Chery ประกาศแผนทำตลาดในเมืองไทยด้วย 2 แบรนด์ในเครือ Omoda และ Jaecoo ประเดิมเฟสแรกด้วยการเปิดตัวรถใหม่ Omoda 5 EV เป้าหมายการขายปีแรก 15,000 คัน พร้อมลงทุนตั้งโรงงานประกอบในไทยในอีก 3 ปี

ชี่ เจี๋ย ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดแบรนด์ OMODA และ JAECOO ประเทศไทย กล่าวว่า จากการสำรวจตลาดของประเทศไทยพบว่า แบรนด์ Omoda&Jaecoo มีความเหมาะสมกับลูกค้าชาวไทยมากกว่าแบรนด์ Chery ดังนั้นการเข้ามาเปิดตลาดไทยในครั้งนี้จึงเลือกใช้ 2 แบรนด์ดังกล่าวในการทำตลาด

สำหรับแผนงานจะแบ่งออกเป็น 3 เฟส เริ่มด้วยในช่วงแรกจะมีการจ้างโรงงานในไทยที่มีอยู่แล้วประกอบรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกที่จะทำตลาดคือ Omoda 5 กำลังการผลิต 20,000 คัน/ปี หลังจากนั้นเฟสที่สองจะตั้งโรงงานประกอบรถยนต์ในไทยภายในช่วงปี 2569-2570 และในเฟสที่สาม ภายในปี 2573 จะขยายโรงงานพร้อมส่งออกด้วยกำลังการผลิตสูงสุด 100,000 คันต่อปี แบ่งเป็นผลิตเพื่อป้อนตลาดไทย 65,000 คัน และส่งออก 25,000 คัน

“เรามีความสนใจที่จะเข้าร่วมมาตรการสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาล โดยอยู่ระหว่างการเจรจาและกำลังหาพันธมิตรต่างๆในการประกอบรถยนต์ ซึ่งคาดว่าแล้วเสร็จและเริ่มต้นการผลิตได้ในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2567 โดยวางเป้าหมายการขายไว้ 18,000 คัน/ปี ส่วนการจัดตั้งบริษัทในไทยจะแล้วเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายนนี้” ชี่ เจี๋ย กล่าว

อย่างไรก็ตามหากนโยบายของภาครัฐยังไม่เปิดเผยออกมาทางแบรนด์พร้อมที่จะขยายกรอบเวลาของแผนงานออกไป ทั้งนี้แผนการลงทุนจะเป็นส่วนของเชอรี่ทั้งหมด 100% แต่ไม่สามารถเปิดเผยมูลค่าการลงทุนได้ ส่วนการขยายตัวแทนจำหน่ายจะใช้ระบบดีลเลอร์ประมาณ 15-20 ราย และวางเป้าไว้ 30 โชว์รูมในช่วงแรก

รถยนต์รุ่นแรกที่จะทำตลาดในไทยคือ Omoda 5 EV เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า100% ในช่วงต้นปี 2567 และอีกหนึ่งแบรนด์จะทำตลาดรุ่นแรกด้วย Jaecoo 8 ในช่วงปลายปี โดยจะมีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นอื่นๆ ในเครือตามออกมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งรถยนต์ที่เป็นแบบไฮบริดและปลั้กอินไฮบริด และอาจจะมีการเปิดตัวรถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปด้วยก็เป็นไปได้ ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้บริโภคชาวไทย


ชี่ เจี๋ย ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดแบรนด์ OMODA และ JAECOO ประเทศไทย กล่าวว่า จากการสำรวจตลาดของประเทศไทยพบว่า แบรนด์ Omoda&Jaecoo มีความเหมาะสมกับลูกค้าชาวไทยมากกว่าแบรนด์ Chery ดังนั้นการเข้ามาเปิดตลาดไทยในครั้งนี้จึงเลือกใช้ 2 แบรนด์ดังกล่าวในการทำตลาด
สำหรับแผนงานจะแบ่งออกเป็น 3 เฟส เริ่มด้วยในช่วงแรกจะมีการจ้างโรงงานในไทยที่มีอยู่แล้วประกอบรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกที่จะทำตลาดคือ Omoda 5 กำลังการผลิต 20,000 คัน/ปี หลังจากนั้นเฟสที่สองจะตั้งโรงงานประกอบรถยนต์ในไทยภายในช่วงปี 2569-2570 และในเฟสที่สาม ภายในปี 2573 จะขยายโรงงานพร้อมส่งออกด้วยกำลังการผลิตสูงสุด 100,000 คันต่อปี แบ่งเป็นผลิตเพื่อป้อนตลาดไทย 65,000 คัน และส่งออก 25,000 คัน
“เรามีความสนใจที่จะเข้าร่วมมาตรการสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาล โดยอยู่ระหว่างการเจรจาและกำลังหาพันธมิตรต่างๆในการประกอบรถยนต์ ซึ่งคาดว่าแล้วเสร็จและเริ่มต้นการผลิตได้ในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2567 โดยวางเป้าหมายการขายไว้ 18,000 คัน/ปี ส่วนการจัดตั้งบริษัทในไทยจะแล้วเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายนนี้” ชี่ เจี๋ย กล่าว
อย่างไรก็ตามหากนโยบายของภาครัฐยังไม่เปิดเผยออกมาทางแบรนด์พร้อมที่จะขยายกรอบเวลาของแผนงานออกไป ทั้งนี้แผนการลงทุนจะเป็นส่วนของเชอรี่ทั้งหมด 100% แต่ไม่สามารถเปิดเผยมูลค่าการลงทุนได้ ส่วนการขยายตัวแทนจำหน่ายจะใช้ระบบดีลเลอร์ประมาณ 15-20 ราย และวางเป้าไว้ 30 โชว์รูมในช่วงแรก
รถยนต์รุ่นแรกที่จะทำตลาดในไทยคือ Omoda 5 EV เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า100% ในช่วงต้นปี 2567 และอีกหนึ่งแบรนด์จะทำตลาดรุ่นแรกด้วย Jaecoo 8 ในช่วงปลายปี โดยจะมีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นอื่นๆ ในเครือตามออกมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งรถยนต์ที่เป็นแบบไฮบริดและปลั้กอินไฮบริด และอาจจะมีการเปิดตัวรถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปด้วยก็เป็นไปได้ ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้บริโภคชาวไทย