All-new LEXUS LM ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วในไทย ส่งรุ่น LM 350h ขุมพลังไฮบริด 2.5 ลิตร กำลังสูงสุด 250 แรงม้า เคาะราคารุ่น LM 350h Executive 7-Seater เริ่มต้นที่ 6,290,000 บาท และรุ่น LM 350h Executive 4-Seater ราคา 7,590,000 บาท
นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวเพิ่มเติมว่า “นับจากการเปิดตัว Lexus LM ในประเทศไทยครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2563 ถือได้ว่าเป็นการยกระดับมาตรฐานใหม่ของยนตรกรรม Luxury Minivan ไปอีกขั้น ทำให้ Lexus LM กลายเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหราอย่างแท้จริง โดยได้รับเสียงตอบรับที่ดีเกินความคาดหมาย ด้วยรูปลักษณ์อันเป็นเอกลักษณ์ โดดเด่นด้วยความสะดวกสบายภายในห้องโดยสารระดับเฟิสต์คลาส สร้างความประทับใจให้กับผู้ที่ต้องการห้องโดยสารที่มีความสะดวกสบาย พร้อมความประณีต และพิถีพิถันในการผลิตสูงสุด ตอบสนองความต้องการกลุ่มผู้บริหารจากองค์กรชั้นนำในประเทศไทย”
“แนวทางการออกแบบ Lexus LM ใหม่ ได้ถูกหล่อหลอม และสะท้อนวิสัยทัศน์ของเลกซัส ภายใต้แนวคิด “Making Luxury Personal” หรือ "การทำให้ความหรูหราเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล" เราได้ยกระดับของความหรูหราขึ้นไปอีกขั้น เพื่อให้มั่นใจว่าทุกวินาทีที่อยู่ภายในห้องโดยสารของ LM จะเป็นประสบการณ์ที่ไม่มีใครเทียบ ในวันนี้ผมขอแนะนำ The All-new Lexus LM ใหม่ ผ่านการนำเสนอถึงความสง่างามทั้ง 7 ด้าน ทำให้ Lexus LM ใหม่ แตกต่าง และโดดเด่นอย่างแท้จริง” นายศุภกร กล่าวถึงรายละเอียดของผลิตภัณฑ์
“Sophisticated Exterior” การออกแบบภายนอกใหม่ทั้งหมด สง่างาม และทันสมัย ด้วยแนวทางการออกแบบภายนอก “Dignified Elegancy” เริ่มจากกระจังหน้ารูปแบบ “Lexus’s Resolute Look” ที่นำมาออกแบบให้เป็น “Unified Spindle” พร้อมไฟหน้าที่เฉียบคม ทันสมัย โปรไฟล์ด้านข้างตัวรถที่ยาวขึ้น สะท้อนการออกแบบที่เน้นความสบายของห้องโดยสารตอนหลังเป็นอันดับแรก และโดดเด่นด้วยไฟท้าย L-Signature Light Bar ขนาดใหญ่ เสริมรูปลักษณ์ที่ทรงพลัง
“Grand Interior” ห้องโดยสารภายในที่หรูหรา และประณีต ด้วยการออกแบบที่ยกเอาห้องนั่งเล่น และห้องทำงานมาไว้ด้วยกัน ให้ความรู้สึกสงบ และสะดวกสบายสูงสุด ทั้งในรุ่น 4 และ 7 ที่นั่ง นอกจากนี้ยังออกแบบโดยให้ความสำคัญกับทุกๆ ตำแหน่งของเบาะนั่งรวมถึงตำแหน่งผู้ขับตามหลักแนวคิด TAZUNA ให้ตำแหน่งของผู้ขับขี่อยู่บริเวณกึ่งกลาง วางทุกอย่างให้โอบล้อมผู้ขับ สามารถเอื้อมใช้งานได้สะดวกไม่ต้องละสายตาจากถนน
“First Class Cabin Lounge” ห้องโดยสารระดับเฟิสต์คลาส ห้องโดยสารตอนหลังออกแบบเพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางสุดพิเศษ ด้วยแรงบันดาลใจจากที่นั่งเครื่องบินโดยสารชั้น First class พร้อมผนังกั้นเพื่อความเป็นส่วนตัว กระจกปรับความเข้มแสงอัจฉริยะ หน้าจอขนาดใหญ่ 48 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงชั้นเลิศ “Mark Levinson Reference 3D Surround Sound System” ช่องเก็บของ ช่องแช่เครื่องดื่ม จุดชาร์จไฟ รองรับทุกความต้องการ เบาะนั่งที่ให้ผิวสัมผัสนุ่มนวล พร้อมระบบควบคุมความร้อน / เย็นของเบาะนั่ง ปรับเอนนอนได้ในองศาที่มากขึ้นกว่าเดิม โอบล้อมสรีระ ให้การซัพพอร์ตได้อย่างเหมาะสม ลดแรงสั่นสะเทือนที่มาจากภายนอกรถ พร้อม “Relaxation Function” ระบบนวดที่ทำให้ทุกการเดินทางผ่อนคลาย สะดวกสบายสูงสุด
“Personalized Customization” ฟังก์ชันปรับแต่งเฉพาะบุคคล ตอบสนองทุกรสนิยมส่วนบุคคล พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ที่สามารถปรับให้เข้ากับความต้องการที่หลากหลาย อาทิ Personalized Screen สามารถแยกการนำเสนอเนื้อหาแต่ละบุคคล พร้อมระบบเครื่องเสียงแบบ “2-Zone Audio System” ซึ่งจะแยกระบบเสียงด้านหน้าคนขับ และด้านหลัง ทำให้สามารถรับฟังคอนเทนท์ที่แตกต่างกันได้โดยไม่มีเสียงรบกวนซึ่งกันและกัน การควบคุมฟังก์ชันเฉพาะบุคคลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Moon roof หน้าจอ ระบบปรับอากาศแบบแยกโซน สามารถควบคุมได้เพียงปลายนิ้วสัมผัสจาก “Overhead Control” และ “Removable Touchscreen Rear Controller”
“Comfort and Confidence” สุนทรียภาพ และความมั่นใจในการเดินทาง ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 2.5 ลิตรระบบไฮบริดใหม่ 250 แรงม้า ผสานกับเทคโนโลยีขับเคลื่อนสีล้อแบบ E FOUR ทำให้ได้พละกำลังที่ดีขึ้น เร่งแซงได้อย่างมั่นใจ พร้อมความประหยัดน้ำมันเป็นเยี่ยม โครงสร้างตัวถังพัฒนาขึ้นภายใต้สถาปัตยกรรมโครงสร้าง GA-K ที่แข็งแกร่งขึ้น และใช้วัสดุที่มีน้ำหนักเบา ให้การตอบสนองที่เฉียบคม และการควบคุมที่ดีเยี่ยม พร้อมโหมดการขับขี่ใหม่ “Rear Comfort Mode” ที่ให้ความสบายนุ่มนวลอย่างแตกต่าง ด้วยระบบช่วงล่างที่พัฒนาขึ้นจากเทคโนโลยีใหม่ครั้งแรกของโลก “Frequency-sensitivity Piston Valve” ทำงานคู่กับระบบ “Adaptive Variable Suspension” (AVS) และระบบควบคุมการทรงตัวขณะเบรก “Braking Posture Control” ช่วยป้องกันทั้งการโยนตัวขณะเบรก และป้องกันการโคลงตัวในขณะเข้าโค้ง ลดอาการเวียนศรีษะ ทำให้ผู้โดยสารด้านหลังเดินทางได้อย่างสะดวกสบายสูงสุด
“World-Class Safety” สัมผัสความปลอดภัยระดับโลกกับระบบ “Lexus Safety System Plus” พร้อมระบบความปลอดภัยที่ครบครันในทุกเกรด นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาระบบตรวจจับระยะด้วยเรดาร์คลื่นมิลลิเมตร และกล้องที่กว้างขึ้น เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ และเสริมความปลอดภัยให้กับผู้โดยสาร และผู้ร่วมทาง
“Ultimate Omotenashi” ประสบการณ์ “Omotenashi” สัมผัสจิตวิญญาณการบริการแบบญี่ปุ่นตามปรัชญา “Omotenashi” ด้วยระบบ “Lexus Climate Concierge” ที่จะตรวจจับอุณหภูมิของผู้โดยสารแต่ละท่านเพื่อปรับอุณหภูมิในห้องโดยสารโซนนั้นๆ ตามความเหมาะสม นอกจากนี้ยังมีโหมดปรับบรรยากาศห้องโดยสารด้านหลัง โดยปรับระบบไฟในห้องโดยสารรวมถึงฟังก์ชันบังแสงจากภายนอกตามอารมณ์ของผู้โดยสารได้ถึง 5 โหมด คือ Dream, Relax, Focus, Energize และ My Original
ตัวถังภายนอกมีให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีดำ Graphite Glass Flake , สีขาว Sonic Quartz, สีแดง Sonic Agate และสีเงิน Sonic Titanium พร้อมสีภายใน 2 สี ได้แก่ สีขาว Solis White with Copper และสีดำ Black with Dark Grey Accents
สัมผัส The All-New Lexus LM ในงาน “Lexus Electrified Fest” ที่สยามพารากอน ตั้งแต่วันที่ 2-4 กันยายน ศกนี้ และทดลองขับได้ที่ผู้แทนจำหน่าย เลกซัส อย่างเป็นทางการทั้ง 3 แห่ง ระหว่างวันที่ 7-10 กันยายน ศกนี้ พร้อมรับข้อเสนอสุดพิเศษมากมายภายในงาน
และเพื่อสร้างความมั่นใจสูงสุดให้กับผู้ครอบครอง เลกซัส LM ใหม่ทุกคันผ่านผู้แทนจำหน่ายเลกซัส อย่างเป็นทางการ รับประกันคุณภาพ 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง และรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง อุ่นใจ มั่นใจกับศูนย์บริการเลกซัส และ Lexus Service Corner พร้อมบริการ Home Visit Mobility Service ครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ
ราคาอย่างเป็นทางการ เล็กซัส LM 350h Executive 4-Seater ราคา 7,590,000 บาท และ LM 350h Executive 7-Seater ราคา 6,290,000 บาท