บลจ.ไอเอ็นจี ตั้งเป้าโกยเงินเข้าพอร์ตเพิ่ม 4 หมื่นล้านบาท ดันเอยูเอ็มปีหนูเป็น 2.2 แสนล้านบาท "มาริษ" เผย เตรียมส่งพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ 3-4 กองมูลค่ารวม 12,000 ล้านบาทลุยตลาด กระจายลงทุนทั้ง "โรงแรม - คลังสินค้า - เซอร์วิสอพาร์ทเมนต์" พร้อมผุดไอเดียใหม่ ลงทุนอสังหาฯ ที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทางเลือก คาดสามารถให้ผลตอบแทนเจ๋ง 2 หลักขึ้นไป
นายมาริษ ท่าราบ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปี 2551 สินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (เอยูเอ็ม) ของบริษัทน่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 220,000 ล้านบาท จากสิ้นปี 2550 ที่บริษัทมีเอยูเอ็ม 186,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้นของเอยูเอ็มประมาณ 40,000 ล้านบาท ซึ่งการเพิ่มขึ้นของเอยูเอ็มน่าจะมาจากกองทุนอสังหาริมทรัพย์ (พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์) กองทุนที่ลงทุนต่างประเทศ (เอฟไอเอฟ) รวมถึงกองทุนประเภทอื่น
โดยปีนี้คาดว่าบริษัทจะมีการเปิดจำหน่ายหน่วยลงทุนของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ เพิ่มเติมอีกจำนวน 3-4 กองทุน ประกอบไปด้วยกองทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์ประเภทโรงแรม คลังสินค้า เซอร์วิส อพาร์ทเมนต์ และกองทุนที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทางเลือก โดย 3 กองทุนแรกจะมีมูลค่าโครงการของแต่ละกองทุนประมาณ 2,000 ล้านบาท แต่ในส่วนของกองทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทางเลือกจะมีมูลค่ากองทุน ประมาณ 6,000 ล้านบาท รวมเป็นมูลค่าโครงการของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ทั้งสิ้นประมาณ 12,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในส่วนกองทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทางเลือกนั้น คาดว่าน่าจะสามารถระดมทุนได้ภายในปีนี้ ขณะที่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้ บริษัทตั้งเป้าหมายจะเปิดจำหน่ายหน่วยลงทุนของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่ลงทุนในโรงแรม โดยสินทรัพย์ที่กองทุนดังกล่าวจะเข้าไปลงทุนจะเป็นโรงแรมที่อยู่ในย่านสุขุมวิท
"กองทุนที่ลงทุนในพลังงานทางเลือก น่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติ เพราะมีสินค้าลงทุนที่หลากหลาย ซึ่งจะทำให้มีผลการดำเนินการที่ดี โดยคิดว่ากองทุนน่าจะสามารถให้ผลตอบแทน 2 หลักขึ้นไป มากกว่ากองทุนอสังหาริมทรัพย์ปกติที่ซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทั้งประเภท ฟรีโฮด และลีสโฮด ที่ตอนนี้สามารถให้ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 5-9%" นายมาริษ กล่าว
ขณะเดียวกันบริษัทมีความสนใจที่จะออกกองทุนเอฟไอเอฟที่ลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ และกองทุนเอฟไอเอฟที่ลงทุนในสินค้าทางการเงินต่างประเทศอย่างเช่น พันธบัตรต่างประเทศ เช่นเดียวกัน
นายมาริษ กล่าวต่อว่า หลังจากนี้ถ้าคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อนุญาตให้กองทุนส่วนบุคคลสามารถออกไปลงทุนต่างประเทศได้ ประเมินว่าบริษัทน่าจะสามารถออกไปลงทุนโดยทันที เพราะได้มีการหารือร่วมกับ ไอเอ็นจี ไพรเวทส์แบงก์แล้ว
ก่อนหน้านี้ นายรัตนชัย ผาตินาวิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมโทรสตาร์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ METRO เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติเลื่อนกำหนดการจำหน่ายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เมโทรสตาร์ ซึ่งได้มอบหมายให้บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) ในฐานะผู้จัดการกองทุนให้ความช่วยเหลือในการจัดตั้งและจัดการกองทุนรวม ออกไปเป็นต้นเดือนพฤษภาคม 2551 จากเดิมที่คาดว่าจะออกจำหน่ายหน่วยลงทุนในช่วงเดือนมีนาคม 2551
สำหรับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เมโทรสตาร์ มียโยบายลงทุนในที่ดิน อาคาร รวมถึง เฟอร์นิเจอร์ และอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งหมดในโครงการ สาทร วิสต้า แบงค์คอค - แมริออท เอ็กเซคคิวทีฟ อพาร์ทเม้นท์ ด้วยการนำสินทรัพย์ดังกล่าวมาให้เช่าแก่บริษัทย่อยของ METRO ซึ่งบริษัทจะถือหุ้นจำนวน 99% ของทุนจดทะเบียนทั้งหมด โดยกำหนดระยะเวลาการเช่าเบื้องต้นตั้งแต่ 10 ปี แต่ไม่เกิน 30 ปี และกองทุนรวมมีสิทธิต่ออายุสัญญาการเช่าได้อีก ตามเงื่อนไขในสัญญาเช่าทรัพย์สินที่จะได้เข้าทำระหว่างกองทุนและบริษัทย่อย เพื่อดำเนินกิจการ บริหาร และจัดการโครงการ
นายมาริษ ท่าราบ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปี 2551 สินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (เอยูเอ็ม) ของบริษัทน่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 220,000 ล้านบาท จากสิ้นปี 2550 ที่บริษัทมีเอยูเอ็ม 186,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้นของเอยูเอ็มประมาณ 40,000 ล้านบาท ซึ่งการเพิ่มขึ้นของเอยูเอ็มน่าจะมาจากกองทุนอสังหาริมทรัพย์ (พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์) กองทุนที่ลงทุนต่างประเทศ (เอฟไอเอฟ) รวมถึงกองทุนประเภทอื่น
โดยปีนี้คาดว่าบริษัทจะมีการเปิดจำหน่ายหน่วยลงทุนของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ เพิ่มเติมอีกจำนวน 3-4 กองทุน ประกอบไปด้วยกองทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์ประเภทโรงแรม คลังสินค้า เซอร์วิส อพาร์ทเมนต์ และกองทุนที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทางเลือก โดย 3 กองทุนแรกจะมีมูลค่าโครงการของแต่ละกองทุนประมาณ 2,000 ล้านบาท แต่ในส่วนของกองทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทางเลือกจะมีมูลค่ากองทุน ประมาณ 6,000 ล้านบาท รวมเป็นมูลค่าโครงการของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ทั้งสิ้นประมาณ 12,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในส่วนกองทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทางเลือกนั้น คาดว่าน่าจะสามารถระดมทุนได้ภายในปีนี้ ขณะที่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้ บริษัทตั้งเป้าหมายจะเปิดจำหน่ายหน่วยลงทุนของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่ลงทุนในโรงแรม โดยสินทรัพย์ที่กองทุนดังกล่าวจะเข้าไปลงทุนจะเป็นโรงแรมที่อยู่ในย่านสุขุมวิท
"กองทุนที่ลงทุนในพลังงานทางเลือก น่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติ เพราะมีสินค้าลงทุนที่หลากหลาย ซึ่งจะทำให้มีผลการดำเนินการที่ดี โดยคิดว่ากองทุนน่าจะสามารถให้ผลตอบแทน 2 หลักขึ้นไป มากกว่ากองทุนอสังหาริมทรัพย์ปกติที่ซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทั้งประเภท ฟรีโฮด และลีสโฮด ที่ตอนนี้สามารถให้ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 5-9%" นายมาริษ กล่าว
ขณะเดียวกันบริษัทมีความสนใจที่จะออกกองทุนเอฟไอเอฟที่ลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ และกองทุนเอฟไอเอฟที่ลงทุนในสินค้าทางการเงินต่างประเทศอย่างเช่น พันธบัตรต่างประเทศ เช่นเดียวกัน
นายมาริษ กล่าวต่อว่า หลังจากนี้ถ้าคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อนุญาตให้กองทุนส่วนบุคคลสามารถออกไปลงทุนต่างประเทศได้ ประเมินว่าบริษัทน่าจะสามารถออกไปลงทุนโดยทันที เพราะได้มีการหารือร่วมกับ ไอเอ็นจี ไพรเวทส์แบงก์แล้ว
ก่อนหน้านี้ นายรัตนชัย ผาตินาวิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมโทรสตาร์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ METRO เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติเลื่อนกำหนดการจำหน่ายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เมโทรสตาร์ ซึ่งได้มอบหมายให้บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) ในฐานะผู้จัดการกองทุนให้ความช่วยเหลือในการจัดตั้งและจัดการกองทุนรวม ออกไปเป็นต้นเดือนพฤษภาคม 2551 จากเดิมที่คาดว่าจะออกจำหน่ายหน่วยลงทุนในช่วงเดือนมีนาคม 2551
สำหรับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เมโทรสตาร์ มียโยบายลงทุนในที่ดิน อาคาร รวมถึง เฟอร์นิเจอร์ และอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งหมดในโครงการ สาทร วิสต้า แบงค์คอค - แมริออท เอ็กเซคคิวทีฟ อพาร์ทเม้นท์ ด้วยการนำสินทรัพย์ดังกล่าวมาให้เช่าแก่บริษัทย่อยของ METRO ซึ่งบริษัทจะถือหุ้นจำนวน 99% ของทุนจดทะเบียนทั้งหมด โดยกำหนดระยะเวลาการเช่าเบื้องต้นตั้งแต่ 10 ปี แต่ไม่เกิน 30 ปี และกองทุนรวมมีสิทธิต่ออายุสัญญาการเช่าได้อีก ตามเงื่อนไขในสัญญาเช่าทรัพย์สินที่จะได้เข้าทำระหว่างกองทุนและบริษัทย่อย เพื่อดำเนินกิจการ บริหาร และจัดการโครงการ
