RAM 1500 Revolution BEV ต้นแบบกระบะไฟฟ้าดีไซน์ล้ำเผยโฉมครั้งแรกในโลกที่งาน CES 2023 ณ เมืองลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ชูจุดเด่นด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำสมัย พร้อมเบาะนั่งแถว 3 แบบพับเก็บได้ (Jump Seat) เตรียมวางจำหน่ายจริงในปี 2567 ที่จะถึงนี้
Stellantis เผยโฉมต้นแบบรถกระบะไฟฟ้า RAM 1500 Revolution BEV เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นของ RAM ในการผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ชูไฮไลต์ด้วยดีไซน์ล้ำสมัยแบบ Ultra-modern ที่ยังคงไว้ซึ่งความบึกบึนแข็งแรงตามฉบับรถกระบะ โดยอาศัยแนวคิด “Brutiful” ซึ่งมาจากคำว่า “Brutal” ที่หมายถึงความดุร้าย และ “Beautiful” ที่แปลว่าความสวยงาม มาพร้อมไฟหน้า LED ดีไซน์แบบ “Tuning fork” พร้อมสัญลักษณ์ “RAM” เรืองแสงขนาดใหญ่บริเวณกระจังหน้า ช่วยเพิ่มความสะดุดตาให้กับรถกระบะต้นแบบคันนี้ได้เป็นอย่างดี
RAM 1500 Revolution BEV มาพร้อมการออกแบบไร้เสากลาง (B-pillar) สามารถเปิดประตูออกในลักษณะตู้กับข้าว จึงทำให้มีพื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวางกว่ารถกระบะทั่วไป ทั้งยังมีการติดตั้งสัญลักษณ์ RAM แบบเรืองแสงบริเวณประตูข้างและประตูกระบะท้าย รับกับไฟท้าย LED ที่สามารถส่องสว่างแบบเคลื่อนไหวได้ โดยที่ประตูกระบะท้ายแบบไฟฟ้ายังสามารถเปิดออกเพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระ อีกทั้งยังติดตั้งมือเปิดประตูภายนอกแบบเรียบไปกับตัวถังเช่นเดียวกับที่พบในรถยนต์ไฟฟ้าระดับหรูอีกด้วย
ภายในห้องโดยสารใช้แนวคิดที่เรียกว่า “One space Environment” ที่สร้างพื้นที่ให้มีความต่อเนื่องจากด้านหน้าไปจนถึงด้านหลัง ชูจุดเด่นด้วยฟีเจอร์ “Ram Track” ซึ่งมีลักษณะเป็นรางบริเวณพื้นห้องโดยสารเพื่อปรับรูปแบบเบาะนั่งและคอนโซลได้อย่างหลากหลาย ทั้งยังเพิ่มเติมด้วยเบาะนั่งแถวที่ 3 แบบ Jump Seat และคอนโซลกลางที่สามารถยกออกเพื่อเพิ่มพื้นที่ได้ เสริมด้วยหน้าจอสัมผัสจำนวน 2 จอ ให้พื้นที่การแสดงผลใหญ่ถึง 28 นิ้ว และสามารถถอดออกเพื่อใช้งานเป็นแท็บเล็ตได้
รถต้นแบบคันนี้ยังมีฟังก์ชัน Vehicle Personal Assistant ที่ใช้ระบบ AI เพื่อรับคำสั่งจากผู้ขับขี่และผู้โดยสาร สามารถรองรับคำสั่งเสียงได้อย่างหลากหลายแม้ว่าจะอยู่ภายนอกรถก็ตาม (เช่น สั่งปิดกระจกหน้าต่าง หรือใช้กล้องของตัวรถในการถ่ายรูป) รวมถึงฟีเจอร์ “Shadow Mode” ที่ผู้ขับขี่สามารถสั่งให้รถเคลื่อนที่ตามหลังอย่างช้าๆ โดยอาศัยเซ็นเซอร์และกล้องเพื่อรักษาระยะห่างจากเจ้าของรถอย่างปลอดภัย
นอกจากนี้ RAM 1500 Revolution BEV ยังมีฟังก์ชันอีกมากมาย เช่น ระบบแสดงข้อมูลบนกระจกบังลมหน้าแบบ Advanced Augmented Reality (AR) ที่สามารถแสดงวัตถุภายนอกในจุดที่ตาเปล่ามองไม่เห็น, ระบบ Exterior Projector ที่สามารถฉายภาพไปยังพื้นผิวภายนอก ซึ่ง RAM ระบุว่าสามารถเปลี่ยนรถให้กลายเป็นโรงหนังเคลื่อนที่ได้ และระบบขับขี่อัตโนมัติ Level 3+ ที่พวงมาลัยจะถูกพับเก็บเพื่อเพิ่มพื้นที่ภายในห้องโดยสาร โดยผู้ขับขี่ไม่จำเป็นต้องควบคุมตัวรถแต่อย่างใด
RAM 1500 Revolution BEV ถูกขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าจำนวน 2 ตัว เพื่อให้ถ่ายทอดกำลังแบบ All-wheel-drive ทำงานคู่กับแบตเตอรี่ที่สามารถรองรับการชาร์จด่วนแบบ DC 800 โวลต์ ด้วยกำลังไฟสูงสุด 350 kW เพื่อเพิ่มระยะทางขับขี่ราว 160 กิโลเมตรภายในเวลาเพียง 10 นาทีเท่านั้น