xs
xsm
sm
md
lg

เปิดตัว “เมอร์เซเดส-เบนซ์ CLA” รุ่นปรับโฉมพร้อมขุมพลังปลั๊กอินไฮบริดแรงขึ้นกว่าเดิม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดตัว “CLA Coupé” และ “CLA Shooting Brake” โฉมเฟซลิฟต์ใหม่ ปรับดีไซน์ภายนอกเพิ่มความสดใหม่ยิ่งขึ้น พร้อมระบบปฏิบัติการ MBUX เวอร์ชันล่าสุดที่มีฟังก์ชัน “Travel Guide” สามารถบรรยายข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวตามเส้นทางได้ พร้อมขุมพลังที่มีให้เลือกทั้งเบนซิน, ดีเซล และปลั๊กอินไฮบริดเช่นเคย


เมอร์เซเดส-เบนซ์ CLA โฉมเฟซลิฟต์ทั้ง 2 รุ่น มีการปรับดีไซน์ภายนอกต่างไปจากเดิมเล็กน้อย ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์กันชนหน้า, กระจังหน้าที่ถูกตกแต่งด้วยสัญลักษณ์ดาวสามแฉก และดิฟฟิวเซอร์บริเวณกันชนท้าย รวมถึงมีการปรับปรุงรายละเอียดภายในโคมไฟหน้า LED High Performance และไฟท้ายแอลอีดี ที่คราวนี้ถูกติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่นย่อย เสริมด้วยตัวถังสีใหม่อีก 2 สี ได้แก่ Hyper Blue และ Spectral Blue และล้ออัลลอยลายใหม่อีก 3 ลาย ที่มีขนาดให้เลือกไปจนถึง 19 นิ้ว

ภายในห้องโดยสารถูกติดตั้งระบบปฏิบัติการ MBUX เวอรชันล่าสุด ทำงานผ่านหน้าจอขนาด 7 นิ้ว และ 10.25 นิ้วเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดยที่ลูกค้าชาวยุโรปสามารถเลือกหน้าจอขนาด 10.25 นิ้ว ทั้ง 2 จอเป็นออปชันเสริมได้ รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย ขับกำลังเสียงผ่านระบบเสียง 3 มิติระดับพรีเมียมจาก Burmester ที่มีระบบ Dolby Atmos เพื่อเพิ่มคุณภาพเสียงให้ดียิ่งขึ้น


ระบบ MBUX เวอร์ชันล่าสุดที่ติดตั้งลงใน CLA ใหม่ ยังมีฟังก์ชัน Travel Guide เปรียบเสมือนไกด์ส่วนตัว เพียงพูดคำสั่งว่า “Hey Mercedes, start Tourguide” ระบบจะทำการตรวจจับป้ายแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจที่ติดตั้งไว้ริมถนนออโตบาห์นของเยอรมนี (ปัจจุบันมีป้ายดังกล่าวประมาณ 3,400 ป้ายทั่วประเทศ ซึ่งมีลักษณะเป็นป้ายพื้นหลังสีน้ำตาลระบุชื่อและสัญลักษณ์ของสถานที่ใกล้เคียง) จากนั้น MBUX จะบรรยายข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่นั้นๆ ให้ผู้โดยสารภายในรถได้รับฟังตลอดเส้นทาง โดยปัจจุบันฟังก์ชันดังกล่าวยังรองรับเฉพาะประเทศเยอรมนีเท่านั้น

ด้านขุมพลังของ CLA โฉมเฟซลิฟต์ยังคงมีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล แต่ที่น่าสนใจคือการปรับปรุงรุ่นเครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (ทำตลาดด้วยรหัส CLA 250 e ทั้งตัวถังแบบ Coupé และ Shooting Brake) ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น โดยการเพิ่มพละกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าขึ้นเป็น 80 กิโลวัตต์ (เพิ่มจากเดิม 5 กิโลวัตต์) และเพิ่มกำลังของมอเตอร์ปั่นกระแสไฟขึ้นเป็น 11 กิโลวัตต์ (จากเดิม 7.4 กิโลวัตต์) พร้อมด้วยแบตเตอรี่ขนาด 15.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง สามารถขับขี่ในโหมดไฟฟ้าได้เป็นระยะทางสูงสุด 82 กิโลเมตร (และสูงสุด 80 กม. ในรุ่น Shooting Brake)














กำลังโหลดความคิดเห็น