โตโยต้าเผยโฉม "ไฮลักซ์ ไฮบริด 48V" ขุมพลังดีเซลไมลด์ไฮบริด 2.8 ลิตร ทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 16 แรงม้า และแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออน เตรียมวางจำหน่ายจริงที่ยุโรปภายในปี 2567 นี้
โตโยต้า ไฮลักซ์ ไฮบริด 48V ที่วางจำหน่ายในยุโรปมีให้เลือกเฉพาะรุ่นตัวถัง 4 ประตู Double Cab เท่านั้น โดยยังคงรูปลักษณ์เหมือนกับรุ่นปกติทุกประการ พร้อมโครงสร้างแชสซีซ์แบบขั้นบันได รองรับการขับขี่แบบออฟโรดเช่นเดียวกับรุ่นเครื่องยนต์สันดาปล้วน มีความสูงจากพื้นถนน 310 มิลลิเมตร มีมุมไต่และมุมจากอยู่ที่ 29 องศา และ 26 องศาตามลำดับ
ขุมพลังของ โตโยต้า ไฮลักซ์ ไฮบริด 48V เป็นเครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร กำลังสูงสุด 204 แรงม้า (DIN) ที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,800 รอบต่อนาที ผ่านค่ามาตรฐานไอเสีย Euro 6d ทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 16 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 65 นิวตัน-เมตร ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการออกตัวและลดอัตราสิ้นเปลือง
ขณะที่แบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออน 48 โวลต์ ถูกออกแบบให้มีขนาดกะทัดรัด มีน้ำหนักเพียง 7.6 กิโลเมตร ติดตั้งไว้บริเวณใต้เบาะนั่งด้านหลังจึงไม่กระทบต่อพื้นที่ภายในห้องโดยสาร อีกทั้งแบตเตอรี่ลูกดังกล่าวยังถูกใช้สำหรับจ่ายกระแสไฟ 12 โวลต์ให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ของตัวรถผ่าน DC/DC Converter อีกด้วย
โตโยต้าระบุว่าเทคโนโลยีไฮบริด 48 โวลต์ ดังกล่าวจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทั้งการเร่งและชะลอความเร็ว ควบคู่ไปกับการลดอัตราสิ้นเปลืองลง เพิ่มระยะเวลาในการดับเครื่องยนต์ของระบบ Idling Stop ให้นานขึ้น สามารถลดอัตราสิ้นเปลืองลงได้ราว 5%
ระบบไฮบริดดังกล่าวยังมีประโยชน์ในช่วงเร่งออกตัวจากจุดหยุดนิ่ง เนื่องจากเครื่องยนต์จะสามารถกลับมาทำงานได้ไวขึ้น อันเป็นผลจากการใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเชื่อมต่อเข้ากับเครื่องยนต์โดยตรง จึงไม่ต้องอาศัยการทำงานของไดสตาร์ทเพื่อให้เครื่องยนต์ติดขึ้นเหมือนกับระบบ Idling Stop ทั่วไป ขณะเดียวกันยังสามารถลุยน้ำลึกสูงสุด 700 มิลลิเมตรโดยไม่ทำให้ชุดมอเตอร์และแบตเตอรี่เสียหาย
ภายในห้องโดยสารของเวอร์ชันยุโรปมาพร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว พร้อมระบบนำทางแบบคลาวด์ ที่สามารถแสดงข้อมูลการจราจรแบบเรียลไทม์ รวมถึงติดตั้งระบบช่วยเหลือการขับขี่ Toyota Safety Sense ที่มีฟังก์ชันมาให้ครบครัน เช่น ระบบป้องกันการชน Pre-Collision System (PCS) ที่ปรับปรุงให้สามารถทำงานในที่แสงน้อยได้ดียิ่งขึ้น ระบบ Adaptive Cruise Control (ACC) ที่ทำงานคู่กับ Road Sign Assist (RSA) ช่วยปรับความเร็วอัตโนมัติตามป้ายจำกัดความเร็ว เป็นต้น
