บลจ.ทหารไทยพร้อมแข่งไอเอ็นจี ระบุการจะเป็น"The Best"ได้ต้องบริหารงานให้ครอบคลุมทุกด้าน และที่ผ่านมาต้องแข่งกับบลจ.อื่นๆ ในอุตสาหกรรมอยู่แล้ว ไม่กังวลแบงก์แม่ขายหน่วยลงทุนให้ไอเอ็นจี เชื่อเป็นผลดีในการเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าธนาคาร ขณะเดียวกันเตรียมออกกองบอนด์เกาหลี รุ่นที่ 9 ชูผลตอบแทน 3.7-3.9% เพิ่มอีกวันนี้ถึง 2 เมษายน หลังการตอบรับดี และเป็นช่วงที่เหมาะในการหาผลตอบแทนจากพันธบัตรต่างประเทศเรตติ้งสูง
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ทหารไทย เปิดเผยว่า การขยายความร่วมมือของธนาคารทหารไทยในการเป็นตัวแทนขายหน่วยลงทุนให้แก่ บลจ.ไอเอ็นจี คงจะเป็นผลดีต่อลูกค้าในการมีสินค้าให้เลือกลงทุนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งบลจ.ทหารไทยและบลจ.ไอเอ็นจีเองจะมีจุดยืนที่ต่างกันชัดเจนอยู่แล้ว และเมื่อสังเกตให้ดีกองทุนที่ทั้ง 2 บริษัทออกมาจะมีความแตกต่างอยู่ในแต่ละกองทุนอยู่แล้วถึงแม้จะมีความเหมือนกันในบ้างส่วนก็ตาม
"ความเหมือนกันของสินค้าน่าจะมีบ้าง แต่เมื่อนำมาเทียบกันแล้วจะยังมีความแตกต่างกันอยู่ และทั้ง 2 บลจ.ก็มีจุดยืนชัดเจนอยู่แล้วว่า ทหารไทยจะเป็นแบ Passive และไอเอ็นจีจะเป็นแบบ Active มากกว่า แต่มองในแง่ลูกค้าของแบงก์แล้วน่าจะเป็นเรื่องดีเมื่อมีสินค้าให้เลือกมากขึ้น"นางโชติกากล่าว
สำหรับการปรับตัวหลังจากความธนาคารทหารไทยมีความร่วมมือกับ บลจ.ไอเอ็นจี คงจะเป็นไปตามแผนเดิมที่วางไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งการบริหารงานของบริษัทได้เน้นในเรื่องของผลการดำเนินงาน สินค้า และการให้บริการมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว โดยเป้าหมายของบริษัทในการเป็น The Best จะครอบคลุมในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของผลิตภัณฑ์ ผลการดำเนินงาน และความสำพันธ์กับสาขาของธนาคาร รวมถึงการทำให้ผู้ถือหุ้นพอใจการบริหารงานด้วย
ส่วนการแข่งขันคงจะเป็นไปตามเดิมด้วยเช่นกัน เนื่องจากที่ผ่านมาไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ 2 บริษัทเท่านั้น แต่การบริหารงานจำเป็นที่ต้องมีการแข่งขันกับบลจ.อื่นๆ ในอุตสาหกรรมนี้ด้วย ซึ่งก่อนความร่วมมือนี้จะเกิดขึ้นมิใช่ว่าลูกค้าของแต่ละบริษัทจะซื้อหน่วยลงทุนของบลจ.อื่นไม่ได้ เพราะหากนักลงทุนมองในแง่ผลตอบแทนแล้ว ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นลูกค้าอยู่เพียงแค่บริษัทเดียวเท่านั้น
"ไม่ใช่ว่าจะต้องแข่งขันกันแค่นี้ ที่ผ่านมาเราต้องแข่งกับทั้งอุตสาหกรรมอยู่แล้ว โดยไม่ได้หมายความว่าก่อนหน้านี้ลูกค้าจะซื้อหน่วยลงทุนกับไอเอ็นจีไม่ได้ มันต้องดูในภาพรวม และเราจะต้องทำให้ได้ อย่างกองตราสารหนี้ต่างประเทศ หากที่อื่นทำได้ 3.8% เราจะทำได้น้อยกว่านั้นก็ไม่ได้ มันต้อง 3.9% การแข่งขันในเรื่องโปรดักซ์ และเพอร์ฟอร์แมนท์ เป็นเรื่องที่ต้องทำอยู่แล้ว ส่วนในอนาคตจะมีการคุยกันกับไอเอ็นจีหรือไม่ ก็เป็นไปได้ เพราะทุกคนในธุรกิจนี้แม้จะแข่งกันแต่ก็เป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว"นางโชติกากล่าว
นางโชติกากล่าวอีกว่า การออกกองทุนหลังจากนี้คงจะพิจารณาถึงสถานกาณ์ และความต้องการของนักลงทุนเป็นหลัก เพื่อให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า โดยในช่วงนี้บริษัทได้มีการเสนอขายกองทุนพันธบัตรเกาหลีใต้ออกมาอย่างต่อเนื่อง เพราะเห็นว่าเป็นจังหวะที่เหมาะสมในการหาผลตอบแทนที่สูงในสถานการณ์อัตราดอกเบี้ยที่ลดต่ำลงในปัจจุบัน และความต้องการของลูกค้าในกองที่มีความเสี่ยงต่ำยังมีอยู่อีกเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ บริษัทจะทำการของกองทุนเปิดทหารไทย พันธบัตรเกาหลีใต้ รุ่นที่ 9 (TMBKFS9) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตราสารแห่งหนี้ที่ลงทุนในต่างประเทศ ที่มีการกระจายน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐานการกระจายการลงทุน อายุโครงการประมาณ 1 ปี มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท ในระหว่างวันที่ 26 มีนาคม - 2 เมษายน 2551
โดยกองทุนดังกล่าวจะเน้นลงทุนในพันธบัตร ตั๋วเงินคลัง หรือพันธบัตรธนาคารแห่งชาติ ที่รัฐบาลเกาหลีใต้ เป็นผู้ออก หรือผู้ค้ำประกัน ซึ่งมีอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหรือของผู้ออกตราสารอยู่ใน 2 อันดับแรก ที่เสนอขายในต่างประเทศ โดยมีมูลค่าหน่วยลงทุนรวมกันทั้งสิ้นไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยส่วนที่เหลือ กองทุนอาจพิจารณาลงทุนในเงินฝาก ตราสารแห่งหนี้ในประเทศที่มีอายุของสัญญา อายุของตราสาร หรือระยะเวลาการฝากเงินไม่เกิน 1 ปี โดยมีวัตุประสงค์เพื่อการสำรองเงินไว้สำหรับการดำเนินงาน รอการลงทุน หรือรักษาสภาพคล่องของกองทุน
ทั้งนี้กองทุนอาจทำสัญญาสวอปและสัญญาฟอร์เวิร์ดที่อ้างอิงกับอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อป้องกันความเสี่ยง (Hedging) จากอัตราแลกเปลี่ยน (Foreign Exchange Rate Risk) โดยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กำหนด แต่จะไม่ลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารหนี้ที่มีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note)
สำหรับกองทุนเปิดทหารไทย พันธบัตรเกาหลีใต้ รุ่นที่ 9 นี้ บริษัทจัดการจะพิจารณาดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 2 ครั้งต่อปีในอัตราไม่ต่ำกว่า 3.70-3.90% ต่อปี ตามระยะเวลาที่กำหนด
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ทหารไทย เปิดเผยว่า การขยายความร่วมมือของธนาคารทหารไทยในการเป็นตัวแทนขายหน่วยลงทุนให้แก่ บลจ.ไอเอ็นจี คงจะเป็นผลดีต่อลูกค้าในการมีสินค้าให้เลือกลงทุนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งบลจ.ทหารไทยและบลจ.ไอเอ็นจีเองจะมีจุดยืนที่ต่างกันชัดเจนอยู่แล้ว และเมื่อสังเกตให้ดีกองทุนที่ทั้ง 2 บริษัทออกมาจะมีความแตกต่างอยู่ในแต่ละกองทุนอยู่แล้วถึงแม้จะมีความเหมือนกันในบ้างส่วนก็ตาม
"ความเหมือนกันของสินค้าน่าจะมีบ้าง แต่เมื่อนำมาเทียบกันแล้วจะยังมีความแตกต่างกันอยู่ และทั้ง 2 บลจ.ก็มีจุดยืนชัดเจนอยู่แล้วว่า ทหารไทยจะเป็นแบ Passive และไอเอ็นจีจะเป็นแบบ Active มากกว่า แต่มองในแง่ลูกค้าของแบงก์แล้วน่าจะเป็นเรื่องดีเมื่อมีสินค้าให้เลือกมากขึ้น"นางโชติกากล่าว
สำหรับการปรับตัวหลังจากความธนาคารทหารไทยมีความร่วมมือกับ บลจ.ไอเอ็นจี คงจะเป็นไปตามแผนเดิมที่วางไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งการบริหารงานของบริษัทได้เน้นในเรื่องของผลการดำเนินงาน สินค้า และการให้บริการมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว โดยเป้าหมายของบริษัทในการเป็น The Best จะครอบคลุมในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของผลิตภัณฑ์ ผลการดำเนินงาน และความสำพันธ์กับสาขาของธนาคาร รวมถึงการทำให้ผู้ถือหุ้นพอใจการบริหารงานด้วย
ส่วนการแข่งขันคงจะเป็นไปตามเดิมด้วยเช่นกัน เนื่องจากที่ผ่านมาไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ 2 บริษัทเท่านั้น แต่การบริหารงานจำเป็นที่ต้องมีการแข่งขันกับบลจ.อื่นๆ ในอุตสาหกรรมนี้ด้วย ซึ่งก่อนความร่วมมือนี้จะเกิดขึ้นมิใช่ว่าลูกค้าของแต่ละบริษัทจะซื้อหน่วยลงทุนของบลจ.อื่นไม่ได้ เพราะหากนักลงทุนมองในแง่ผลตอบแทนแล้ว ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นลูกค้าอยู่เพียงแค่บริษัทเดียวเท่านั้น
"ไม่ใช่ว่าจะต้องแข่งขันกันแค่นี้ ที่ผ่านมาเราต้องแข่งกับทั้งอุตสาหกรรมอยู่แล้ว โดยไม่ได้หมายความว่าก่อนหน้านี้ลูกค้าจะซื้อหน่วยลงทุนกับไอเอ็นจีไม่ได้ มันต้องดูในภาพรวม และเราจะต้องทำให้ได้ อย่างกองตราสารหนี้ต่างประเทศ หากที่อื่นทำได้ 3.8% เราจะทำได้น้อยกว่านั้นก็ไม่ได้ มันต้อง 3.9% การแข่งขันในเรื่องโปรดักซ์ และเพอร์ฟอร์แมนท์ เป็นเรื่องที่ต้องทำอยู่แล้ว ส่วนในอนาคตจะมีการคุยกันกับไอเอ็นจีหรือไม่ ก็เป็นไปได้ เพราะทุกคนในธุรกิจนี้แม้จะแข่งกันแต่ก็เป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว"นางโชติกากล่าว
นางโชติกากล่าวอีกว่า การออกกองทุนหลังจากนี้คงจะพิจารณาถึงสถานกาณ์ และความต้องการของนักลงทุนเป็นหลัก เพื่อให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า โดยในช่วงนี้บริษัทได้มีการเสนอขายกองทุนพันธบัตรเกาหลีใต้ออกมาอย่างต่อเนื่อง เพราะเห็นว่าเป็นจังหวะที่เหมาะสมในการหาผลตอบแทนที่สูงในสถานการณ์อัตราดอกเบี้ยที่ลดต่ำลงในปัจจุบัน และความต้องการของลูกค้าในกองที่มีความเสี่ยงต่ำยังมีอยู่อีกเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ บริษัทจะทำการของกองทุนเปิดทหารไทย พันธบัตรเกาหลีใต้ รุ่นที่ 9 (TMBKFS9) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตราสารแห่งหนี้ที่ลงทุนในต่างประเทศ ที่มีการกระจายน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐานการกระจายการลงทุน อายุโครงการประมาณ 1 ปี มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท ในระหว่างวันที่ 26 มีนาคม - 2 เมษายน 2551
โดยกองทุนดังกล่าวจะเน้นลงทุนในพันธบัตร ตั๋วเงินคลัง หรือพันธบัตรธนาคารแห่งชาติ ที่รัฐบาลเกาหลีใต้ เป็นผู้ออก หรือผู้ค้ำประกัน ซึ่งมีอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหรือของผู้ออกตราสารอยู่ใน 2 อันดับแรก ที่เสนอขายในต่างประเทศ โดยมีมูลค่าหน่วยลงทุนรวมกันทั้งสิ้นไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยส่วนที่เหลือ กองทุนอาจพิจารณาลงทุนในเงินฝาก ตราสารแห่งหนี้ในประเทศที่มีอายุของสัญญา อายุของตราสาร หรือระยะเวลาการฝากเงินไม่เกิน 1 ปี โดยมีวัตุประสงค์เพื่อการสำรองเงินไว้สำหรับการดำเนินงาน รอการลงทุน หรือรักษาสภาพคล่องของกองทุน
ทั้งนี้กองทุนอาจทำสัญญาสวอปและสัญญาฟอร์เวิร์ดที่อ้างอิงกับอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อป้องกันความเสี่ยง (Hedging) จากอัตราแลกเปลี่ยน (Foreign Exchange Rate Risk) โดยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กำหนด แต่จะไม่ลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารหนี้ที่มีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note)
สำหรับกองทุนเปิดทหารไทย พันธบัตรเกาหลีใต้ รุ่นที่ 9 นี้ บริษัทจัดการจะพิจารณาดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 2 ครั้งต่อปีในอัตราไม่ต่ำกว่า 3.70-3.90% ต่อปี ตามระยะเวลาที่กำหนด
