“ซายเล่าให้ฟังอีกว่า ในช่วงอายุประมาณ 23-24 ปี เคยเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นไทยด้วยเหมือนกัน ซึ่งครั้งนั้นเพื่อนๆได้ชักชวนเข้าไปลงทุน ได้อยู่ประมาณปีกว่า แต่เล็งเห็นว่าภาวะตลาดหุ้นมีความผันผวน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาทางการเมืองในช่วงนั้นทำให้ดัชนีหุ้นตกลง ดังนั้นจึงทำการขายทิ้งไป และจากการเล่นหุ้นครั้งนั้นทำให้เกิดภาวะเครียดตามมาด้วย ส่งผลมายังปัจจุบันจึงไม่กล้าที่จะเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นอีก”
กรรณิการ์ (ซาย) วนะเกียรติกุล อดีตนักร้องแห่งค่ายแกรมมี่ ชื่อนี้ท่านผู้อ่านหลายคนคงคุ้นหูกันมาบ้าง ซึ่งมาในวันนี้ “ผู้จัดการคุยกับนักลงทุน” จะนำความคิดเห็นของเธอในเรื่องมุมมองในการออมทรัพย์ และภายหลังจากที่ห่างหายจากวงการบันเทิงไปนั้นว่าตอนนี้เธอทำอะไรอยู่บ้าง
ซายเริ่มเล่าว่า ในสมัยตอนเป็นเด็ก ๆ นั้นครอบครัวไม่ได้มีการปลูกฝั่งเรื่องของการใช้จ่ายเงินมากมายนัก แต่ทุกครั้งที่ได้เงินค่าขนมไปโรงเรียนในแต่ละสัปดาห์นั้น ซายจะแบ่งเก็บไว้ใส่กระปุกออมสิน ซึ่งคงเหมือนกับเด็กทั่ว ๆ ไป
สำหรับในส่วนของรายได้ก้อนแรกที่ซายสามารถหามาได้นั้นเป็นการได้มากจากการถ่ายมิวสิควีดีโอในช่วงอายุประมาณ 14 ปี ซึ่งในตอนนั้นได้มาประมาณ 30,000
กว่าบาท เงินในส่วนตรงนี้ตอนนั้นไม่ได้มีการจัดสรรอะไรเป็นพิเศษ เนื่องจากอายุยังน้อยอยู่ เราจึงนำเงินดังกล่าวใช้หมดไปกับการตกแต่งห้องส่วนตัวซะเป็นส่วนใหญ่
ปัจจุบันซายออมเงินด้วยการแบ่งเงินออกเป็นสองส่วนๆ แรกฝากเก็บไว้แบบไม่มีถอนเป็นการฝากเงินแบบประจำ และอีกส่วนหนึ่งแบ่งออกมาเป็นค่าใช้จ่ายที่ต้อง
ใช้ในแต่ละเดือน นอกจากนี้ในส่วนของการทำประกันชีวิตนั้นซายบอกว่า มีแผนทีจะทำประกันอยู่โดยจะทำในรูปแบบของการประกันสุขภาพ
“การออมทำให้เรารู้สึกว่าชีวิตในอนาคตจะมีความปลอดภัย ทำให้เราไม่ประมาทต่อการดำรงชีวิต ซึ่งถ้าเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินเรายังมีเงินที่เก็บไว้อยู่แล้ว โดยที่ไม่
ต้องเดือดร้อนไปพึ่งพาใครให้ลำบากไปด้วย” ซายบอก
นอกจากนี้ ซายเล่าให้ฟังอีกว่า ในช่วงอายุประมาณ 23-24 ปี เคยเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นไทยด้วยเหมือนกัน ซึ่งครั้งนั้นเพื่อนๆได้ชักชวนเข้าไปลงทุน ได้อยู่ประมาณปีกว่า แต่เล็งเห็นว่าภาวะตลาดหุ้นมีความผันผวน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาทางการเมืองในช่วงนั้นทำให้ดัชนีหุ้นตกลง ดังนั้นจึงทำการขายทิ้งไป และจากการเล่นหุ้นครั้งนั้นทำให้เกิดภาวะเครียดตามมาด้วย ส่งผลมายังปัจจุบันจึงไม่กล้าที่จะเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นอีก
สำหรับในเรื่องของการทำธุรกิจนั้นซายบอกว่า มีแผนที่จะเปิดบริษัททัวร์ ซึ่งเป็นการทำร่วมกันกับญาติ ๆ นอกจากนี้แล้วยังคิดที่จะเข้าไปลงทุนเกี่ยวกับการปลูกมันสำปะหลังขายที่จังหวัดเชียงใหม่ ในอำเภอฝาง ซึ่งธุรกิจนี้ได้ทำร่วมกับญาติอีกเช่นกัน ซายบอกว่า ธุรกิจการปลูกมันสำปะหลังนี้จะทำแบบครบวงจร โดยไม่มีการผ่าน
พ่อค้าคนกลางดังนั้นเงินที่ได้รับมานั้นจะเต็มเม็ดเต็มหน่วย เพราะธุรกิจนี้ญาติได้ทำก่อนหน้านี้แล้ว โดยจะดึงเราเข้าไปร่วมทำธุรกิจด้วย
ปัจจุบันซายมีผลงานด้านการจัดรายวิทยุ โดยเป็นดีเจ อยู่ที่คลื่นเอฟเอ็ม 93.5 ทรูมิวสิค ซึ่งงานดีเจนี้เป็นงานที่ซายชอบมาก เพราะงานนี้เป็นงานที่ตัดสินใจเลือก
เอง โดยได้เริ่มต้นทำมาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา และรู้สึกสนุกกับงานดีเจเป็นอย่างมาก เนื่องจากว่าเป็นงานที่ท้าทายต้องสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นให้ได้ เพราะเป็นคลื่นวิทยุที่จัดสดนอกจากนี้แล้วซายยังมีงานประจำอีกด้วย ซึ่งซายทำอยู่ที่บริษัทออแกร์ไนเซอร์ ในตำแหน่งเอเจนซี่ (เออี) ซึ่งบริษัทดังกล่าวนั้นเป็นบริษัทน้องใหม่ที่เปิดทำการมาได้เพียง 4 เดือนเท่านั้น สาเหตุที่ต้องเข้ามาทำในตำแหน่งนี้เนื่องจาก ซายมีประสบการณ์ในการทำงานในวงการบันเทิง ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับงานดังกล่าวได้ โดยเฉพาะในเรื่องการติดต่อประสานงาน
อีกทั้งจากการที่ธอเองเป็นคนมีชื่อเสียง ดังนั้นการจะเข้าถึงลูกค้าได้ง่าย เพราะมีความน่าเชื่อถือได้
จากประสบการณ์ในการทำงานที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นงานในวงการบันเทิงหรืองานนอกวงการบันเทิง ล้วนแล้วแต่ให้การเรียนรู้ที่ดีแก่สาวซาย อดีตนักร้องสาวกล่าวว่า "งานในวงการบันเทิงทำให้เรามีคนรู้จักเพิ่มมากขึ้น เมื่อมาทำงานนอกวงการบันเทิงมันจึงเป็นเรื่องที่ง่ายต่อการเข้าหาลูกค้าหรือแม้แต่กระทั่งผู้ที่จะเข้ามาร่วมงานด้วย
อย่างไรก็ตาม การจะทำงานให้ประสบความสำเร็จนั้น ดีเจซายยึดหลักว่า ต้องทำงานทุกวันนี้ให้ดีที่สุด โดยในงานที่เราได้รับมอบหมายนั้น จะต้องตั้งใจทำให้เต็ม
ที่ไม่ว่าผลงานที่ผลงานจะออกมาเป็นอย่างไร เพราะเราได้ตั้งใจทำให้ดีที่สุดแล้วจะได้ไม่มีการเสียใจทีหลัง นอกจากนี้แล้วต้องแยกเรื่องของงานกับเรื่องส่วนตัวให้ออกจากกันด้วย โดยไม่ควรเอาสองอย่างเข้ามารวมกัน ไม่เช่นนั้นงานอาจจะออกมาเสียได้ซาย บอกถึงปัญหาที่เกิดจากการทำงานนั้น ซายจะไม่ค่อยเครียดเท่าไหร่โดยเฉพาะงานดีเจ นั้นเมื่อมีคำติเข้ามา เธอจะรีบทำการแก้ไขในข้อบกพร่องนั้นโดยทันที เพราะงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นงานอะไรก็แล้วแต่ ขอให้คิดว่าการมีสมาธิถือว่าเป็นสิ่งสำคัญในการทำงานที่จะสามารถช่วยให้งานนั้น ๆ ไม่เจอกับปัญหา ที่อาจเกิดขึ้นจากการผลั้งเผลอ
ส่วนของวันว่างนอกเหนือจากการทำงานแล้วนั้น ดีเจสาวมักจะชอบไปพักผ่อนยังต่างประเทศ โดยสาเหตุที่ต้องเป็นต่างประเทศนั้นเนื่องจากเป็นการให้รางวัลกับชีวิตที่ต้องทำงานมาตลอดทั้งปี อีกทั้งการไปยังประเทศต่างๆ นั้น ยังเป็นการเปิดโลกทัศน์ใหม่ ๆ อีกด้วย ซึ่งในปีนี้เธอตั้งเป้าไว้ว่าถ้าว่างจากการทำงานเมื่อไหร่จะต้องไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นให้ได้ เพราะมีความชื่นชอบกับประเทศดังกล่าวมากอีกทั้งเป็นประเทศในแถบเอเชียที่ยังไม่เคยไปอีกด้วย
ซายบอกทิ้งท้ายว่า ในเรื่องของการออมเงินนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่ไม่ควรออมแบบหักโหมจนเกินไป โดยเราควรออมให้พอกำลังเงินของเราที่สามารถทำได้โดยที่การใช้ชีวิตประจำวันไม่ลำบาก เพราะการเก็บออมเล็ก ๆ น้อย ๆ ในวันนี้จะมีประโยชน์ในวันข้างหน้าเช่นกัน ส่วนในเรื่องของการใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือยในยุคเศรษฐกิจเช่นนี้ ซายย้ำว่าต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากว่าสินค้าอุปโภคบริโภคภายในประเทศเริ่มมีราคาปรับตัวสูงขึ้น ดังนั้นไม่ว่าจะตัดสินใจซื้อของอะไรก็ตาม ควรจะทำการคิดไตร่ตรองให้รอบครอบก่อนว่าของสิ่งนั้นมันมีประโยชน์ในการใช้มากน้อยแค่ไหน
ชื่อ – นามสกุล กรรณิการ์ วนะเกียรติกุล (ซาย)
วันเดือนปี 8 กุมภาพันธ์ 2525
จบการศึกษา ปริญญาตรี ศิลปกรรมศาสตร์
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร
ผลงานปัจจุบัน ดีเจ คลื่นเอฟเอ็ม 93.5 ทรู มิวสิค เรดิโอ