บลจ.นครหลวงไทยเปิดขายกองทุนเอสซีไอ พันธบัตรเกาหลี 2/1 (SCI KO Bond 2/1) ระหว่างวันที่ 16 - 24 มิถุนายนนี้ คาดสามารถให้ผลตอบแทนประมาณ 3.9% พร้อมจ่อออกกองทุนเอฟไอเอฟอีก 1 กองทุน เน้นลงทุนในพันธบัตรออสเตรเลีย มูลค่า 1,300 ล้านบาท อายุโครงการ 1 ปี คาดเปิดไอพีโอได้ประมาณวันที่ 25 มิถุนายนนี้
นายนที ดำรงค์กิจการ ผู้จัดการกองทุนตราสารหนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นครหลวงไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเปิดเสนอขายกองทุนเปิดที่เน้นลงทุนในต่างประเทศ (FIF) จำนวน 1 กองทุน โดยจะเน้นลงทุนในตราสารภาครัฐประเทศเกาหลีใต้ ได้แก่ กองทุนเปิดเอสซีไอ พันธบัตรเกาหลี 2/1 (SCI KO Bond 2/1) มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท และมีอายุโครงการประมาณ 1 ปี ซึ่งจะเปิดเสนอหน่วยลงทุนขายครั้งแรก (IPO) และครั้งเดียวระหว่างวันที่ 16 - 24 มิถุนายน 2551 และมีมูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำ 2,000 บาท นอกจากนี้กองทุนดังกล่าวจะมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งหมด ซึ่งนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนพร้อมเงินต้นเมื่อครบกำหนดอายุกองทุน และผลตอบแทนที่ได้รับจากกองทุน บุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี
“การออกกองทุนเปิดที่เน้นลงทุนในตราสารภาครัฐประเทศเกาหลีใต้ เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้กับนักลงทุน และสามารถให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ในประเทศ ซึ่งการออกกองทุนในลักษณะของซีรี่ส์จะต้องดูจังหวะการลงทุนของลูกค้าเป็นสำคัญ เพื่อให้สามารถรองรับและสอดคล้องกับการลงทุนของลูกค้า”
สำหรับกองทุนเปิดเอสซีไอ พันธบัตรเกาหลี 2/1 (SCI KO Bond 2/1) กองทุนรวมจะนำเงินไปลงทุนในตราสารแห่งหนี้ภาครัฐต่างประเทศ โดยจะเน้นลงทุนในตราสารภาครัฐประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นตราสารภาครัฐที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ใน 2 อันดับแรก เฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
ขณะเดียวกัน กองทุนจะลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน (efficient portfolio management) ตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด หรือเห็นชอบให้กองทุนลงทุนได้ ซึ่งรวมถึงการลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่มีตัวแปรเป็นอัตราแลกเปลี่ยนเงินเพื่อลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยการเข้าทำธุรกรรมกับคู่สัญญาต่างประเทศนั้นจะดำเนินการได้ต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบจากธนาคารแห่งประเทศไทยและแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.ทราบ รวมทั้งอาจทำธุรกรรมการซื้อโดยมีสัญญาขายคืน (Reverse Repo) หรือ ธุรกรรมการให้ยืมหลักทรัพย์ โดยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ ก.ล.ต. กำหนด หรือเห็นชอบให้กองทุนลงทุนได้
อนึ่ง กองทุนดังกล่าวประมาณการอัตรารับซื้อคืนอัตโนมัติของกองทุนเท่ากับ 3.90% ต่อปี โดยจะลงทุนใน Korea Monetary Stabilization Bond ที่สามารถให้ผลตอบแทน 4.51% ต่อปี โดยมีสัดส่วนการลงทุนไม่น้อยกว่า 95% และมีระยะเวลาการลงทุนประมาณ 1 ปี และลงทุนในตั๋วเงินคลังที่สามารถให้ผลตอบแทน 0.18% ต่อปี โดยมีสัดส่วนการลงทุนประมาณ 5% และมีระยะเวลาการลงทุนประมาณ 1 ปี
นายนที กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทเตรียมเปิดเสนอขายกองทุนเปิดที่เน้นลงทุนในต่างประเทศจำนวน 1 กองทุน มูลค่าโครงการ 1,300 ล้านบาท และมีอายุโครงการประมาณ 1 ปี โดยจะลงทุนในพันธบัตรออสเตรเลีย ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือตั้งแต่ AAA ขึ้นไป เพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนเพิ่มเติม สำหรับนักลงทุนที่มีความคุ้นเคยกับการลงทุนในกองทุนเปิดพันธบัตรนิวซีแลนด์แล้ว อาจจะกระจายความเสี่ยงโดยหันมาลงทุนในกองทุนเปิดพันธบัตรออสเตรเลียบ้าง เพราะทั้ง 2 ประเทศนับว่ามีปัจจัยพื้นฐานทางด้านเศรษฐกิจ และนโยบายค่อนข้างใกล้เคียงกัน และอัตราแลกเปลี่ยนมีทิศทางไปทางเดียวกัน รวมทั้งยังสามารถให้ผลตอบแทนในระดับที่น่าสนใจด้วย คาดว่าจะสามารถเปิดเสนอขายได้ประมาณวันที่ 25 มิถุนายน - 3 กรกฎาคม 2551
นายนที ดำรงค์กิจการ ผู้จัดการกองทุนตราสารหนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นครหลวงไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเปิดเสนอขายกองทุนเปิดที่เน้นลงทุนในต่างประเทศ (FIF) จำนวน 1 กองทุน โดยจะเน้นลงทุนในตราสารภาครัฐประเทศเกาหลีใต้ ได้แก่ กองทุนเปิดเอสซีไอ พันธบัตรเกาหลี 2/1 (SCI KO Bond 2/1) มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท และมีอายุโครงการประมาณ 1 ปี ซึ่งจะเปิดเสนอหน่วยลงทุนขายครั้งแรก (IPO) และครั้งเดียวระหว่างวันที่ 16 - 24 มิถุนายน 2551 และมีมูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำ 2,000 บาท นอกจากนี้กองทุนดังกล่าวจะมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งหมด ซึ่งนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนพร้อมเงินต้นเมื่อครบกำหนดอายุกองทุน และผลตอบแทนที่ได้รับจากกองทุน บุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี
“การออกกองทุนเปิดที่เน้นลงทุนในตราสารภาครัฐประเทศเกาหลีใต้ เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้กับนักลงทุน และสามารถให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ในประเทศ ซึ่งการออกกองทุนในลักษณะของซีรี่ส์จะต้องดูจังหวะการลงทุนของลูกค้าเป็นสำคัญ เพื่อให้สามารถรองรับและสอดคล้องกับการลงทุนของลูกค้า”
สำหรับกองทุนเปิดเอสซีไอ พันธบัตรเกาหลี 2/1 (SCI KO Bond 2/1) กองทุนรวมจะนำเงินไปลงทุนในตราสารแห่งหนี้ภาครัฐต่างประเทศ โดยจะเน้นลงทุนในตราสารภาครัฐประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นตราสารภาครัฐที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ใน 2 อันดับแรก เฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
ขณะเดียวกัน กองทุนจะลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน (efficient portfolio management) ตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด หรือเห็นชอบให้กองทุนลงทุนได้ ซึ่งรวมถึงการลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่มีตัวแปรเป็นอัตราแลกเปลี่ยนเงินเพื่อลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยการเข้าทำธุรกรรมกับคู่สัญญาต่างประเทศนั้นจะดำเนินการได้ต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบจากธนาคารแห่งประเทศไทยและแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.ทราบ รวมทั้งอาจทำธุรกรรมการซื้อโดยมีสัญญาขายคืน (Reverse Repo) หรือ ธุรกรรมการให้ยืมหลักทรัพย์ โดยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ ก.ล.ต. กำหนด หรือเห็นชอบให้กองทุนลงทุนได้
อนึ่ง กองทุนดังกล่าวประมาณการอัตรารับซื้อคืนอัตโนมัติของกองทุนเท่ากับ 3.90% ต่อปี โดยจะลงทุนใน Korea Monetary Stabilization Bond ที่สามารถให้ผลตอบแทน 4.51% ต่อปี โดยมีสัดส่วนการลงทุนไม่น้อยกว่า 95% และมีระยะเวลาการลงทุนประมาณ 1 ปี และลงทุนในตั๋วเงินคลังที่สามารถให้ผลตอบแทน 0.18% ต่อปี โดยมีสัดส่วนการลงทุนประมาณ 5% และมีระยะเวลาการลงทุนประมาณ 1 ปี
นายนที กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทเตรียมเปิดเสนอขายกองทุนเปิดที่เน้นลงทุนในต่างประเทศจำนวน 1 กองทุน มูลค่าโครงการ 1,300 ล้านบาท และมีอายุโครงการประมาณ 1 ปี โดยจะลงทุนในพันธบัตรออสเตรเลีย ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือตั้งแต่ AAA ขึ้นไป เพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนเพิ่มเติม สำหรับนักลงทุนที่มีความคุ้นเคยกับการลงทุนในกองทุนเปิดพันธบัตรนิวซีแลนด์แล้ว อาจจะกระจายความเสี่ยงโดยหันมาลงทุนในกองทุนเปิดพันธบัตรออสเตรเลียบ้าง เพราะทั้ง 2 ประเทศนับว่ามีปัจจัยพื้นฐานทางด้านเศรษฐกิจ และนโยบายค่อนข้างใกล้เคียงกัน และอัตราแลกเปลี่ยนมีทิศทางไปทางเดียวกัน รวมทั้งยังสามารถให้ผลตอบแทนในระดับที่น่าสนใจด้วย คาดว่าจะสามารถเปิดเสนอขายได้ประมาณวันที่ 25 มิถุนายน - 3 กรกฎาคม 2551
