"อยากเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ - แต่เงินไม่พอ" , "มีเงินพอ - แต่ไม่มีเวลาจัดการดูแล" จะทำอย่างไงดี? เป็นคำถามโลกแตกสำหรับนักลงทุนทั่วไปที่ต้องการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ แต่ถ้ามีใครบอกคุณว่า มีทางเลือกในการลงทุนที่จะทำให้คุณได้ร่วมเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์และยังมีคณะผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยบริหารจัดการให้ด้วยละจะน่าสนใจมั้ย?
คำตอบหนึ่งเดียวสำหรับคำถามทั้งหมดก็คือ กองทุนอสังหาริมทรัพย์(พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์) โดยการลงทุนนี้เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ไม่สามารถที่จะใช้เงินลงทุนจำนวนมากไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพื่อเก็บค่าเช่าได้ด้วยตัวเอง ให้สามารถลงทุนด้วยเงินจำนวนน้อยกว่า เพื่อเก็บรายได้ค่าเช่าแล้วคืนให้กับผู้ถือหน่วยในรูปของเงินปันผล รวมถึงยังมีผู้ที่ดูแลจัดการบริหารสินทรัพย์ดังกล่าวแทนอีกด้วย
อย่างไรก็ตามในปีที่ผ่านมาการลงทุนในพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ถูกปิดตายจากมาตราการกั้นสำรอง 30% เพราะกลุ่มนักลงทุนต่างชาติไม่สามารถเข้ามาลงทุนได้อย่างสะดวกเหมือนในอดีต ทำให้บรรดาบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ต่างๆ ที่มีแผนที่จะออกหรือเพิ่มขนาดกองทุนก็ต่างพากันระงับหรือชะลอแผนที่วางไว้กันเกือบหมด จนทำให้ปี 2550 แทบจะเป็นปีแห่งฝันร้ายของกองทุนอสังหาริมทรัพย์เลยทีเดียว
แต่ตอนนี้เมื่อภาครัฐจะยกเลิกมาตรการกั้นสำรอง 30% แล้ว ก็เป็นที่คาดหมายว่ากองทุนอสังหาริมทรัพย์จะสามารถกลับมาลืมตา อ้าปากกันได้อีกครั้ง แต่...ถ้าจะย้อนไปดูกัน ความน่าสนใจของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ก็ไม่ได้ถูกบั่นทอนจากมาตราการดังกล่าวแต่อย่างใดอยู่แล้ว
นที ดำรงค์กิจการ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นครหลวงไทย จำกัด กล่าวถึงข้อดีในการลงทุนผ่านกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ว่า ทางเลือกการลงทุนในพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์มีความน่าสนใจ เนื่องมาจากปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง ทำให้การลงทุนในกองทุนอสังหาทรัพย์เป็นทางเลือกที่น่าจะสามารถให้ผลตอบแทนในระดับสูงกว่าการฝากเงิน
ทั้งนี้สำหรับนักลงทุนที่จะเข้าไปลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ควรที่จะต้องรับสภาพได้ว่าการซื้อขายของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ในตลาดรอง (ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย) มีสภาพคล่องน้อย และควรจะต้องมีการศึกษาให้ดีว่ากองทุนที่จะเข้าไปลงทุนมีนโยบายการลงทุนในลักษณะใดก่อนด้วย
อย่างไรก็ตามปัจจุบันภาครัฐมีแนวโน้มว่าจะมีการประกาศยกเลิกการใช้มาตราการกั้นสำรอง 30% ซึ่งถ้ามีการยกเลิกได้จริงน่าจะทำให้นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจกับการเข้ามาลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์เพิ่มมากขึ้น และน่าจะส่งผลทำให้ราคาของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
ด้านโชติมา โชติบัณฑิต ผู้อำนวยการอาวุโสและหัวหน้าหน่วยงานฝ่ายกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ บลจ.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า สำหรับการยกเลิกมาตรการกั้นสำรอง 30% ผลดีจะเกิดกับนักลงทุนต่างชาติที่จะสามารถลงทุนได้อย่างคล่องตัวเพิ่มมากขึ้น เพราะไม่ต้องทำการกั้นสำรอง 30% อย่างไรก็ตามกองทุนอสังหาริมทรัพย์นั้นมีความน่าสนใจในการลงทุนอยู่แล้ว
"การลงทุนในกองอสังหาริมทรัพย์นั้นดีด้วยตัวสินค้าของกองทุน และยังเป็นการลงทุนที่สามารถให้ผลตอบแทนในระดับที่น่าพึงพอใจ และเกือบทุกกองก็ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงิน"โชติมายืนยันถึงความน่าสนใจในการลงทุน
ทั้งนี้แนะนำให้นักลงทุนที่สนใจจะเข้ามาลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ควรจะต้องมีการจัดสรรพอร์ตตัวเองด้วย เพราะการลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์นั้นจะเป็นการลงทุนระยะกลาง - ยาว ทำให้เงินที่นักลงทุนจะเข้ามาลงทุนจึงควรเป็นส่วนที่สามารถถือในระยะยาวได้ด้วย
#CPNไม่ง้อเลิก30%เดินหน้าขยายกองต่อ
ขณะที่ฝั่งผู้ประกอบการอย่าง นริศ เชยกลิ่น รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและบัญชี บริษัทเซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN กล่าวยืนยันว่า บริษัทจะเดินหน้าขยายขนาดของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท (CPNRF) ตามราคาประเมินสินทรัพย์จากโครงการเซ็นทรัลปิ่นเกล้า โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการรอประเมินราคาสินทรัพย์ใหม่ โดยคาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 7,000 -10,000 ล้านบาท
"ตอนนี้ขายให้ต่างชาติได้หลังจากที่ทางการได้ปรับเกณฑ์เมื่อ 19 ธันวาคมที่ผ่านมาให้กับผู้ถือหน่วยเดิม ทำให้เราตัดสินใจเดินหน้าต่อ โดยตั้งใจว่าจะขายทันภายในไตรมาส 2/51 ซึ่งถ้ายกเลิกมาตรการ 30% ก็คงขายต่างประเทศด้วย ถึงแม้ยกเลิกมาตรการ 30% ไม่ทันไตรมาส 2 ก็ไม่มีผลอะไรอยู่แล้ว เพราะเลิกหรือไม่เลิกเราก็ทำ เนื่องผู้ถือหน่วยเดิมก็อยากซื้ออยู่แล้ว แต่ถ้าขายคนนอกก็จะดีขึ้น"นายนริศ กล่าว
ส่วนกองทุนอสังหาริมทรัพย์ Office Fund ที่จะเข้าไปจดทะเบียนในตลาดสิงคโปร์ ขณะนี้เลื่อนออกไปก่อนไม่มีกำหนด เพราะบริษัทสามารถดำเนินการขยายกองทุน CPNRF ได้แล้ว และไม่ได้รีบออกกองใหม่ รวมทั้งพิจารณาแล้วเห็นว่าควรใช้ทรัพย์สินที่อยู่ในต่างประเทศเข้าเป็นสินทรัพย์ในกองทุนจะเหมาะสมกว่า
โดยวานนี้ (12 ก.พ.51) ราคาของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท (CPNRF) ปิดที่ 10.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท หรือ 2.04% มูลค่าการซื้อขาย 12.87 ล้านบาท
#ตลท.เชื่ออีก10ปีพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์บูม
นายวิเชฐ ตันติวานิช รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้เคยเปิดเผยถึงมุมมองต่อกองทุนอสังหาริมทรัพย์ว่า ภายใน 10 ปี การลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์น่าจะได้รับความสนใจและมีแนวโน้มที่จะสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงหลังจากที่ธนาคารพาณิชย์รับประกันเงินฝากได้น้อยลง เพราะน่าจะมีนักลงทุนบางส่วนที่ต้องการย้ายการลงทุนเข้ามาลงทุนแบบลักษณะที่ให้ผลตอบแทนและมีความเสี่ยงไม่สูงมากยิ่งขึ้น ทำให้การลงทุนผ่านกองทุนอสังหาริมทรัพย์น่าจะเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ลงทุนได้
นอกจากนี้หลังจากนี้การจะเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์น่าจะทำได้ยากขึ้น เนื่องมาจากราคาอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเข้ามาลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์จะเป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถทำให้นักลงทุนสามารถเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ได้เช่นเดียวกัน
#แนะนำซื้อหุ้นอสังหา-กองทุนอสังหาฯ รับอานิสงส์เลิกมาตรการ
ทั้งนี้หลังจากที่มีข่าวว่าภาครัฐจะทำการยกเลิกมาตราการกั้นสำรอง 30% ก็มีบรรดาบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หลายแห่งที่ออกบทวิเคราะห์ แนะนำให้นักลงทุน "ซื้อ" หุ้นที่มีความเกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ และหุ้นของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ เช่น บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) , กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ซีพีเอ็น รีเทล โกรท (CPNRF) , บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ (QH) , กองทุนอสังหาริมทรัพย์ควอลิตี้เฮ้าส์ (QHPF) , กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน (TFUND) และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์สนามบินสมุย (SPF) เป็นต้น เนื่องจากประเมินว่าการยกเลิกมาตรการดังกล่าวจะทำให้ความกังวลของต่างชาติเกี่ยวกับการกันสำรองจะหายไป คาดว่าจะมีเม็ดเงินของต่างชาติไหลกลับเข้าตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง