บลจ.ทิสโก้วางเป้าออกกองทุนต่างประเทศ 3 รูปแบบ ทั้งพันธบัตรรัฐบาล สตรัคเจอร์โน็ต และ ETF ระบุพันธบัตรต่างประเทศต้องเรตติ้งดี และซื้อขายคล่อง ส่วนสตรัคเจอร์โน๊ตจะเน้นลิงก์กับสินค้าโภคภัณฑ์เป็นหลัก พร้อมเตรียมเข็นกองบอนด์ออสซี่ 2 หลังยอดขายกองแรกพุ่งเกือบ 1.2 พันล้านบาท จากความผันผวนที่น้อย และเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการความมั่นคงสูง
นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่ากองทุนที่ลงทุนต่างประเทศกองต่อๆ ไปของบลจ. ทิสโก้ซึ่งจะทยอยออกในปีนี้จะให้ความสนใจการลงทุนใน 3 รูปแบบด้วยกัน คือ พันธบัตรรัฐบาลต่างประเทศที่มีการจัดอันดับอยู่ในอันดับที่ดี (Rating ไม่ต่ำกว่า A-), ETF (Exchange Traded Fund) และตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง หรือ Structured Note ที่อิงกับตลาดต่างประเทศ (Offshore underlying)
สำหรับบอนด์ต่างประเทศที่จะเลือกลงทุนในปีนี้ ต้องมีผลตอบแทนที่ดี อยู่ในระหว่าง 4-7% และมีเรตติ้งไม่ต่ำกว่า A- รวมทั้งมีสภาพคล่องสูง และซื้อขายง่าย ส่วนที่จะความสนใจใน ETF เป็นเพราะมีต้นทุนต่ำกว่ากองทุนรวมทั่วไป และแนวโน้ม ETF ทั่วโลกก็จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นทางเลือกใหม่ในการลงทุนที่น่าสนใจ
ส่วน Structured Note ที่บริษัทจะเข้าไปลงทุนจะเน้นหนักไปในเรื่องของการคุ้มครองเงินต้น และมีอายุประมาณ 1-3 ปี โดยจะให้ผลตอบแทนอ้างอิงกับดัชนี อัตราดอกเบี้ย หรือราคาสินค้า Commodity ในต่างประเทศ เช่นลิงก์กับดัชนีตลาดหลักทรัพย์จีน อินเดีย รัสเซีย S&P500 หรืออิงกับราคาน้ำมัน ทองคำ หรืออิงกับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของประเทศนั้นๆ เป็นต้น
นายธีรนาถ กล่าวอีกว่า หลังจากประสบความสำเร็จจากการเสนอขาย "กองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรออสเตรเลีย" เมื่อเดือนธันวาคม ปีที่ผ่านมา ซึ่งสามารถระดมเงินทุนได้กว่า 1,179 ล้านบาท และ "กองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรนิวซีแลนด์ 1, 2 และ 3" ที่ได้รับการตอบรับที่ดีมากเช่นกัน จนสามารถระดมทุนได้กว่า 3,344 ล้านบาท เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมานั้น ทำให้ล่าสุดบริษัทจึงเตรียมเสนอขาย "กองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรออสเตรเลีย 2" อย่างต่อเนื่อง
"สาเหตุที่เลือกลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของประเทศออสเตรเลีย เนื่องจากเป็นประเทศที่ให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสูง ประกอบกับรัฐบาลออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีเครดิตเรตติ้ง หรืออันดับความน่าเชื่อถือสูงที่สุด คือ AAA จึงทำให้การลงทุนในพันธบัตรของประเทศออสเตรเลียมีความเสี่ยงต่ำ ซึ่งเชื่อว่าน่าจะช่วยลดความกังวลของนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงด้วยการลงทุนในต่างประเทศ แต่ยังคงกังวลในเรื่องสถานการณ์ความผันผวนต่างๆ เช่น ภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และวิกฤติซับไพร์มจากสหรัฐอเมริกา ก็หันมาลงทุนในประเทศแถบเอเชียแปซิฟิก ที่มีความเสี่ยงต่ำกว่าแทน"นายธีรนาถกล่าว
สำหรับ กองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรออสเตรเลีย 2" มีมูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท ระยะเวลาลงทุนประมาณ 1 ปี 7 เดือน 15 วัน โดยมีนโยบายลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลออสเตรเลียไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และส่วนที่เหลือจะลงทุนในตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาลไทย และ/หรือเงินฝาก
ทั้งนี้ กองทุนจะลงทุนในรูปสกุลเงินดอลล่าร์ออสเตรเลียทำให้ยังคงมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากไม่มีการซื้อสัญญาฟอร์เวิร์ดเพื่อป้องกันความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนมากขึ้น หากค่าเงินบาทอ่อนลงเมื่อเปรียบเทียบกับเงินดอลล่าร์ออสเตรเลีย เนื่องจากเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนของค่าเงินบาทต่อเงินสกุลเงินดอลล่าร์ออสเตรเลียจะไม่ผันผวนมากนัก สำหรับกองทุนเปิดทิสโก้ ที่เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของประเทศออสเตรเลีย
"กองทุนนี้คาดว่าจะให้ผลตอบแทนประมาณ 5.1% ต่อปี โดยพิจารณาจากอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลออสเตรเลียที่คาดว่าจะลงทุน ซึ่งได้แก่พันธบัตรรัฐบาลออสเตรเลีย รุ่น 7 1/2 09/09 ที่ครบอายุในเดือนกันยายน 2009 ที่คาดว่าจะให้ผลตอบแทนประมาณ 6.7% ต่อปี (www.Bloomberg.com, ข้อมูล ณ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2551) ด้วยสัดส่วนการลงทุนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือจะลงทุนในตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล และ/หรือเงินฝาก ผลตอบแทนประมาณ 3% ต่อปี เพื่อรักษาสภาพคล่องของกองทุน โดยมีค่าใช้จ่ายของกองทุนประมาณ 0.9 %ต่อปี" นายธีรนาถ กล่าว
ทั้งนี้ กองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรออสเตรเลีย 2 จะได้รับผลตอบแทนเป็นสกุลเงินดอลล่าร์ออสเตรเลีย โดยสัดส่วนการลงทุนและอัตราผลตอบแทนอาจเปลี่ยนแปลงไป ขึ้นอยู่กับผลการประมูลของตราสาร ณ วันที่ลงทุนและการเปลี่ยนแปลงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โดยจะเสนอขายครั้งเดียวในวันที่ 14-20 ก.พ. 51 นี้ เงินลงทุนขั้นต่ำอยู่ที่ 20,000 บาท
นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่ากองทุนที่ลงทุนต่างประเทศกองต่อๆ ไปของบลจ. ทิสโก้ซึ่งจะทยอยออกในปีนี้จะให้ความสนใจการลงทุนใน 3 รูปแบบด้วยกัน คือ พันธบัตรรัฐบาลต่างประเทศที่มีการจัดอันดับอยู่ในอันดับที่ดี (Rating ไม่ต่ำกว่า A-), ETF (Exchange Traded Fund) และตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง หรือ Structured Note ที่อิงกับตลาดต่างประเทศ (Offshore underlying)
สำหรับบอนด์ต่างประเทศที่จะเลือกลงทุนในปีนี้ ต้องมีผลตอบแทนที่ดี อยู่ในระหว่าง 4-7% และมีเรตติ้งไม่ต่ำกว่า A- รวมทั้งมีสภาพคล่องสูง และซื้อขายง่าย ส่วนที่จะความสนใจใน ETF เป็นเพราะมีต้นทุนต่ำกว่ากองทุนรวมทั่วไป และแนวโน้ม ETF ทั่วโลกก็จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นทางเลือกใหม่ในการลงทุนที่น่าสนใจ
ส่วน Structured Note ที่บริษัทจะเข้าไปลงทุนจะเน้นหนักไปในเรื่องของการคุ้มครองเงินต้น และมีอายุประมาณ 1-3 ปี โดยจะให้ผลตอบแทนอ้างอิงกับดัชนี อัตราดอกเบี้ย หรือราคาสินค้า Commodity ในต่างประเทศ เช่นลิงก์กับดัชนีตลาดหลักทรัพย์จีน อินเดีย รัสเซีย S&P500 หรืออิงกับราคาน้ำมัน ทองคำ หรืออิงกับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของประเทศนั้นๆ เป็นต้น
นายธีรนาถ กล่าวอีกว่า หลังจากประสบความสำเร็จจากการเสนอขาย "กองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรออสเตรเลีย" เมื่อเดือนธันวาคม ปีที่ผ่านมา ซึ่งสามารถระดมเงินทุนได้กว่า 1,179 ล้านบาท และ "กองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรนิวซีแลนด์ 1, 2 และ 3" ที่ได้รับการตอบรับที่ดีมากเช่นกัน จนสามารถระดมทุนได้กว่า 3,344 ล้านบาท เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมานั้น ทำให้ล่าสุดบริษัทจึงเตรียมเสนอขาย "กองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรออสเตรเลีย 2" อย่างต่อเนื่อง
"สาเหตุที่เลือกลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของประเทศออสเตรเลีย เนื่องจากเป็นประเทศที่ให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสูง ประกอบกับรัฐบาลออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีเครดิตเรตติ้ง หรืออันดับความน่าเชื่อถือสูงที่สุด คือ AAA จึงทำให้การลงทุนในพันธบัตรของประเทศออสเตรเลียมีความเสี่ยงต่ำ ซึ่งเชื่อว่าน่าจะช่วยลดความกังวลของนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงด้วยการลงทุนในต่างประเทศ แต่ยังคงกังวลในเรื่องสถานการณ์ความผันผวนต่างๆ เช่น ภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และวิกฤติซับไพร์มจากสหรัฐอเมริกา ก็หันมาลงทุนในประเทศแถบเอเชียแปซิฟิก ที่มีความเสี่ยงต่ำกว่าแทน"นายธีรนาถกล่าว
สำหรับ กองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรออสเตรเลีย 2" มีมูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท ระยะเวลาลงทุนประมาณ 1 ปี 7 เดือน 15 วัน โดยมีนโยบายลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลออสเตรเลียไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และส่วนที่เหลือจะลงทุนในตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาลไทย และ/หรือเงินฝาก
ทั้งนี้ กองทุนจะลงทุนในรูปสกุลเงินดอลล่าร์ออสเตรเลียทำให้ยังคงมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากไม่มีการซื้อสัญญาฟอร์เวิร์ดเพื่อป้องกันความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนมากขึ้น หากค่าเงินบาทอ่อนลงเมื่อเปรียบเทียบกับเงินดอลล่าร์ออสเตรเลีย เนื่องจากเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนของค่าเงินบาทต่อเงินสกุลเงินดอลล่าร์ออสเตรเลียจะไม่ผันผวนมากนัก สำหรับกองทุนเปิดทิสโก้ ที่เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของประเทศออสเตรเลีย
"กองทุนนี้คาดว่าจะให้ผลตอบแทนประมาณ 5.1% ต่อปี โดยพิจารณาจากอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลออสเตรเลียที่คาดว่าจะลงทุน ซึ่งได้แก่พันธบัตรรัฐบาลออสเตรเลีย รุ่น 7 1/2 09/09 ที่ครบอายุในเดือนกันยายน 2009 ที่คาดว่าจะให้ผลตอบแทนประมาณ 6.7% ต่อปี (www.Bloomberg.com, ข้อมูล ณ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2551) ด้วยสัดส่วนการลงทุนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือจะลงทุนในตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล และ/หรือเงินฝาก ผลตอบแทนประมาณ 3% ต่อปี เพื่อรักษาสภาพคล่องของกองทุน โดยมีค่าใช้จ่ายของกองทุนประมาณ 0.9 %ต่อปี" นายธีรนาถ กล่าว
ทั้งนี้ กองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรออสเตรเลีย 2 จะได้รับผลตอบแทนเป็นสกุลเงินดอลล่าร์ออสเตรเลีย โดยสัดส่วนการลงทุนและอัตราผลตอบแทนอาจเปลี่ยนแปลงไป ขึ้นอยู่กับผลการประมูลของตราสาร ณ วันที่ลงทุนและการเปลี่ยนแปลงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โดยจะเสนอขายครั้งเดียวในวันที่ 14-20 ก.พ. 51 นี้ เงินลงทุนขั้นต่ำอยู่ที่ 20,000 บาท