บลจ.พรีมาเวสท์ ส่ง FIF ตราสารหนี้องค์กรระหว่างประเทศ ชูผลตอบแทน 4% ล่อใจนักลงทุนระหว่างวันที่ 10-16 มิถุนายนนี้ ระบุเป็นทางเลือกใหม่สำหรับการลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ซึ่งยังให้ผลตอบแทนอยู่ในระดับสูง ขณะเดียวกันเตรียมตั้งกองในประเทศเพิ่ม หลังพบแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยอาจปรับขึ้นได้ในอนาคต
นายเพิ่มพล ประเสริฐล้ำ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม พรีมาเวสท์ จำกัด บริษัทฯ ในเครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้ทำการเปิดขายกองทุนเปิดพรีมาเวสท์ อินเตอร์เนชั่นแนล อินเวสท์เม้นท์ ฟันด์ ซีรีส์ 2 หรือ PIF2 อายุโครงการประมาณ 1 ปี 5 เดือน ระหว่างวันที่ 10-16 มิถุนายนนี้
สำหรับกองทุนนี้จะมีนโยบายเน้นลงทุนในตราสารองค์กรระหว่างประเทศ เช่น International Bank for Reconstruction and Development ซึ่งเป็นหน่วยงานของธนาคารโลก หรือ World Bank และธนาคารพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB : Asian Development Bank) เป็นหลัก ซึ่งตราสารทั้งสองได้รับการจัดอันดับ Rating ที่ AAA จาก S&P
นอกจากนี้ กองทุน PIF2 ยังมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และมีการจ่ายเงินจากการรับซื้อคืนอัตโนมัติเป็นขั้นบันไดที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 6 เดือน โดยพรีมาเวสท์จะเปิดเสนอขายหน่วยลงทุน PIF2
“เพื่อให้ผู้ลงทุนในกองทุนรวมได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่คุ้มค่ากับความเสี่ยงที่ต้องนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศ พรีมาเวสท์จึงขอเสนอกองทุน PIF2 ที่ให้ผลตอบแทนในระดับที่ดีกว่าออกมาเสนอขาย ซึ่งกองทุน PIF2 นี้จะเน้นลงทุนในตราสารองค์กรระหว่างประเทศที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับสูง”นายเพิ่มพลกล่าว
นายเพิ่มพล กล่าวอีกว่า การเลือกลงทุนในตราสารหนี้องค์กรระหว่างประเทศ นอกเหนือจากความน่าเชื่อเลือกลงทุนในตราสารหนี้องค์กรระหว่างประเทศ นอกจากเรื่องความน่าเชื่อถือแล้ว ยังถือเป็นทางเลือกอีกรูปแบบที่แตกต่างจากตราสารหนี้ทั่วไป ซึ่งหากมองด้านอัตราผลตอบแทนแล้วยังถือว่ายังสูงอยู่ โดยคาดว่าจะได้ประมาณ 4% หลังจากหักค่าใช้จ่ายจากการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนแล้ว
นอกจากนี้ ผู้ลงทุนยังจะได้รับเงินจากการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติทุกๆ 6 เดือนในอัตราที่เพิ่มขึ้น โดยครั้งแรกจะจ่ายในเดือนธันวาคม 2551 ครั้งที่ 2 จ่ายเดือนมิถุนายน 2552 และครั้งสุดท้ายในเดือนพฤศจิกายน 2552 อีกด้วย
ทั้งนี้ กองทุนเปิดพรีมาเวสท์ อินเตอร์เนชั่นแนล อินเวสท์เม้นท์ ฟันด์ ซีรีส์ 2 จะเหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่แสวงหาการลงทุนรูปแบบใหม่ที่ให้โอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอ
นายเพิ่มพล กล่าวอีกว่า จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยภายในประเทศที่อาจปรับขึ้นนั้น ทางบริษัทได้เตรียมออกกองทุนภายในประเทศเพิ่มเติม แต่ขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาว่าจะเป็นในรูปแบบไหน และคงจะต้องใช้เวลาพิจารณาอีกพอสมควร
“ในประเทศเราก็จะมีเพราะดอกเบี้ยมันมีโอกาสปรับ แต่คงไม่ใช่ช่วงนี้ ตอนนี้คงจะเป็นกองตราสารหนี้ต่างประเทศก่อน เพราะผลตอบแทนมันยังสูงกว่าอยู่ แต่ก็ไม่ได้ทิ้งในประเทศเพราะสะดวกกว่า และไม่ต้องกังวลเรื่องความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนด้วย”นายเพิ่มพลกล่าว
ส่วนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในต่างประเทศเองเชื่อว่าจะทรงตัวในระดับนี้ โดยอัตราดอกเบี้ยต่างประเทศส่วนใหญ่จะผูกอยู่กับอัตราดอกเบี้ยในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งคาดว่าการประชุมของเฟดในครั้งนี้จะคงอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำไว้ และไม่ปรับลดลงอีก
ขณะที่การปรับขึ้นอัตราดอกของธนาคารต่างๆ คงไม่มีผลกระทบต่อการขยายตัวของบริษัท เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทไม่ได้ตั้งเป้าการเติบโตเอาไว้ เพียงแต่อยากให้บริษัทเติบโตควบคู่ไปกับอุตสาหกรรมกองทุนโดยรวมเท่านั้น โดยหลังจากนี้บริษัทวางแผนที่จะออกกองทุนต่างประเทศเพิ่ม เพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุน ส่วนของที่ซับซ้อนอย่างกองอสังหาริมทรัพย์จะต้องใช้เวลาอีกสักพัก แต่ไม่น่าจะเกินช่วงครึ่งหลังของปีนี้
นายเพิ่มพล ประเสริฐล้ำ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม พรีมาเวสท์ จำกัด บริษัทฯ ในเครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้ทำการเปิดขายกองทุนเปิดพรีมาเวสท์ อินเตอร์เนชั่นแนล อินเวสท์เม้นท์ ฟันด์ ซีรีส์ 2 หรือ PIF2 อายุโครงการประมาณ 1 ปี 5 เดือน ระหว่างวันที่ 10-16 มิถุนายนนี้
สำหรับกองทุนนี้จะมีนโยบายเน้นลงทุนในตราสารองค์กรระหว่างประเทศ เช่น International Bank for Reconstruction and Development ซึ่งเป็นหน่วยงานของธนาคารโลก หรือ World Bank และธนาคารพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB : Asian Development Bank) เป็นหลัก ซึ่งตราสารทั้งสองได้รับการจัดอันดับ Rating ที่ AAA จาก S&P
นอกจากนี้ กองทุน PIF2 ยังมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และมีการจ่ายเงินจากการรับซื้อคืนอัตโนมัติเป็นขั้นบันไดที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 6 เดือน โดยพรีมาเวสท์จะเปิดเสนอขายหน่วยลงทุน PIF2
“เพื่อให้ผู้ลงทุนในกองทุนรวมได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่คุ้มค่ากับความเสี่ยงที่ต้องนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศ พรีมาเวสท์จึงขอเสนอกองทุน PIF2 ที่ให้ผลตอบแทนในระดับที่ดีกว่าออกมาเสนอขาย ซึ่งกองทุน PIF2 นี้จะเน้นลงทุนในตราสารองค์กรระหว่างประเทศที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับสูง”นายเพิ่มพลกล่าว
นายเพิ่มพล กล่าวอีกว่า การเลือกลงทุนในตราสารหนี้องค์กรระหว่างประเทศ นอกเหนือจากความน่าเชื่อเลือกลงทุนในตราสารหนี้องค์กรระหว่างประเทศ นอกจากเรื่องความน่าเชื่อถือแล้ว ยังถือเป็นทางเลือกอีกรูปแบบที่แตกต่างจากตราสารหนี้ทั่วไป ซึ่งหากมองด้านอัตราผลตอบแทนแล้วยังถือว่ายังสูงอยู่ โดยคาดว่าจะได้ประมาณ 4% หลังจากหักค่าใช้จ่ายจากการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนแล้ว
นอกจากนี้ ผู้ลงทุนยังจะได้รับเงินจากการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติทุกๆ 6 เดือนในอัตราที่เพิ่มขึ้น โดยครั้งแรกจะจ่ายในเดือนธันวาคม 2551 ครั้งที่ 2 จ่ายเดือนมิถุนายน 2552 และครั้งสุดท้ายในเดือนพฤศจิกายน 2552 อีกด้วย
ทั้งนี้ กองทุนเปิดพรีมาเวสท์ อินเตอร์เนชั่นแนล อินเวสท์เม้นท์ ฟันด์ ซีรีส์ 2 จะเหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่แสวงหาการลงทุนรูปแบบใหม่ที่ให้โอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอ
นายเพิ่มพล กล่าวอีกว่า จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยภายในประเทศที่อาจปรับขึ้นนั้น ทางบริษัทได้เตรียมออกกองทุนภายในประเทศเพิ่มเติม แต่ขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาว่าจะเป็นในรูปแบบไหน และคงจะต้องใช้เวลาพิจารณาอีกพอสมควร
“ในประเทศเราก็จะมีเพราะดอกเบี้ยมันมีโอกาสปรับ แต่คงไม่ใช่ช่วงนี้ ตอนนี้คงจะเป็นกองตราสารหนี้ต่างประเทศก่อน เพราะผลตอบแทนมันยังสูงกว่าอยู่ แต่ก็ไม่ได้ทิ้งในประเทศเพราะสะดวกกว่า และไม่ต้องกังวลเรื่องความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนด้วย”นายเพิ่มพลกล่าว
ส่วนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในต่างประเทศเองเชื่อว่าจะทรงตัวในระดับนี้ โดยอัตราดอกเบี้ยต่างประเทศส่วนใหญ่จะผูกอยู่กับอัตราดอกเบี้ยในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งคาดว่าการประชุมของเฟดในครั้งนี้จะคงอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำไว้ และไม่ปรับลดลงอีก
ขณะที่การปรับขึ้นอัตราดอกของธนาคารต่างๆ คงไม่มีผลกระทบต่อการขยายตัวของบริษัท เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทไม่ได้ตั้งเป้าการเติบโตเอาไว้ เพียงแต่อยากให้บริษัทเติบโตควบคู่ไปกับอุตสาหกรรมกองทุนโดยรวมเท่านั้น โดยหลังจากนี้บริษัทวางแผนที่จะออกกองทุนต่างประเทศเพิ่ม เพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุน ส่วนของที่ซับซ้อนอย่างกองอสังหาริมทรัพย์จะต้องใช้เวลาอีกสักพัก แต่ไม่น่าจะเกินช่วงครึ่งหลังของปีนี้
