โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า โตโยต้านำเสนอวิสัยทัศน์สู่การสร้างสังคมที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน ผ่านหลากหลายทางเลือกด้านเทคโนโลยีอันไร้ข้อจำกัด ในงานมอเตอร์โชว์ 2023 ซึ่งจะได้พบรถยนต์ต้นแบบ ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานทางเลือก อาทิ ไฮลักซ์ รีโว่ BEV Concept - LPG HEV Taxi Concept - พรีอุส HEV Concept และ โคโรลล่า ครอส ไฮโดรเจน Concept พร้อมตอกย้ำความเป็นผู้นำรถขับเคลื่อนระบบพลังงานไฟฟ้า ด้วยรถยนต์ไฟฟ้าระบบไฮบริดหลายรุ่น รวมถึง bZ4X รถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าแบตเตอรี่รุ่นแรกของโตโยต้า
ต้นแบบหลากหลายเทคโนโลยี สู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนอย่างไร้ข้อจำกัดที่โตโยต้านำมาโชว์ ประกอบไปด้วย
รถไฟฟ้าแบตเตอรี่ต้นแบบ “ไฮลักซ์ รีโว่ BEV Concept”
รถกระบะไฮลักซ์ รีโว่ ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าแบตเตอรี่ BEV ประเภทลิเธียมไอออน เพื่อส่งเสริมการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน และรักษาสิ่งแวดล้อมให้ดียิ่งขึ้น ช่วงล่างด้านหน้าดับเบิ้ลวิชโบน และแหนบกันสะเทือนด้านหลังแบบคานแข็ง ต้นแบบรถกระบะพลังไฟฟ้า 100% พัฒนามาจากไฮลักซ์ รีโว่ ตัวถังตอนเดียว Single Cab พร้อมดีไซน์ภายนอกชุดกระจังหน้าแบบใหม่ เพื่อตอบโจทย์ความเป็นยานยนต์ไฟฟ้า และแสดงถึงเทคโนโลยีของรถกระบะแห่งอนาคต ไฮลักซ์ รีโว่ BEV Concept เผยโฉมครั้งแรกในโอกาสครบรอบการดำเนินธุรกิจ 60 ปี ของโตโยต้าในประเทศไทย เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา และมีแผนงานเพื่อนำเสนออีกหนึ่งทางเลือกด้านการขับเคลื่อน ในโครงการ “จัดตั้งเมืองที่ยั่งยืนโดยปราศจากมลภาวะ- Decarbonized SustainableCity” ซึ่งมุ่งเน้นนำเทคโนโลยีรถยนต์พลังงานทางเลือก และระบบพลังงานสะอาดมาทดลองใช้งาน ทั้งในด้านการคมนาคม เศรษฐกิจ และการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนภายในเมืองพัทยา
รถไฟฟ้าระบบไฮบริดต้นแบบ “พรีอุส HEV Concept”
รถไฟฟ้าระบบไฮบริดที่ผลิตเพื่อจำหน่ายเชิงพาณิชย์รุ่นแรกของโลก ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ระบบไฮบริด โดดเด่นด้วยโฉมใหม่ ทรงสปอร์ต ออกแบบโดยคำนึงถึงหลักอากาศพลศาสตร์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมัน และสมรรถนะความสนุกสนานในการขับขี่ ภายในออกแบบตามแนวคิด “Island architecture” ตั้งแต่หน้าจอมาตรวัดแบบดิจิตอล 7 นิ้ว ช่วยให้ผู้ขับมีสมาธิในขณะขับขี่ กว้างขวางด้วยฐานล้อที่ยาวขึ้น มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว
รถไฟฟ้าระบบไฮบริดเชื้อเพลิง LPG ต้นแบบ “LPG HEV Taxi Concept”
รถยนต์ที่พัฒนาเพื่อใช้เป็นแท็กซี่โดยเฉพาะ สำหรับรถต้นแบบที่นำมาจัดแสดงได้รับการตกแต่งพิเศษด้วยสีเหลือง-เขียว สร้างความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะสำหรับประเทศไทย รถรุ่นนี้มาพร้อมหลังคาทรงสูง ติดตั้งประตูสไลด์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง ออกแบบให้มีพื้นห้องโดยสารต่ำ และเรียบเสมอกัน เพื่อรองรับการใช้ทางลาดสำหรับรถเข็นวีลแชร์ ทำให้ผู้โดยสารทุกคนโดยเฉพาะเด็ก และคนชรา สามารถเข้า-ออกห้องโดยสารได้อย่างสะดวก นอกจากนี้ยังออกแบบโดยคำนึงถึงความสะดวกสบาย และลดความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่ อีกทั้งยังชูจุดเด่นด้วยขุมพลังที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยเครื่องยนต์ระบบไฮบริด ที่จับคู่พลังงานไฟฟ้ากับก๊าซ LPG มาพร้อมระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense อุ่นใจตลอดการเดินทาง
ยานยนต์ HICEV ต้นแบบ “โคโรลล่า ครอส ไฮโดรเจน Concept”
รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน ขับเคลื่อนด้วยเชื้อเพลิงไฮโดรเจน มาพร้อมกับเครื่องยนต์ แบบ 3 สูบ ขนาด 1.6 ลิตร เทอร์โบ โดยใช้ระบบหัวฉีดไฮโดรเจนแรงดันสูง ใช้เวลาในการเติมก๊าซไฮโดรเจนใกล้เคียงกับรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันเชื้อเพลิง โดยมีน้ำเป็นองค์ประกอบหลักที่ถูกปล่อยจากกระบวนการสันดาป นำเสนออีกหนึ่งทางเลือกเพื่อความเป็นกลางทางคาร์บอน
โนริอากิ ยามาชิตะ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ตามที่ .อากิโอะ โตโยดะ ได้กล่าวย้ำวิสัยทัศน์ระยะยาวเพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ผ่านกลยุทธ์หลากหลายทางเลือกด้านเทคโนโลยี โตโยต้ายังคงเดินหน้านำเสนอการขับเคลื่อนที่ดียิ่งกว่า เพื่อตอบสนองความต้องการอันหลากหลายของลูกค้าต่อไป และเมื่อเร็วๆ นี้ เราได้แนะนำกิจกรรม “Carbon Neutral Mobility Event” ซึ่งเป็นหนึ่งกิจกรรมภายใต้การดำเนินงานของ Commercial Japan Partnership Technologies Corporation หรือ CJPT ที่จัดตั้งขึ้นภายใต้ความร่วมมือระหว่างค่ายผู้ผลิตรถยนต์ของประเทศญี่ปุ่น ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อเร่งการใช้เทคโนโลยีภายใต้แนวคิด CASE (Connected, Autonomous, Shared, Electric) อย่างแพร่หลายในวงกว้าง เพื่อมุ่งลดปัญหาที่พบในระบบขนส่ง ตลอดจนบรรลุสังคมที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน ทั้งนี้มีการนำเสนอหลากหลายทางเลือกด้านเทคโนโลยี และนวัตกรรมยานยนต์เพื่อมุ่งลดการปล่อย CO2 ตลอดจน หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้รับฟังความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาจากผู้ทีเกี่ยวข้อง ที่ได้ร่วมสัมผัสประสบการณ์ทดลองขับรถยนต์เหล่านี้ เพื่อพิจารณาวิธีการที่เหมาะสมในการประสานความร่วมมือกัน เพื่อมุ่งบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนต่อไป”