แมนูไลฟ์ชะลอขายประกันพ่วงกองทุนปีนี้เร่งเพิ่มเอเยนต์-เซลส์ขยายฐานลูกค้า

แมนูไลฟ์ชะลอแผนจับมือบริษัทประกันในเครือขายพ่วงกองทุน เหตุยังขาดความพร้อมในการขายสินค้าพร้อมกัน 2 รายการ แต่มั่นใจเร่งขยายฐานลูกค้าปี 2551 ได้ตามเป้าด้วยกลยุทธ์เพิ่มเอเย่นต์ และสรรหากองทุนที่แตกต่างออมาป้อนนักลงทุน "อลัน แคม"ตั้งเป้าสิ้นปียอดเอยูเอ็มกองทุนรวมปรับตัวเพิ่มได้อีก 1,500 ล้านบาท ระบุปีที่ผ่านมาถือว่าสอบผ่านหลังฝ่าอุปสรรคเรื่องสาขาได้ดี จนทำยอดระดมทุนทะลุเป้า

นายอลัน แคม กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า แผนการขยายฐานลูกค้าด้วยการเพิ่มความร่วมมือกับ บริษัทแมนูไลฟ์ประกันชีวิตในการขายกองทุนควบคู่ไปกับการขายประกันชีวิตคงต้องเลื่อนออกไปก่อน เนื่องจากบริษัทประกันยังขาดความพร้อมในการขายทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์ไปพร้อมๆ กันแต่เชื่อว่าเมื่อทุกอย่างลงตัวจะสามารถทำได้ในอนาคต

“การจับมือกับแมนูไลฟ์ประกันนั้นตอนนี้ทางประกันยังไม่พร้อม คงต้องรอให้เขาขายสินค้าของตัวเองให้อยู่ตัวก่อน โดยแมนนูไลฟ์ในภูมิภาคนี้มียอดการขายกองทุนรวมผ่านตัวแทนประกันมากที่สุด อย่างเช่น ฮ่องกงและอินเดีย แต่ในประเทศไทยคงจะต้องรอไปอีกสักพัก โดยคงจะเป็นไปได้ในอนาคต”นายอลันกล่าว

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของบริษัทในปีที่ผ่านมาถือว่าค่อนข้างประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยในแง่สินทรัพย์รวมภายใต้การบริหาร (AUM) สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้พอสมควร และในส่วนของกองทุนรวม มีเงินลงทุนอยู่ประมาณ 3,000 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้า 1,200 ล้านบาทที่ตั้งไว้ตั้งแต่ช่วงเปิดดำเนินงาน นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับโอนกองทุนส่วนบุคคลจากบริษัทประกันชีวิตมาบริหารอีกประมาณ 2,000 ล้านบาท ส่งผลให้เอยูเอ็มรวมในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 5,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทตั้งเป้าในการขยายฐานลูกค้าเพิ่มอีกในปีนี้ โดยเฉพาะกองทุนรวมซึ่งถ้าหากสามารถเพิ่มจำนวนเงินลงทุนในส่วนของกองทุนรวมได้อีกประมาณ 1,500 ล้านบาทจากเงินลงทุนรวม 2,400 ล้านบาทในปัจจุบัน ก็ถือว่าเป็นการขยายตัวในระดับที่น่าพอใจ ทั้งนี้ในปีที่ผ่านมาบริษัทถือว่ามีอุปสรรคในเรื่องของช่องทางการขายฐานลูกค้า เนื่องจากไม่มีสาขาในเหมือนบลจ.ใหญ่ๆ ที่มีสาขาของแบงก์รองรับในเรื่องของการขายสินค้า ทำให้บริษัทจำเป็นต้องพึ่งพาแบงก์ต่างชาติ และบริษัทหลักทรัพย์ในการขายผลิลตภัณฑ์ของบริษัท แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายในการทำงานของบริษัท

"ช่องทางการขายถือเป็นอุปสรรคของเรา แต่ก็ถือเป็นเรื่องท้าทายที่ทำได้ดีในปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกันนอกจากเรื่องช่องทางการขายแล้วโปรดักต์ก็ถือเป็นเรื่องที่ทำให้เราต้องทำงานอย่างหนัก เนื่องจากกองทุนรวมมีการออกกองทุนลักษณะคล้ายกันเป็นจำนวนมากในปีที่ผ่านมา โดยบริษัทเองต้องพยายามหากองทุนที่มีความแตกต่าง และหาสินค้าดีๆ มาให้กับนักลงทุน เพื่อเป็นการดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาเป็นลูกค้าของเรามากขึ้น"นายอลันกล่าว

ส่วนในปีนี้ทางบริษัทได้เตรียมที่จะเพิ่มเอเยนต์ และเซลส์ของบริษัทให้มากขึ้น พร้อมทั้งผลักดันให้เอเย่นต์เดิมของบริษัทขายผลิตภัณฑ์ให้มากขึ้นกว่าในปีที่ผ่านมา เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้าให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ส่วนการอำนวยความสะดวกด้วยระบบอินเตอร์เน็ตให้กับลูกค้านั้น ทางบริษัทก็มีให้อยู่แล้ว แต่คงจะไม่เต็มรูปแบบมากนักเนื่องจากเรายังเป็นบริษัทขนาดเล็ก และไม่มีสาขาจึงไม่น่าจะมีผลมากนักในการใช้ระบบอินเตอร์เน็ต

ขณะเดียวกัน กองทุนที่บลจ.แมนูไลฟ์ตั้งเป้าจะเสนอขายให้กับนักลงทุนในปีนี้ยังคงเป็นกองทุนรวมต่างประเทศ(FIF) ซึ่งถือว่าในปีที่ผ่านมาได้รับความนิยมจากนักลงทุนเป็นอย่างดี แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะเป็นกองในลักษณะใด หรือจะเข้าไปลงทุนประเทศใด เนื่องจากขณะนี้ยังอยู่ในช่วงที่ต้องตัดสินใจ และหากยังไม่มีการยื่นเรื่องขอต่อ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ก็ไม่สามารถให้ลายละเอียดได้มากนักเพราะเกรงว่าจะผิดกฏของก.ล.ต.

นายอลัน กล่าวอีกว่า การลงทุนในปีนี้ส่วนตัวแล้วยังคงสนใจหุ้นมากกว่าสินค้าตัวอื่น โดยอาจจะเป็นได้ทั้งหุ้นไทย หรือหุ้นต่างประเทศ และเชื่อว่าหุ้นในไทยเองจะสามารถปรับตัวขึ้นได้อีกในระยะยาว ซึ่งการลงทุนไม่ว่าจะเป็นประเทศอะไรก็คงจะต้องดูเป็นรายตัว และบริษัทเองไม่เคยใช้ดัชนีเป็นตัวชี้วัดก่อนการเข้าไปลงทุน แต่จะดูเป็นรายบริษัทมากกว่าว่าผลประกอบการของหุ้นที่เราจะเข้าไปลงทุนนั้นดีหรือไม่อย่างไร