บลจ. เอ็มเอฟซี ประเดิมกองทุนเอฟไอเอฟปีหนู ส่ง "เอ็มเอฟซี อินเวสท์ เอเชีย อินฟราสทรัคเจอร์ ฟันด์" มูลค่า 1,000 ล้านบาท ลงทุนผ่าน "INVESCO Asia Infrastructure Fund-C Share Class" ที่ลงทุนในหุ้นธุรกิจสาธารณูปโภคทั่วเอเชียแปซิฟิก ยกเว้นญี่ปุ่น เผยฟันผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี 81.61% แถมจ่ายปันผลจูงใจปีละครั้งไม่ต่ำกว่า 30% เปิดขายไอพีโถึงวันที่ 6 กุมภาพันธ์นี้
นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทได้เปิดขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเวสท์ เอเชีย อินฟราสทรัคเจอร์ ฟันด์ (I-ASIA INFRA) กองทุนรวมที่ลงทุนใต่างประเทศ (FIF) มูลค่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนต่างประเทศที่มีนโยบายลงทุนในอินฟราสทรัคเจอร์ (การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน) ในประเทศแถบเอเชียแปซิฟิก ยกเว้นประเทศญี่ปุ่น ทั้งนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุน ที่ต้องการลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศที่มีผลตอบแทนที่ดี และต้องการแสวงหาโอกาสการลงทุนมากกว่าการลงทุนภายในประเทศเพียงอย่างเดียว โดยกองทุนจะเปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรกถึงวันที่ 6 กุมภาพันธ์นี้
โดยกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเวสท์ เอเชีย อินฟราสทรัคเจอร์ ฟันด์ (I-ASIA INFRA) จะลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนเพียงกองทุนเดียวคือ กองทุน INVESCO Asia Infrastructure Fund-C Share Class (Master Fund) ที่บริหารและจัดการโดย INVESCO Management S.A. ซึ่งกองทุนดังกล่าวมีนโยบายลงทุนในตราสารแห่งทุนในประเทศแถบเอเชียแปซิฟิก ยกเว้นประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นหุ้นของบริษัทที่มีคุณภาพสูง และเป็นธุรกิจเกี่ยวข้องกับสาธารณูปโภค นอกจากนี้ กองทุนเปิด I-ASIA INFRA อาจพิจารณาลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) ที่มีตัวแปรเป็นอัตราแลกเปลี่ยนเงิน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการลงทุน (Hedging) และจะไม่ลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note)
นอกจากนี้ กองทุนยังมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลอย่างน้อยปีละครั้งในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของการเพิ่มขึ้นของสินทรัพย์ในแต่ละงวดหรือจากกำไรสะสม
ทั้งนี้ กองทุน INVESCO Asia Infrastructure Fund-C Share Class (Master Fund) เป็นกองทุนเปิดสกุลดอลลาร์สหรัฐ ที่จดทะเบียนในประเทศลักเซมเบิร์ก โดยเก็บค่าธรรมเนียมรวมทั้งหมด (All in Fee) 1.6% ต่อปี ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ซึ่งกองทุนดังกล่าวมีอัตราผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี (ข้อมูล ณ พฤศจิกายน 2550) อยู่ที่ 81.61% ขณะที่เกณฑ์มาตรฐานที่ใช้อ้างอิงในการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานของกองทุน (MSCI AS Asia Pacific ex Japan) อยู่ที่ 44.49% ตัวอย่างหลักทรัพย์ที่กองทุนดังกล่าวลงทุนเช่น China Mobile Ltd ของฮ่องกงผู้ประกอบธุรกิจมือถือชั้นนำของจีน Bharat Heavy Electricals Ltd. ของอินเดีย เป็นบริษัทชั้นนำด้านบริการเทเลคอมของอินเดีย China Communications Construction ของฮ่องกงเป็นบริษัทออกแบบและก่อสร้างท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดของจีน และเป็นบริษัทขุดลอกที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก China Resources Power Holdings ของฮ่องกงเป็นบริษัทผลิตพลังงาน Macquarie Bank ของออสเตรเลียเป็นธนาคารชั้นนำด้านการลงทุน ซึ่งชำนาญด้านการทำไฟแนนซ์ และการบริหารสินทรัพย์ด้านสาธารณูปโภค และ Rio Tinto Limited ของออสเตรเลียเป็นบริษัทชั้นนำด้านการทำเหมืองแร่ เป็นต้น
นายพิชิตกล่าวว่า จุดเด่นของกองทุนเปิด I-ASIA INFRA เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นธุรกิจด้านสาธารณูปโภคในประเทศแถบเอเชียแปซิฟิก ยกเว้นประเทศญี่ปุ่น ซึ่งการขยายตัวทางเศรษฐกิจโลกทำให้อุปสงค์ด้านสาธารณูปโภคเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเศรษฐกิจเอเชียที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง จึงมีความต้องการการก่อสร้างด้านสาธารณูปโภค เพื่อเป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างมั่นคง นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม พลังงาน และเทเลคอมมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
"ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนในต่างประเทศ และเป็นการกระจายความเสี่ยงของการลงทุน มีความคล่องตัวในการลงทุน เนื่องจากผู้ถือหน่วยลงทุนสามารถซื้อหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการ และสามารถขายหน่วยลงทุนได้ทุกวันศุกร์ของสัปดาห์ เหมาะสำหรับผู้ถือหน่วยลงทุนที่สามารถยอมรับความเสี่ยงจากการลงทุนในต่างประเทศได้ มีความเข้าใจเกี่ยวกับเศรษฐกิจและการลงทุนในต่างประเทศในระดับหนึ่ง"นายพิชิตกล่าว
สำหรับนักลงทุนที่สนใจลงทุนในกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเวสท์ เอเชีย อินฟราสทรัคเจอร์ ฟันด์ (I-ASIA INFRA) สามารถลงทุนขั้นต่ำได้ตั้งแต่ 10,000 บาท และครั้งถัดไป 1,000 บาท