ผู้จัดการรายวัน - ออมสินจับไอเดียกองทุนวายุภักษ์ 1 ตั้ง "กองทุนรวมออมสิน" มูลค่า 7,500 ล้านบาท ให้บลจ.เอ็มเอฟซีบริหาร "พิชิตเผย ใช้หลักการเดียวกับวายุภักษ์ 1 คือคุ้มครองเงินต้น พร้อมการันตีผลตอบแทนขั่นต่ำ 3% ต่อปี แต่ใช้หุ้นในพอร์ตของออมสินเป็นหลักประกันตลอดอายุการลงทุน 5 ปี ระบุเปิดระดมทุนจากผู้ถือหน่วยรายย่อย 30% และอีก 70% มาจากออมสิน คาดไอพีโอได้เร็วๆนี้
นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเปิดระดมทุนกองทุนรวมออมสิน กองทุนรวมคุ้มครองเงินต้นมูลค่าโครงการ 7,500 ล้านบาท มีอายุการลงทุน 5 ปี ซึ่งกองทุนดังกล่าว มีรูปแบบการระดมทุนและลงทุนคล้ายกับเดียวกับกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 โดยมีหลักทรัพย์ที่ธนาคารออมสินถืออยู่เป็นหลักประกัน ซึ่งขณะนี้กองทุนกำลังอยู่ระหว่างยื่นขอจัดตั้งกองทุนกับทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และคาดว่าจะสามารถเปิดระดมทุนครั้งแรกได้เร็วๆ นี้
ทั้งนี้ กองทุนรวมออมสิน มีนโยบายลงทุนเช่นเดียวกับกองทุนวายุภักษ์ 1 คือ เน้นลงทุนในหุ้นที่มีอัพไซด์จากการลงทุนสูง โดยการระดมทุนของกองทุนดังกล่าว จะมาจากผู้ลงทุนรายย่อยทั่วไปในสัดส่วน 30% และอีก 70% เป็นเงินลงทุนของธนาคารออมสิน ซึ่งในส่วนของรายย่อยจะได้รับผลตอบแทนจากส่วนแบ่งกำไรจากหุ้น ซึ่งนอกจากกองทุนจะคุ้มครองเงินต้นแล้ว กองทุนยังรับประกันผลตอบแทนให้ผู้ถือหน่วยในอัตราขั่นต่ำ 3% ต่อปีด้วย อย่างไรก็ตาม ผู้ถือหน่วยมีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูงสุด 9-10% ต่อปี แต่ขึ้นอยู่กับผลตอบแทนที่ได้จากการจัดพอร์ตลงทุนของกองทุนด้วย โดยกองทุนรวมออมสิน มีนโยบายจ่ายเงินปันผลอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
สำหรับหลักประกันของกองทุนรวมออมสิน จะใช้รูปแบบเดียวกับกองทุนวายุภักษ์ 1 เช่นกัน โดยจะมาจากหลักทรัพย์ที่ธนาคารออมสินถืออยู่ ซึ่งการลงทุนดังกล่าวไม่ได้หมายความว่าเป็นหุ้นที่ออมสินถืออยู่ทั้งหมด เพราะเป็นการนำหลักทรัพย์มาเป็นหลักประกันเพียงบางส่วนเท่านั้น
"กองทุนนี้ใช้หลักการเดียวกันกับกองทุนวายุภักษ์ 1 โดยหลักทรัพย์ที่นำมาค้ำประกันเป็นพอร์ตหุ้นที่ธนาคารออมสินถืออยู่ ซึ่งออมสินทำหน้าที่เหมือนคลัง โดยมีเป้าหมายให้ผู้ถือหน่วยได้รับประโยชน์เต็มที่"นายพิชิตกล่าว
นายพิชิตกล่าวว่า สำหรับการลงทุนในช่วงแรก กองทุนจะแบ่งผลตอบแทนให้กับผู้ถือหน่วยรายย่อยก่อน ซึ่งในกรณีที่กองทุนขาดทุน ภาระทั้งหมดจะอยู่ที่ธนาคารออมสินเช่นเดียวกับกองทุนวายุภักษ์ 1 ที่ภาระดังกล่าวจะอยู่ที่กระทรวงการคลัง และในทางกลับกัน ในกรณีที่กองทุนมีกำไรจากการลงทุนเพิ่มขึ้นในระดับหนึ่ง ธนาคารออมสินก็จะได้ผลตอบแทนส่วนใหญ่นั้นไปเช่นกัน
"ผู้ลงทุนกลุ่มเป้าหมายของกองทุนนี้ คงอยู่ที่ผู้ลงทุนทั่วไป โดยเฉพาะผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนในกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 เพราะรูปแบบอกมาในลักษณะเดียวกัน ซึ่งกองทุนนี้คาดหวังว่าภายใน 5 ปี จะได้ผลตอบแทนขั่นต่ำอย่างน้อย 3% ต่อปี ซึ่งผู้ถือหน่วยเองยังมีโอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่านี้เป็น 9-10% แต่ต้องขึ้นอยู่กับการจัดพอร์ตลงทุนนั้นด้วย"นายพิชิตกล่าว
นายพิชิตกล่าวว่่า จุดประสงค์ที่ธนาคารออมสินตั้งกองทุนนี้ เพราะต้องการนำทรัพย์สินที่ธนาคารมีอยู่มาใช้ให้เกิดประโยชน์และมีประสิทธิภาพสูงสุด เช่นเดียวกับกระทรวงการคลังที่นำสินทรัพย์มาจัดตั้งกองทุนวายุภักษ์ 1 ขณะเดียวกัน กองทุนนี้จะเป็นการเพิ่มสินค้าใหม่ให้กับลูกค้าของธนาคารออมสินที่ต้องการช่องทางการลงทุนใหม่ๆ โดยเฉพาะกองทุนที่คุ้มครองเงินต้นและมีการการันตีผลตอบแทนขั่นต่ำเช่นนี้
สำหรับกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 มีมูลค่าการระดมทุน 100,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นชนิดของหน่วยลงทุนออกเป็น 2 ประเภท ประกอบด้วย หน่วยลงทุนประเภท ก. ซึ่งมีนักลงทุนทั่วไปเป็นผู้ถือหน่วยลงทุนดังกล่าวในจำนวน 70,000 ล้านบาท ส่วนหน่วยลงทุนประเภท ข. มีกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหน่วยในจำนวน 30,000 ล้านบาท ซึ่งหน่วยลงทุนทั้ง 2 แบบจะได้รับสิทธิประโยชน์ที่แตกต่างกันทั้งในเรื่องของความคุ้มครองและผลตอบแทนที่จะได้รับ
โดยการลงทุนของกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 จะลงทุนในหลักทรัพย์ของสถาบันการเงิน รัฐวิสาหกิจ และธุรกิจที่กระทรวงการคลังถือหุ้นอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งรัฐวิสาหกิจที่จะแปรสภาพ หุ้นเพิ่มทุนตามสิทธิเรียกร้องของรัฐที่มอบให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินลงทุนไปก่อน หุ้นเพิ่มทุนตามสิทธิ หรือสิทธิเรียกร้องที่กระทรวงการคลังอาจมีในอนาคต นอกจากนี้ กองทุนรวมวายุภักษ์ 1 ยังสามารถลงทุนในตราสารทางการเงินของรัฐบาล รัฐวิสาหกิจ หรือสถาบันการเงินอื่นที่เหมาะสม รวมทั้งการเปิดบัญชีเงินฝากกับสถาบันการเงิน
ทั้งนี้ แม้กองทุนรวมวายุภักษ์ 1 จะลงทุนในหุ้นเป็นหลัก แต่เพื่อคุ้มครองเงินต้นมิให้ผู้ลงทุนทั่วไปได้รับผลกระทบจากการปรับตัวลดลงของราคาหลักทรัพย์ กระทรวงการคลังจึงได้ให้สทิธิกองทุนในการขายกองทรัพย์สินเพื่อคุ้มครองเงินลงทุนและผลตอบแทนขั่นต่ำแก่ผู้ถือหน่วยประเภท ก. ซึ่งถือหน่วยลงทุนตั้งแต่เริ่มต้นจนครบอายุโครงการ แต่ในการให้ความคุ้มครองดังกล่าวกระทรวงการคลังได้กำหนดเป็นเงื่อนไขไว้ว่า หากราคาหุ้นที่กระทรวงการคลังได้ขายให้แก่กองทุนรวมไปนั้นมีการปรับตัวสูงขึ้นในระดับหนึ่ง กระทรวงการคลังจะเป็นผู้ได้รับประโยชน์ส่วนใหญ่ ดังนั้น ผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนได้รับอาจจะสูงกว่าผลตอบแทนขั่นต่ำที่กำหนดไว้ แต่จะไม่เท่ากับการเพิ่มขึ้นของราคาหุ้น
สำหรับการจัดตั้งกองทุนรวมออมสิน ถือเป็นความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมครั้งแรก ระหว่างธนาคารออมสินกับ บลจ.เอ็มเอฟซี หลังจากก่อนหน้านี้ มีกระแสข่าวว่าธนาคารออมสินจะเข้ามาซื้อหุ้นบลจ.เอ็มเอฟซี ต่อจากธนาคารทหารไทยในสัดส่วน 11.68% ที่ต้องการขายออกมา เนื่องจากธนาคารทหารไทยเองก็ไม่ต้องการถือหุ้นในบริษัทจัดการกองทุนถึง 3 รายด้วยกัน ซึ่งปัจจุบันธนาคารออมสินเองก็เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ บลจ.เอ็มเอฟซี ในสัดส่วน 24.50% ส่วนที่เหลือเป็นกระทรวงการคลัง 16.67% บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) 10.52% บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) แอ็ดคินซัน จำกัด (มหาชน) 4.72% และภาคเอกชน 31.91%
นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเปิดระดมทุนกองทุนรวมออมสิน กองทุนรวมคุ้มครองเงินต้นมูลค่าโครงการ 7,500 ล้านบาท มีอายุการลงทุน 5 ปี ซึ่งกองทุนดังกล่าว มีรูปแบบการระดมทุนและลงทุนคล้ายกับเดียวกับกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 โดยมีหลักทรัพย์ที่ธนาคารออมสินถืออยู่เป็นหลักประกัน ซึ่งขณะนี้กองทุนกำลังอยู่ระหว่างยื่นขอจัดตั้งกองทุนกับทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และคาดว่าจะสามารถเปิดระดมทุนครั้งแรกได้เร็วๆ นี้
ทั้งนี้ กองทุนรวมออมสิน มีนโยบายลงทุนเช่นเดียวกับกองทุนวายุภักษ์ 1 คือ เน้นลงทุนในหุ้นที่มีอัพไซด์จากการลงทุนสูง โดยการระดมทุนของกองทุนดังกล่าว จะมาจากผู้ลงทุนรายย่อยทั่วไปในสัดส่วน 30% และอีก 70% เป็นเงินลงทุนของธนาคารออมสิน ซึ่งในส่วนของรายย่อยจะได้รับผลตอบแทนจากส่วนแบ่งกำไรจากหุ้น ซึ่งนอกจากกองทุนจะคุ้มครองเงินต้นแล้ว กองทุนยังรับประกันผลตอบแทนให้ผู้ถือหน่วยในอัตราขั่นต่ำ 3% ต่อปีด้วย อย่างไรก็ตาม ผู้ถือหน่วยมีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูงสุด 9-10% ต่อปี แต่ขึ้นอยู่กับผลตอบแทนที่ได้จากการจัดพอร์ตลงทุนของกองทุนด้วย โดยกองทุนรวมออมสิน มีนโยบายจ่ายเงินปันผลอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
สำหรับหลักประกันของกองทุนรวมออมสิน จะใช้รูปแบบเดียวกับกองทุนวายุภักษ์ 1 เช่นกัน โดยจะมาจากหลักทรัพย์ที่ธนาคารออมสินถืออยู่ ซึ่งการลงทุนดังกล่าวไม่ได้หมายความว่าเป็นหุ้นที่ออมสินถืออยู่ทั้งหมด เพราะเป็นการนำหลักทรัพย์มาเป็นหลักประกันเพียงบางส่วนเท่านั้น
"กองทุนนี้ใช้หลักการเดียวกันกับกองทุนวายุภักษ์ 1 โดยหลักทรัพย์ที่นำมาค้ำประกันเป็นพอร์ตหุ้นที่ธนาคารออมสินถืออยู่ ซึ่งออมสินทำหน้าที่เหมือนคลัง โดยมีเป้าหมายให้ผู้ถือหน่วยได้รับประโยชน์เต็มที่"นายพิชิตกล่าว
นายพิชิตกล่าวว่า สำหรับการลงทุนในช่วงแรก กองทุนจะแบ่งผลตอบแทนให้กับผู้ถือหน่วยรายย่อยก่อน ซึ่งในกรณีที่กองทุนขาดทุน ภาระทั้งหมดจะอยู่ที่ธนาคารออมสินเช่นเดียวกับกองทุนวายุภักษ์ 1 ที่ภาระดังกล่าวจะอยู่ที่กระทรวงการคลัง และในทางกลับกัน ในกรณีที่กองทุนมีกำไรจากการลงทุนเพิ่มขึ้นในระดับหนึ่ง ธนาคารออมสินก็จะได้ผลตอบแทนส่วนใหญ่นั้นไปเช่นกัน
"ผู้ลงทุนกลุ่มเป้าหมายของกองทุนนี้ คงอยู่ที่ผู้ลงทุนทั่วไป โดยเฉพาะผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนในกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 เพราะรูปแบบอกมาในลักษณะเดียวกัน ซึ่งกองทุนนี้คาดหวังว่าภายใน 5 ปี จะได้ผลตอบแทนขั่นต่ำอย่างน้อย 3% ต่อปี ซึ่งผู้ถือหน่วยเองยังมีโอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่านี้เป็น 9-10% แต่ต้องขึ้นอยู่กับการจัดพอร์ตลงทุนนั้นด้วย"นายพิชิตกล่าว
นายพิชิตกล่าวว่่า จุดประสงค์ที่ธนาคารออมสินตั้งกองทุนนี้ เพราะต้องการนำทรัพย์สินที่ธนาคารมีอยู่มาใช้ให้เกิดประโยชน์และมีประสิทธิภาพสูงสุด เช่นเดียวกับกระทรวงการคลังที่นำสินทรัพย์มาจัดตั้งกองทุนวายุภักษ์ 1 ขณะเดียวกัน กองทุนนี้จะเป็นการเพิ่มสินค้าใหม่ให้กับลูกค้าของธนาคารออมสินที่ต้องการช่องทางการลงทุนใหม่ๆ โดยเฉพาะกองทุนที่คุ้มครองเงินต้นและมีการการันตีผลตอบแทนขั่นต่ำเช่นนี้
สำหรับกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 มีมูลค่าการระดมทุน 100,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นชนิดของหน่วยลงทุนออกเป็น 2 ประเภท ประกอบด้วย หน่วยลงทุนประเภท ก. ซึ่งมีนักลงทุนทั่วไปเป็นผู้ถือหน่วยลงทุนดังกล่าวในจำนวน 70,000 ล้านบาท ส่วนหน่วยลงทุนประเภท ข. มีกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหน่วยในจำนวน 30,000 ล้านบาท ซึ่งหน่วยลงทุนทั้ง 2 แบบจะได้รับสิทธิประโยชน์ที่แตกต่างกันทั้งในเรื่องของความคุ้มครองและผลตอบแทนที่จะได้รับ
โดยการลงทุนของกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 จะลงทุนในหลักทรัพย์ของสถาบันการเงิน รัฐวิสาหกิจ และธุรกิจที่กระทรวงการคลังถือหุ้นอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งรัฐวิสาหกิจที่จะแปรสภาพ หุ้นเพิ่มทุนตามสิทธิเรียกร้องของรัฐที่มอบให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินลงทุนไปก่อน หุ้นเพิ่มทุนตามสิทธิ หรือสิทธิเรียกร้องที่กระทรวงการคลังอาจมีในอนาคต นอกจากนี้ กองทุนรวมวายุภักษ์ 1 ยังสามารถลงทุนในตราสารทางการเงินของรัฐบาล รัฐวิสาหกิจ หรือสถาบันการเงินอื่นที่เหมาะสม รวมทั้งการเปิดบัญชีเงินฝากกับสถาบันการเงิน
ทั้งนี้ แม้กองทุนรวมวายุภักษ์ 1 จะลงทุนในหุ้นเป็นหลัก แต่เพื่อคุ้มครองเงินต้นมิให้ผู้ลงทุนทั่วไปได้รับผลกระทบจากการปรับตัวลดลงของราคาหลักทรัพย์ กระทรวงการคลังจึงได้ให้สทิธิกองทุนในการขายกองทรัพย์สินเพื่อคุ้มครองเงินลงทุนและผลตอบแทนขั่นต่ำแก่ผู้ถือหน่วยประเภท ก. ซึ่งถือหน่วยลงทุนตั้งแต่เริ่มต้นจนครบอายุโครงการ แต่ในการให้ความคุ้มครองดังกล่าวกระทรวงการคลังได้กำหนดเป็นเงื่อนไขไว้ว่า หากราคาหุ้นที่กระทรวงการคลังได้ขายให้แก่กองทุนรวมไปนั้นมีการปรับตัวสูงขึ้นในระดับหนึ่ง กระทรวงการคลังจะเป็นผู้ได้รับประโยชน์ส่วนใหญ่ ดังนั้น ผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนได้รับอาจจะสูงกว่าผลตอบแทนขั่นต่ำที่กำหนดไว้ แต่จะไม่เท่ากับการเพิ่มขึ้นของราคาหุ้น
สำหรับการจัดตั้งกองทุนรวมออมสิน ถือเป็นความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมครั้งแรก ระหว่างธนาคารออมสินกับ บลจ.เอ็มเอฟซี หลังจากก่อนหน้านี้ มีกระแสข่าวว่าธนาคารออมสินจะเข้ามาซื้อหุ้นบลจ.เอ็มเอฟซี ต่อจากธนาคารทหารไทยในสัดส่วน 11.68% ที่ต้องการขายออกมา เนื่องจากธนาคารทหารไทยเองก็ไม่ต้องการถือหุ้นในบริษัทจัดการกองทุนถึง 3 รายด้วยกัน ซึ่งปัจจุบันธนาคารออมสินเองก็เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ บลจ.เอ็มเอฟซี ในสัดส่วน 24.50% ส่วนที่เหลือเป็นกระทรวงการคลัง 16.67% บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) 10.52% บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) แอ็ดคินซัน จำกัด (มหาชน) 4.72% และภาคเอกชน 31.91%