บลจ.เชื่อรัฐบาลไม่เข้าแทรกแซงการดำเนินงานของเครือปตท.รอบสอง หลังราคาน้ำมันดีดตัวสูงขึ้นต่อเนื่องจนหลายฝ่ายออกมาเรียกร้อง คาดภาครัฐหามาตรการอื่นมาแก้ไขแทน ชี้แนวโน้มหุ้นกลุ่มพลังงานยังมีทิศทางสดใส และมีโอกาสเติบโตเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะPTT ที่ทุกกองทุนหุ้นมีเก็บไว้ในพอร์ต
แหล่งข่าวรายหนึ่งกล่าวว่า จากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันในต่างประเทศ รวมถึงประเทศไทยปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งสร้างผลกระทบต่อผู้ประกอบการ และประชาชนทั่วไปนั้น เรื่องดังกล่าวอาจส่งผลให้ภาครัฐบาลอาจเข้ามาแทรกแซงการดำเนินงานของ บริษัทในเครือปตท.อีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ภาครัฐได้ขอร้องให้บรรดาโรงกลั่นแบกรับต้นทุนการกลั่นน้ำมันไปแล้วลิตรละ 1 บาท รวมถึงการขอโควต้าราคาน้ำมันพิเศษให้กับผู้ประกอบการขนส่งสาธารณะ
นายนที ดำรงกิจการ ผู้จัดการกองทุนตราสารหนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นครหลวงไทย จำกัด กล่าวว่า หากเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นอีกครั้ง ย่อมที่จะส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นปตท. และบริษัทในเครือ ซึ่งครั้งที่แล้วจะพบว่าหุ้นของโรงกลั่นน้ำมันไทยออยล์ มีการปรับตัวลดลงจากการคาดการณ์รายได้ที่ลดลง
ทั้งนี้ เชื่อว่าหากสถานการณ์ราคาน้ำมันยังปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ภาครัฐบาลควรใช้แนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างประเทศเกาหลีใต้ นั่นคือการออกมาตรการต่างๆออกมาสนับสนุน รวมถึงการสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนเพิ่มขึ้น และการจำหน่ายสินค้าเครื่องอุปโภค บริโภคในราคาพิเศษ จะดีกว่าการเข้าไปแทรกแซงการดำเนินธุรกิจในเครือปตท. ซี่งเป็นบริษัทมหาชน
สำหรับกรณีที่หากราคาหุ้นปตท.ปรับตัวลดลง ถ้าภาครัฐเข้าไปแทรกแซงนั้น มองว่ากลยุทธ์การลงทุนในหุ้นของบริษัทจัดการลงทุน (บลจ.) แต่ละแห่ง จะทำการปรับลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นอยู่แล้ว อีกทั้งผู้จัดการกองทุนจะให้นำหนักในพอร์ตตามสถานการณ์และจังหวะการลงทุนต่างๆมากกว่า
“เราลงทุนตามสถานการณ์ ซึ่งขณะนี้ได้ลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นมาบ้างแล้ว แต่มองว่าหากเรื่องดังกล่าวเป็นจริงจะมีผลกระทบต่อราคาหุ้นปตท. และหุ้นโรงกลั่นในเครือ ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าหุ้นPTT เป็นหุ้นใหญ่ที่กองทุนหุ้นในทุกบริษัทจะเข้าไปถือไว้ เพราะยังมีทิศทางทิศทางแนวโน้มในการเติบโตที่ดี”
แหล่งข่าวผู้จัดการกองทุน กล่าวว่า การที่กลุ่มรถบรรทุกกดดันให้ภาครัฐเข้ามาช่วยหาน้ำมันราคาถูกนั้น เชื่อว่าปัจจัยดังกล่าวไม่น่าจะส่งผลทำให้ภาครัฐเข้าไปกดดันให้บริษัทในกลุ่มพลังงานต้องลดค่าการกลั่นลงอีกครั้งหนึ่ง เหมือนที่เคยทำให้ช่วงที่ผ่านมา เนื่องมาจากข้อเรียกร้องครั้งนี้เป็นเรื่องเฉพาะกลุ่มบุคคลเท่านั้น
ขณะเดียวกันถ้าภาครัฐตัดสินใจกดดันราคาน้ำมันเพื่อช่วยเหลือกลุ่มรถบรรทุกจริง จะยิ่งส่งผลทำให้หลังจากนี้จะมีกลุ่มอื่นๆที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นเข้ามาร้องเรียนอย่างต่อเนื่อง ทำให้ส่วนตัวมองว่าภาครัฐน่าจะหาวิธีการช่วยเหลือและเจรจากับกลุ่มดังกล่าวด้วยวิธีอื่นมากกว่า
" งวดที่แล้ว รัฐเข้ากดดันโรงกลั่นเพื่อช่วยสาธารณะ แต่ครั้งนี้เป็นเรื่องเฉพาะกลุ่มบุคคล และถ้าช่วยลดค่าน้ำมันให้ก็จะมีคนอื่นมาเรียกร้องอีก จึงเชื่อว่าภาครัฐน่าจะหาวิธีช่วยเหลืออย่างอื่นมากกว่า" แหล่งข่าว กล่าว
นายอรุณศักดิ์ จรูญวงศ์นิลมล ผู้อำนวยการสายงานจัดการกองทุน บลจ.เอสซีบี ควอนท์ กล่าวว่า แม้ว่าขณะนี้หุ้นกลุ่มพลังงานจะมีความผันผวน แต่ยังเชื่อว่าหุ้นกลุ่มพลังงานยังคงเป็นหุ้นกลุ่มที่มีความน่าสนใจ เนื่องมาจากราคาน้ำมันไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงจากระดับปัจจุบันมากนัก และนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงมองว่าบริษัทกลุ่มดังกล่าวมีความพิเศษเนื่องมาจากเป็นธุรกิจที่ลงทุนในทรัพยากรที่กำลังหมดไป
"เมื่อปลายสัปดาห์ก่อน เชื่อว่ามีนักลงทุนสถาบันทยอยเข้ามาเก็บหุ้นพลังงานต่อจากนักลงทุนต่างชาติ แต่หลังจากนี้คงจะต้องรอให้เกิดปัจจัยบวกก่อนที่นักลงทุนสถาบันจะเข้าไปเก็บอีกครั้งหนึ่ง "นายอรุณศักดิ์ กล่าว
นาย ธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้า กล่าวว่า การหยุดเดินรถของกลุ่มผู้ขับรถบรรทุกเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลเข้ามาดูแลจัดการกับเรื่องของปัญหาราคานํ้ามันที่แพงนั้น น่าเป็นเพียงการชุมนุมประท้วงในระยะสั้นๆ เท่านั้น ซึ่งหากกลุ่มผู้ประท้วงหยุดเดินรถนานเกินไปก็จะส่งผลกระทบต่อรายได้ของผู้ประกอบการรถบรรทุก แต่หากรัฐบาลไม่ตอบสนองต่อข้อเรียกร้องในทางใดทางหนึ่ง การหยุดเดินรถเพื่อประท้วงอาจจะขยายระยะเวลาออกไปได้
ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่รัฐบาลอาจจะส่งเสริมให้ผู้ใช้รถบรรทุกสามรถใช้ก๊าซเอ็นจีวี ได้ เพราะเป็นนโยบายของรัฐบาลที่ส่งเสริมให้มีการใช้ ก๊าซเอ็นจีวี เพื่อเป็นการประหยัด
อย่างไรก็ตาม นาย ธนวรรธน์ เชื่อว่า รัฐบาลคงไม่เข้าไปทำการแทรกแซงในเรื่องราคานํ้ามันกับทาง บริษัท ปตท .เพราะหากรัฐบาลเข้าทำการแทรกแซง บริษัท ปตท. อาจเสียรายได้เป็นจำนวนมากเพราะเป็นบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์
แหล่งข่าวรายหนึ่งกล่าวว่า จากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันในต่างประเทศ รวมถึงประเทศไทยปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งสร้างผลกระทบต่อผู้ประกอบการ และประชาชนทั่วไปนั้น เรื่องดังกล่าวอาจส่งผลให้ภาครัฐบาลอาจเข้ามาแทรกแซงการดำเนินงานของ บริษัทในเครือปตท.อีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ภาครัฐได้ขอร้องให้บรรดาโรงกลั่นแบกรับต้นทุนการกลั่นน้ำมันไปแล้วลิตรละ 1 บาท รวมถึงการขอโควต้าราคาน้ำมันพิเศษให้กับผู้ประกอบการขนส่งสาธารณะ
นายนที ดำรงกิจการ ผู้จัดการกองทุนตราสารหนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นครหลวงไทย จำกัด กล่าวว่า หากเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นอีกครั้ง ย่อมที่จะส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นปตท. และบริษัทในเครือ ซึ่งครั้งที่แล้วจะพบว่าหุ้นของโรงกลั่นน้ำมันไทยออยล์ มีการปรับตัวลดลงจากการคาดการณ์รายได้ที่ลดลง
ทั้งนี้ เชื่อว่าหากสถานการณ์ราคาน้ำมันยังปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ภาครัฐบาลควรใช้แนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างประเทศเกาหลีใต้ นั่นคือการออกมาตรการต่างๆออกมาสนับสนุน รวมถึงการสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนเพิ่มขึ้น และการจำหน่ายสินค้าเครื่องอุปโภค บริโภคในราคาพิเศษ จะดีกว่าการเข้าไปแทรกแซงการดำเนินธุรกิจในเครือปตท. ซี่งเป็นบริษัทมหาชน
สำหรับกรณีที่หากราคาหุ้นปตท.ปรับตัวลดลง ถ้าภาครัฐเข้าไปแทรกแซงนั้น มองว่ากลยุทธ์การลงทุนในหุ้นของบริษัทจัดการลงทุน (บลจ.) แต่ละแห่ง จะทำการปรับลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นอยู่แล้ว อีกทั้งผู้จัดการกองทุนจะให้นำหนักในพอร์ตตามสถานการณ์และจังหวะการลงทุนต่างๆมากกว่า
“เราลงทุนตามสถานการณ์ ซึ่งขณะนี้ได้ลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นมาบ้างแล้ว แต่มองว่าหากเรื่องดังกล่าวเป็นจริงจะมีผลกระทบต่อราคาหุ้นปตท. และหุ้นโรงกลั่นในเครือ ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าหุ้นPTT เป็นหุ้นใหญ่ที่กองทุนหุ้นในทุกบริษัทจะเข้าไปถือไว้ เพราะยังมีทิศทางทิศทางแนวโน้มในการเติบโตที่ดี”
แหล่งข่าวผู้จัดการกองทุน กล่าวว่า การที่กลุ่มรถบรรทุกกดดันให้ภาครัฐเข้ามาช่วยหาน้ำมันราคาถูกนั้น เชื่อว่าปัจจัยดังกล่าวไม่น่าจะส่งผลทำให้ภาครัฐเข้าไปกดดันให้บริษัทในกลุ่มพลังงานต้องลดค่าการกลั่นลงอีกครั้งหนึ่ง เหมือนที่เคยทำให้ช่วงที่ผ่านมา เนื่องมาจากข้อเรียกร้องครั้งนี้เป็นเรื่องเฉพาะกลุ่มบุคคลเท่านั้น
ขณะเดียวกันถ้าภาครัฐตัดสินใจกดดันราคาน้ำมันเพื่อช่วยเหลือกลุ่มรถบรรทุกจริง จะยิ่งส่งผลทำให้หลังจากนี้จะมีกลุ่มอื่นๆที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นเข้ามาร้องเรียนอย่างต่อเนื่อง ทำให้ส่วนตัวมองว่าภาครัฐน่าจะหาวิธีการช่วยเหลือและเจรจากับกลุ่มดังกล่าวด้วยวิธีอื่นมากกว่า
" งวดที่แล้ว รัฐเข้ากดดันโรงกลั่นเพื่อช่วยสาธารณะ แต่ครั้งนี้เป็นเรื่องเฉพาะกลุ่มบุคคล และถ้าช่วยลดค่าน้ำมันให้ก็จะมีคนอื่นมาเรียกร้องอีก จึงเชื่อว่าภาครัฐน่าจะหาวิธีช่วยเหลืออย่างอื่นมากกว่า" แหล่งข่าว กล่าว
นายอรุณศักดิ์ จรูญวงศ์นิลมล ผู้อำนวยการสายงานจัดการกองทุน บลจ.เอสซีบี ควอนท์ กล่าวว่า แม้ว่าขณะนี้หุ้นกลุ่มพลังงานจะมีความผันผวน แต่ยังเชื่อว่าหุ้นกลุ่มพลังงานยังคงเป็นหุ้นกลุ่มที่มีความน่าสนใจ เนื่องมาจากราคาน้ำมันไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงจากระดับปัจจุบันมากนัก และนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงมองว่าบริษัทกลุ่มดังกล่าวมีความพิเศษเนื่องมาจากเป็นธุรกิจที่ลงทุนในทรัพยากรที่กำลังหมดไป
"เมื่อปลายสัปดาห์ก่อน เชื่อว่ามีนักลงทุนสถาบันทยอยเข้ามาเก็บหุ้นพลังงานต่อจากนักลงทุนต่างชาติ แต่หลังจากนี้คงจะต้องรอให้เกิดปัจจัยบวกก่อนที่นักลงทุนสถาบันจะเข้าไปเก็บอีกครั้งหนึ่ง "นายอรุณศักดิ์ กล่าว
นาย ธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้า กล่าวว่า การหยุดเดินรถของกลุ่มผู้ขับรถบรรทุกเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลเข้ามาดูแลจัดการกับเรื่องของปัญหาราคานํ้ามันที่แพงนั้น น่าเป็นเพียงการชุมนุมประท้วงในระยะสั้นๆ เท่านั้น ซึ่งหากกลุ่มผู้ประท้วงหยุดเดินรถนานเกินไปก็จะส่งผลกระทบต่อรายได้ของผู้ประกอบการรถบรรทุก แต่หากรัฐบาลไม่ตอบสนองต่อข้อเรียกร้องในทางใดทางหนึ่ง การหยุดเดินรถเพื่อประท้วงอาจจะขยายระยะเวลาออกไปได้
ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่รัฐบาลอาจจะส่งเสริมให้ผู้ใช้รถบรรทุกสามรถใช้ก๊าซเอ็นจีวี ได้ เพราะเป็นนโยบายของรัฐบาลที่ส่งเสริมให้มีการใช้ ก๊าซเอ็นจีวี เพื่อเป็นการประหยัด
อย่างไรก็ตาม นาย ธนวรรธน์ เชื่อว่า รัฐบาลคงไม่เข้าไปทำการแทรกแซงในเรื่องราคานํ้ามันกับทาง บริษัท ปตท .เพราะหากรัฐบาลเข้าทำการแทรกแซง บริษัท ปตท. อาจเสียรายได้เป็นจำนวนมากเพราะเป็นบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์