บลจ.กสิกรไทย โชว์ฝีมือบริหาร "เค หุ้นปันผล" เบียดขึ้นแท่นกองทุนที่ให้ผลตอบแทนอันดับ 1 รอบปี 2550 ด้วยผลตอบแทนทั้งปี 47.35% เหนือดัชนีตลาดหลักทรัพย์ถึง 21.13% โดยมี "บัวหลวงโครงสร้างพื้นฐาน" ของค่ายบัวหลวงที่หล่นลงมาเป็นอันดับ 2 ด้วยผลตอบแทน 47.04% "วิวรรณ" เผยกลยุทธ์เอาชนะความผันผวน เน้นเทรดทำกำไร พร้อมซื้อกลับเข้าพอร์ตตามจังหวะตลาด
รายงานข่าวเปิดเผยว่า ลิปเปอร์ได้รายงานผลการดำเนินงานของกองทุนหุ้นในปี 2550 ที่ผ่านมา พบว่า บริษัทจัดการกองทุน (บลจ.) ส่วนใหญ่สามารถบริหารจัดการกองทุนออกมาได้ค่อนข้างดี ถึงแม้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์จะผันผวนตลอดทั้งปีก็ตาม โดยกองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด 10 อันดับแรก สามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงกว่าดัชนีที่ให้ผลตอบแทนตลอดทั้งปี 2550 ที่ 26.22% นอกจากนี้ยังมีความหลากหลายของกองทุนที่เข้ามาติดโผ 10 อันดับแรกมากขึ้นนอกเหนือจากกองทุนหุ้นของบลจ.บัวหลวง ที่อยู่ในอันดับต้นๆ มาตลอดทั้งปี
โดยกองทุนที่ให้ผลตอบแทนเป็นอันดับ 1 คือ กองทุนเปิด เค หุ้นปันผล ภายใต้การบริหารจัดการของบลจ.กสิกรไทย โดยผลการดำเนินงาน ณ วันที่ 28 ธันวาคม 2550 กองทุนให้ผลตอบแทน 47.35% สูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 21.13% อันดับ 2 กองทุนเปิดบัวหลวงโครงสร้างพื้นฐาน ภายใต้การจัดการของบลจ.บัวหลวง ซึ่งกองทุนให้ผลตอบแทน 47.04% สูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 20.82%
อันดับ 3 กองทุนเปิดไทยพาณิชย์เพิ่มผลมั่นคง ของบลจ.ไทยพาณิชย์ ด้วยผลตอบแทน 46.92% สูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 20.70% อันดับ 4 กองทุนเปิดบัวหลวงทศพล ของบลจ.บัวหลวง ให้ผลตอบแทน 45.56% สูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 19.28% อันดับ 5 กองทุนเปิดทีแฟมเอควิตี้ ของบลจ.กสิกรไทย ให้ผลตอบแทน 45.50% สูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 19.28%
อันดับ 6 กองทุนเปิดบัวแก้วปันผล ของบลจ.บัวหลวง ให้ผลตอบแทน 45.35% สูงกกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 19.13% อันดับ 7 กองทุนเปิดกรุงไทย-ทรีนีตี้ปันผล ของบลจ.กรุงไทย ให้ผลตอบแทน 44.99% สูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 18.77% อันดับ 8 กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นทุนปันผล ของบลจ.ไทยพาณิชย์ ให้ผลตอบแทน 44.90% สูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 18.68%
อันดับ 9 กองทุนเปิดรวงข้าวทวีผล 2 ของบลจ.กสิกรไทย ให้ผลตอบแทน 44.74% สูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 18.52% และอันดับ 10 กองทุนเปิดฟินันซ่า SET เพิ่มพูนปันผล ภายใต้การบริหารของบลจ.ฟินันซ่า โดยกองทุนให้ผลตอบแทน 44.13% สูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 17.91%
นางวิวรรณ ธาราหิรัญโชติ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า กองทุนเปิดเค หุ้นปันผล เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นพื้นฐานดีและมีอัตราการจ่ายเงินปันผลในระดับสูง ซึ่งรวมถึงหุ้น P/E ต่ำแต่พื้นฐานดีด้วย ซึ่งการลงทุนในของกองทุนในช่วงปี 2550 ที่ผ่านมา ถึงแม้จะค่อนข้างผันผวน แต่ผลตอบแทนกองทุนก็ออกมาในระดับที่ดีจนเป็นกองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดในกองทุนหุ้นทั้งระบบจากการรายงานของลิปเปอร์ โดยปัจจัยที่ทำให้กองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนออกมาได้เป็นอย่างดีในขณะที่ตลาดผันผวน เนื่องจากกองทุนเองมีการเทรดดิ้งตามจังหวะการลงทุนในตลาด ทั้งการขายทำกำไรออกเป็นระยะพร้อมทั้งซื้อกลับคืนเข้าพอร์ตตามราคาพื้นฐานของหุ้นที่ควรจะเป็น จึงทำให้ผลตอบแทนของกองทุนออกมาค่อนข้างดี ซึ่งรวมถึงกองทุนหุ้นกองอื่นๆ ที่บริษัทบริหารอยู่ด้วย
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมากองทุนเปิดเค หุ้นปันผล อาจจะไม่ค่อยได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากนัก ประกอบกับไม่ได้เน้นขายหน่วยลงทุนผ่านสาขาของธนาคารกสิกรไทย แต่หลังจากเราให้ความสำคัญและเปลี่ยนชื่อกองทุนให้มีความชัดเจนถึงนโยบายการลงทุนมากขึ้น นักลงทุนก็เริ่มเข้ามามากขึ้นเช่นกัน ซึ่งจากการที่กองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนปีที่ผ่านมาได้ดีก็เชื่อว่าปีนี้ นักลงทุนน่าจะตอบรับกองทุนนี้เพิ่มขึ้นกว่าเดิม
สำหรับกองทุนเปิดเค หุ้นปันผล เน้นลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอันเป็นหรือเกี่ยวข้องกับตราสารแห่งทุนที่มีปัจจัยพื้นฐานดี โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้น และสามารถรับความเสี่ยงในการลงทุนได้สูง ซึ่งกองทุนมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่เกินปีละ 2 ครั้ง ในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 90 ของการเพิ่มขึ้นในสินทรัพย์สุทธิจากการดำเนินงานประจำแต่ละงวดบัญชี ซึ่งการเพิ่มขึ้นดังกล่าวไม่รวมถึงรายการกำไรหรือขาดทุนสุทธิจากเงินลงทุนที่ยังไม่เกิดขึ้น(Unrealized Gain)
ทั้งนี้ อัตราเงินปันผลที่จะจ่ายเมื่อคำนวณเป็นจำนวนเงินปันผลแล้วจะต้องไม่เกินการเพิ่มขึ้นในสินทรัพย์สุทธิจากการดำเนินงานประจำงวดบัญชีที่จ่ายเงินปันผลนั้น และบริษัทจัดการอาจพิจารณาจ่ายเงินปันผลจากกำไรสะสมส่วนที่ไม่รวมกำไรหรือขาดทุนสุทธิจากเงินลงทุนที่ยังไม่เกิดขึ้น(Unrealized Gain) ของกองทุนได้ อย่างไรก็ตาม บริษัทจัดการสงวนสิทธิในการที่จะไม่จ่ายเงินปันผลในกรณีที่เงินปันผลต่อหน่วยที่คำนวณได้ต่ำกว่า 0.25 บาท
