วันนี้คอลัมน์ "Q&A Corner" ได้รับคำถามที่น่าสนใจจากผู้อ่านท่านหนึ่งที่มีข้อข้องใจเกี่ยวกับการจัดโปรโมชั้น ลด แลก เเจก แถม ทั้งหลายที่ บริษัท ห้าง ร้าน ต่างๆจัดขึ้นเพื่อหวังกระตุ้นให้ธุรกิจมีรายรับมากขึ้น ไม่เว้นแม้แต่ บริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุนกองทุนรวม (บลจ.)
ผมมีโอกาสได้ศึกษาข้อมูลของบลจ.ต่างๆเเล้วมีข้อสงสัยว่า บลจ. ขายกองทุนรวมโดยมีของแจกแถมให้ลูกค้า ซึ่งมีทั้งของแถมที่เป็น ชิ้นเล็ก ชิ้นใหญ่ ราคามากน้อยต่างกันไป ที่พบก็คือหากบริษัทแจกของชิ้นใหญ่ชิ้นโต หรือมีราคาสูง นักลงทุนก็จะไปซื้อกองทุนรวมนั้นกันเยอะ ผมจึงมีความสงสัยว่า ทางหน่วยงานใดหรือไม่ ที่ควบคุมดูแลมีการกำหนดมาตรฐานเกี่ยวกับของแจกแถม ที่สำคัญคือค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับของแจกแถมเหล่านี้ บริษัทควักกระเป๋าเอง หรือหักจากเงินของกองทุนรวมครับ ขอบคุณครับ .....ถิรายุ
ตอบ : ต้องขอบคุณคำถามของคุณถิรายุ นะครับ คำถามของคุณมีประโยชน์มากสำหรับผู้ที่กำลังจะตัดสินใจลงทุนในกองทุนรวมพอดี ทาง "Q&A Corner" ได้คำตอบจากทางสมาคมบริษัทจัดการกองทุนมาว่า ของแถมหรือของสัมนาคุณ ที่บลจ.จัดมาให้ควบคู่กับการขายหน่วยลงทุนนั้น ได้ดำเนินการอยู่ภายใต้แนวทางที่ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต กำหนดไว้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งพอจะสรุปในสาระสำคัญได้ ดังต่อไปนี้คือ
1. ระยะเวลาที่ใช้ในการจัดรายการส่งเสริมการขาย ต้องมีความต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 15 วัน เว้นแต่ จะเป็นการจัดรายการส่งเสริมการขายในช่วงเสนอขายหน่วยลงทุนต่อประชาชนในครั้งแรก (IPO) หรือจัดรายการในการเข้าร่วมงานที่มีหลากหลายบริษัทเข้าร่วม เช่น Money Expo หรือ Thai ‘s Investor Dayเป็นต้น แต่ทั้งนี้ การจัดรายการก็ต้องจัดตลอดระยะเวลาที่เข้าร่วมงานด้วย และต้องประชาสัมพันธ์ให้ทราบถึงรายการส่งเสริมการขายก่อนวันแรกของการจัดรายการนั้น
2. มูลค่าของสมนาคุณ จะต้องไม่เกิน 2% ของมูลค่าการลงทุนขั้นต่ำ โดยมูลค่าขั้นต่ำที่ใช้ในการคำนวณ ได้แก่ มูลค่าการซื้อขั้นต่ำที่กำหนด เช่น กองทุน A กำหนดให้ซื้อไม่ต่ำกว่า 10,000 บาท ก็นำ 10,000 บาท มาคำนวณมูลค่าของสมนาคุณ หรือกำหนดมูลค่าการซื้อเป็นช่วง เช่น กำหนดมูลค่าการซื้ออยู่ระหว่าง 50,000 – 100,000 บาท ดังนั้น มูลค่าขั้นต่ำของช่วงที่จะนำมาคำนวณมูลค่าของสมนาคุณ ก็คือ 50,000 บาท ในกรณีที่กำหนดให้ผู้ลงทุนชำระเงินเข้ากองทุนเป็นงวดๆ เช่น กำหนดให้ผู้ที่ลงทุนทุกเดือน ขั้นต่ำเดือนละ 5,000 บาท ตั้งแต่ครั้งแรก มูลค่าขั้นต่ำที่จะนำมาใช้คำนวณมูลค่าของสมนาคุณคือ 5,000 บาท เหล่านี้เป็นต้น
3. จำนวนของสมนาคุณที่แจก จะต้องไม่กำหนด หรือจำกัดจำนวนของสมนาคุณที่จะแจก เว้นแต่ เป็นการรวบรวมรายชื่อผู้ซื้อหน่วยลงทุนแล้วนำมาจับฉลาก หรือ สุ่ม (random) เพื่อหาผู้ได้รับของสมนาคุณ โดยผู้ซื้อทุกรายต้องมีสิทธิเท่ากัน
ส่วนในเรื่องของค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับของสมนาคุณว่าใครเป็นผู้รับภาระ ระหว่างบริษัทจัดการ กับกองทุนรวมนั้น สามารถเป็นไปได้ทั้ง 2 กรณี กล่าวคือ กรณีแรก บริษัทจัดการจะเป็นผู้รับภาระการใช้จ่าย หากเป็นการให้แบบมีเงื่อนไข คือ ผู้ซื้อหรือผู้ถือหน่วยลงทุนทุกคนที่อยู่ภายใต้เงื่อนไขเดียวกันจะต้องมีสิทธิได้รับเท่าเทียมกัน เช่น ผู้ซื้อหน่วยลงทุน 10,000-20,000 บาทจะได้รับของขวัญมูลค่า 100 บาท และถ้าซื้อหน่วยลงทุนมากกว่า 20,000 บาทขึ้นไป จะได้รับของขวัญมูลค่า 200 บาท เป็นต้น
กรณีที่สอง บริษัทจัดการจะคิดค่าใช้จ่ายกับผู้ถือหน่วยลงทุนทุกรายหรือกองทุนรวมหากเป็นการให้แก่ผู้ซื้อหรือผู้ถือหน่วยทุกรายโดยไม่มีเงื่อนไข ทั้งนี้ บริษัทจัดการจะไม่สามารถแจกรางวัลด้วยการจับฉลาก หรือการสุ่มเลือกได้ โดยที่ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นกับกองทุนรวม จะส่งผลให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของหน่วยลงทุนลดลงโดยเท่าเทียมกัน และสำหรับกรณีที่จะเรียกเก็บค่าใช้จ่ายกับกองทุนรวมที่ได้จัดตั้งและจำหน่ายหน่วยลงทุนไปแล้ว บริษัทจัดการจะต้องได้รับมติเห็นชอบการจ่ายค่าใช้จ่ายดังกล่าวจากผู้ถือหน่วยลงทุนก่อนการดำเนินการ
สิ่งที่ "Q&A Corner" อยากแนะนำคุณถิรายุและผู้อ่านที่กำลังสนใจลงทุนกับกองทุนรวมคือ ขอให้พิจารณาเลือกที่จะลงทุนในกองทุนรวม จากวัตถุประสงค์การลงทุนที่ผู้ลงทุนตั้งไว้อย่างแท้จริง ว่ากองทุนรวมที่ผู้ลงทุนเลือกลงทุนนั้น เหมาะสมกับผู้ลงทุน ทั้งในเรื่องของผลตอบแทนจากการลงทุน และระดับความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนสามารถยอมรับได้ มิใช่การพิจารณาจากของสัมนาคุณ เนื่องจากการลงทุนกองทุนรวมถือว่ามีความเสี่ยงมากพอสมควร โดยเเต่ะกองทุนก็มีความเสี่ยงไม่เท่ากัน เช่นบางกองทุนให้ผลตอบเเทนมาก บางกองทุนให้ผลตอบเเทนน้อย เป็นต้น
ทั้งนี้หากผู้อ่านท่านอื่นๆหรือคุณถิรายุมีข้อสงสัยเกี่ยวกับกองทุนรวมสามารถส่งคำถามมาได้ที่ อีเมล์ fund@manager.co.หรือโพสต์เป็นความเห็นไว้ในหน้าข่าวกองทุนรวม www.manager.co.th ทีมงานพร้อมที่จะหาคำตอบมาให้เเน่นอน
ผมมีโอกาสได้ศึกษาข้อมูลของบลจ.ต่างๆเเล้วมีข้อสงสัยว่า บลจ. ขายกองทุนรวมโดยมีของแจกแถมให้ลูกค้า ซึ่งมีทั้งของแถมที่เป็น ชิ้นเล็ก ชิ้นใหญ่ ราคามากน้อยต่างกันไป ที่พบก็คือหากบริษัทแจกของชิ้นใหญ่ชิ้นโต หรือมีราคาสูง นักลงทุนก็จะไปซื้อกองทุนรวมนั้นกันเยอะ ผมจึงมีความสงสัยว่า ทางหน่วยงานใดหรือไม่ ที่ควบคุมดูแลมีการกำหนดมาตรฐานเกี่ยวกับของแจกแถม ที่สำคัญคือค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับของแจกแถมเหล่านี้ บริษัทควักกระเป๋าเอง หรือหักจากเงินของกองทุนรวมครับ ขอบคุณครับ .....ถิรายุ
ตอบ : ต้องขอบคุณคำถามของคุณถิรายุ นะครับ คำถามของคุณมีประโยชน์มากสำหรับผู้ที่กำลังจะตัดสินใจลงทุนในกองทุนรวมพอดี ทาง "Q&A Corner" ได้คำตอบจากทางสมาคมบริษัทจัดการกองทุนมาว่า ของแถมหรือของสัมนาคุณ ที่บลจ.จัดมาให้ควบคู่กับการขายหน่วยลงทุนนั้น ได้ดำเนินการอยู่ภายใต้แนวทางที่ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต กำหนดไว้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งพอจะสรุปในสาระสำคัญได้ ดังต่อไปนี้คือ
1. ระยะเวลาที่ใช้ในการจัดรายการส่งเสริมการขาย ต้องมีความต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 15 วัน เว้นแต่ จะเป็นการจัดรายการส่งเสริมการขายในช่วงเสนอขายหน่วยลงทุนต่อประชาชนในครั้งแรก (IPO) หรือจัดรายการในการเข้าร่วมงานที่มีหลากหลายบริษัทเข้าร่วม เช่น Money Expo หรือ Thai ‘s Investor Dayเป็นต้น แต่ทั้งนี้ การจัดรายการก็ต้องจัดตลอดระยะเวลาที่เข้าร่วมงานด้วย และต้องประชาสัมพันธ์ให้ทราบถึงรายการส่งเสริมการขายก่อนวันแรกของการจัดรายการนั้น
2. มูลค่าของสมนาคุณ จะต้องไม่เกิน 2% ของมูลค่าการลงทุนขั้นต่ำ โดยมูลค่าขั้นต่ำที่ใช้ในการคำนวณ ได้แก่ มูลค่าการซื้อขั้นต่ำที่กำหนด เช่น กองทุน A กำหนดให้ซื้อไม่ต่ำกว่า 10,000 บาท ก็นำ 10,000 บาท มาคำนวณมูลค่าของสมนาคุณ หรือกำหนดมูลค่าการซื้อเป็นช่วง เช่น กำหนดมูลค่าการซื้ออยู่ระหว่าง 50,000 – 100,000 บาท ดังนั้น มูลค่าขั้นต่ำของช่วงที่จะนำมาคำนวณมูลค่าของสมนาคุณ ก็คือ 50,000 บาท ในกรณีที่กำหนดให้ผู้ลงทุนชำระเงินเข้ากองทุนเป็นงวดๆ เช่น กำหนดให้ผู้ที่ลงทุนทุกเดือน ขั้นต่ำเดือนละ 5,000 บาท ตั้งแต่ครั้งแรก มูลค่าขั้นต่ำที่จะนำมาใช้คำนวณมูลค่าของสมนาคุณคือ 5,000 บาท เหล่านี้เป็นต้น
3. จำนวนของสมนาคุณที่แจก จะต้องไม่กำหนด หรือจำกัดจำนวนของสมนาคุณที่จะแจก เว้นแต่ เป็นการรวบรวมรายชื่อผู้ซื้อหน่วยลงทุนแล้วนำมาจับฉลาก หรือ สุ่ม (random) เพื่อหาผู้ได้รับของสมนาคุณ โดยผู้ซื้อทุกรายต้องมีสิทธิเท่ากัน
ส่วนในเรื่องของค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับของสมนาคุณว่าใครเป็นผู้รับภาระ ระหว่างบริษัทจัดการ กับกองทุนรวมนั้น สามารถเป็นไปได้ทั้ง 2 กรณี กล่าวคือ กรณีแรก บริษัทจัดการจะเป็นผู้รับภาระการใช้จ่าย หากเป็นการให้แบบมีเงื่อนไข คือ ผู้ซื้อหรือผู้ถือหน่วยลงทุนทุกคนที่อยู่ภายใต้เงื่อนไขเดียวกันจะต้องมีสิทธิได้รับเท่าเทียมกัน เช่น ผู้ซื้อหน่วยลงทุน 10,000-20,000 บาทจะได้รับของขวัญมูลค่า 100 บาท และถ้าซื้อหน่วยลงทุนมากกว่า 20,000 บาทขึ้นไป จะได้รับของขวัญมูลค่า 200 บาท เป็นต้น
กรณีที่สอง บริษัทจัดการจะคิดค่าใช้จ่ายกับผู้ถือหน่วยลงทุนทุกรายหรือกองทุนรวมหากเป็นการให้แก่ผู้ซื้อหรือผู้ถือหน่วยทุกรายโดยไม่มีเงื่อนไข ทั้งนี้ บริษัทจัดการจะไม่สามารถแจกรางวัลด้วยการจับฉลาก หรือการสุ่มเลือกได้ โดยที่ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นกับกองทุนรวม จะส่งผลให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของหน่วยลงทุนลดลงโดยเท่าเทียมกัน และสำหรับกรณีที่จะเรียกเก็บค่าใช้จ่ายกับกองทุนรวมที่ได้จัดตั้งและจำหน่ายหน่วยลงทุนไปแล้ว บริษัทจัดการจะต้องได้รับมติเห็นชอบการจ่ายค่าใช้จ่ายดังกล่าวจากผู้ถือหน่วยลงทุนก่อนการดำเนินการ
สิ่งที่ "Q&A Corner" อยากแนะนำคุณถิรายุและผู้อ่านที่กำลังสนใจลงทุนกับกองทุนรวมคือ ขอให้พิจารณาเลือกที่จะลงทุนในกองทุนรวม จากวัตถุประสงค์การลงทุนที่ผู้ลงทุนตั้งไว้อย่างแท้จริง ว่ากองทุนรวมที่ผู้ลงทุนเลือกลงทุนนั้น เหมาะสมกับผู้ลงทุน ทั้งในเรื่องของผลตอบแทนจากการลงทุน และระดับความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนสามารถยอมรับได้ มิใช่การพิจารณาจากของสัมนาคุณ เนื่องจากการลงทุนกองทุนรวมถือว่ามีความเสี่ยงมากพอสมควร โดยเเต่ะกองทุนก็มีความเสี่ยงไม่เท่ากัน เช่นบางกองทุนให้ผลตอบเเทนมาก บางกองทุนให้ผลตอบเเทนน้อย เป็นต้น
ทั้งนี้หากผู้อ่านท่านอื่นๆหรือคุณถิรายุมีข้อสงสัยเกี่ยวกับกองทุนรวมสามารถส่งคำถามมาได้ที่ อีเมล์ fund@manager.co.หรือโพสต์เป็นความเห็นไว้ในหน้าข่าวกองทุนรวม www.manager.co.th ทีมงานพร้อมที่จะหาคำตอบมาให้เเน่นอน
