการตลาดกองทุนยูโอบี ชัวร์ เดลี ดึงดาราหนุ่ม "พอล ภัทรพล” เป็นพรีเซ็นเตอร์ ขยายการรับรู้เรื่องกองทุนรวม พร้อมยิงสปอร์ตโฆษณาผ่านคลื่นวิทยุชื่อดังช่วงไพรม์ไทม์ตลอด 3 เดือน หวังดันยอดสินทรัพย์สุทธิแตะ 7 หมื่นล้านบาทภายในสิ้นปีนี้ มั่นใจ พ.ร.บ.คุ้มครองเงินฝากจะทำให้ประชาชนต้องหาทางเลือกด้านการลงทุนมากขึ้นและช่วยผลักดันให้กองทุนประเภทนี้ขยายตัวได้ดีในอนาคต
นายวนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี (ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้ทุ่มงบประมาณมากกว่า 10 ล้านบาทในทำการตลาด "กองทุนเปิดยูโอบี ชัวร์ เดลี (UOBSD)" เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในวงกว้างมากยิ่งขึ้น โดยตั้งเป้าที่จะเพิ่มสินทรัพย์สุทธิของกองทุนเปิด UOBSD ขึ้นเป็น 70,000 ล้านบาท ภายในสิ้นปี 2551
ทั้งนี้ ปัจจุบันกองทุนเปิด UOBSD มีสินทรัพย์สุทธิประมาณ 25,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี2550 ที่มีอยู่ 12,500 ล้านบาท และคิดเป็นการเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวในช่วงที่ผ่านมา โดยหลังจากนี้บริษัทจะเน้นทำการตลาดกับกลู่มลูกค้าทั่วไป รายย่อยและนักลงทุนสถาบันรวมถึงบริษัทต่างๆ ที่ต้องมีการบริหารสภาพคล่องของบริษัท
“กองทุนนี้น่าจะมีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากพ.ร.บ.คุ้มครองเงินฝากกำลังจะมีผลบังคับใช้ และในต่างปะเทศเมื่อบังคับใช้พ.ร.บ.ตัวนี้แล้ว กองทุนประเภทนี้จะได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยเชื่อว่าคนไทยคงจะต้องมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และหาช่องทางการลงทุนให้หลากหลายขึ้น เพื่อความมั่นคงของเงินฝาก และผลตอบแทนที่จะได้รับ”นายวนากล่าว
นายวนา กล่าวอีกว่า บริษัทจะมีการนำเพลง "ตัดสินใจ" ซึ่งแต่งโดย บอย โกสิยพงษ์ และขับร้องโดยป๊อด โมเดิร์นด๊อก พร้อมทั้งนำตัว พอล ภัทรพล ศิลปาจารย์ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์คนแรกในโปรโมตกองทุนโดยเฉพาะ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้หลากหลายมากกว่าเดิม และถือเป็นครั้งแรกในการทำตลาดเพื่อขยายฐานลูกค้าในอุตสาหกรรมกองทุนรวม
นอกจากนี้ บริษัทยังจะมีการซื้อโฆษณาในช่องทางต่างๆ เช่น วิทยุ 105.5 FM. ช่วงเช้าในรายการเรื่องเล่าเช้านี้ และ 106.5 FM. คลื่นกรีนเวฟช่วง 17.00-20.00 น. และการทำโฆษณาบนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสทุกสถานีตั้งแต่เดือนกรกฎาคม - กันยายน 2551 รวมถึงจะทำการซื้อโฆษณาในลิฟท์ผ่านจอทั้งหมด 279 จอ ใน 29 อาคารสำนักงานทั่วกรุงเทพฯ ในช่วง 2 เดือน พร้อมทั้งเปิดตัวโลโก้ สโลแกน และพรีเซ็นเตอร์ของกองทุนเปิดยูโอบี ชัวร์ เดลี นอกจากนี้ยังจะเปิดตัวเวบไซด์ของกองทุน UOBSD โดยเฉพาะตั้งแต่วันที่ 24 มิ.ย. 2551 เป็นต้นไปที่ www.uobsuredaily.com
นายวนา กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันยังจะขยายการรับรู้ไปในต่างจังหวัดด้วยการซื้อสปอตโฆษณากับวิทยุท้องถิ่นในต่างจังหวัดเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้ากว้างขึ้นอีกด้วย โดยบริษัทจะทำงานร่วมกับธนาคารยูโอบี (ไทย) อย่างใกล้ชิดในเรื่องนี้
ทั้งนี้บริษัทกำลังดำเนินการให้ความรู้กับพนักงานของธนาคารยูโอบี(ไทย)เพื่อให้เป็นตัวแทนในการสื่อสารผลิตภัณฑ์กองทุนเปิด ยูโอบี ชัวร์ เดลี ไปถึงลูกค้าอย่างใกล้ชิด โดยจะใช้เครือข่ายสาขาที่มีอยู่ในกรุงเทพ 101 สาขา และต่างจังหวัด 52 สาขา ในการสนับสนุนการประชาสัมพันธ์ให้คนทั่วไปรู้จักกับกองทุนเปิด UOBSD มากยิ่งขึ้น
“เรามีแผนเดินสายทำโรดโชว์กองทุนเปิด UOBSD ตามหัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัดอีกด้วย หลังจากที่บริษัทยังไม่เคยทำการตลาดผ่านช่องทางนี้มาก่อน" นายวนากล่าว
นอกจากการทำตลาดในด้านต่างๆ แล้ว ทางบริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจากับบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หลายแห่งที่บริษัทส่งคำสั่งซื้อขายหุ้นอยู่ตลอดจนบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นตัวแทนขายหน่วยลงทุนให้กับบริษัทเพื่อที่จะใช้กองทุนเปิดยูโอบี ชัวร์ เดลีเป็นที่พักเงินสำหรับลูกค้าที่ซื้อขายหุ้นอีกด้วย ซึ่งจะเป็นการขยายฐานลูกค้าไปกลุ่มลูกค้ากลุ่มใหม่ในอนาคต และคาดว่าจะสามารถให้บริการได้ในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้
นายวนา กล่าวอีกว่า เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้าให้กว้างมากขึ้น บริษัทยังได้มีการปรับลดวงเงินซื้อกองทุนขั้นต่ำจาก 10,000 บาท เหลือ 2,000 บาท และในการซื้อครั้งต่อไปจาก 5,000 บาท เหลือเพียง 1 บาท เพื่อให้นักลงทุนทั่วไปสามารถเข้าถึงการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลได้ง่ายขึ้น
ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทได้ปรับการบริการใหม่ให้แก่ลูกค้าที่สั่งขายหน่วยลงทุนที่ไม่มีบัญชีของธนาคายูโอบี ให้สามารถรับเงินได้ตามระยะเวลา T+1 จากเดิมที่เป็น T+2 ผ่านทางบัญชีของ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกรุงศรีอยุธยาอีกด้วย และยังได้ปรับให้มีสมุดบัญชีสำหรับผู้ถือหน่วยลงทุนของ"กองทุนเปิด UOBSD เพื่อเป็นการการันตีความมั่นคง และจุดเด่นของกองทุนที่ลงทุนในพันธฐบัตรรัฐบาลเพียงอย่างเดียว
“กองทุนนี้ถือว่ามีความเสี่ยงต่ำมากเพราะเป็นเครดิตของประเทศ นอกจากนี้ยังมีอายุเฉลี่ยของพันธบัตรรัฐบาลที่ลงทุนไม่เกิน 100 วัน ซึ่งสั้นมาก ทำให้มีความเสี่ยงจากความผันผวนด้านราคาจากการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยต่ำมาก โดยผู้ลงทุนจะได้ผลตอบแทนเสมือนดอกเบี้ยแบบลอยตัว คือในช่วงที่ดอกเบี้ยในตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นผู้ลงทุนและได้รับผลตอบแทนลดลงในช่วงดอกเบี้ยขาลง”นายวนากล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเป้าสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหารรวมทั้งบริษัทไว้ที่ 1.1-1.2 แสนล้านบาท เพื่อรอดูผลตอบรับจากการทำการตลาดกองทุนเปิด UOBSD ในอีก 3 เดือนข้างหน้าก่อนที่จะมีการปรับประมาณการณ์อีกครั้ง