แลนด์โรเวอร์ ประเทศไทย เปิดตัว เรนจ์ โรเวอร์ ใหม่ เจเนอเรชันที่ 5 มากับ 2 ทางเลือกเครื่องยนต์ ดีเซลและปลั๊กอินไฮบริด โดยมีทั้งแบบตัวถังมาตรฐานและตัวถังยาว เคาะราคาเริ่ม 11,499,000 บาท
บริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เปิดตัวรถยนต์ เรนจ์ โรเวอร์ โฉมใหม่ ครั้งแรกในประเทศไทย
เรนจ์ โรเวอร์ใหม่ เปิดจำหน่ายในรุ่น Autobiography ทั้งรูปแบบตัวถังมาตรฐาน (SWB) และฐานล้อยาว (LWB) แบบ 4 และ 5 ที่นั่ง ในขณะที่แบบ LWB ของเรนจ์โรเวอร์ ใหม่ จะมีทางเลือกเพิ่มแถวที่สามเพื่อรองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 7 คน
การออกแบบของ เรนจ์โรเวอร์ ใหม่เกิดจากแนวคิดสามเส้นได้แก่ เส้นขอบหลังคาที่พุ่งลง เส้นรอบรถที่เข้มชัด และเส้นฐานประตูที่ยกสูง ผสมผสานกับแนวดีไซน์ใหม่ด้วยระยะยื่นหน้าที่สั้นและท้ายรถแบบเรือ ครบเครื่องด้วยประตูท้ายบานแยกที่ใช้งานได้จริง
เส้นรอบตัวรถแบบไม่ขาดตอนแสดงให้เห็นความใส่ใจในรายละเอียดของแลนด์โรเวอร์ ขอบประตูที่โค้งมนมาบรรจบกับกระจก ผิวสีดูเรียบง่ายและสะอาดตาและมีส่วนช่วยให้ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านเท่ากับ 0.30 ทำให้รถคันนี้เป็น SUV หรูหราที่ออกแบบถูกหลักอากาศพลศาสตร์มากที่สุดในโลก
โครงสร้างตัวถังมากับสถาปัตยกรรมชื่อว่า MLA-Flex โดยมีระบบเลี้ยวสี่ล้อเพื่อการขับขี่ที่ความเร็วต่ำคล่องตัว ง่ายขึ้นมีรัศมีวงเลี้ยวน้อยกว่า 11 เมตรส่วนไฟหน้าเป็นแบบ LED ที่ส่องได้ไกลถึง 500 เมตรพร้อมระบบปรับอัตโนมัติ (Adaptive Front Lighting) และเทคโนโลยีการฉายภาพเมื่อสตาร์ทเครื่อง
ขณะที่ภายในห้องโดยสาร เพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าด้วยวัสดุและการตกแต่งที่หลากหลายมากขึ้น รวมถึงเนื้อผ้าใหม่และ Ultrafabrics™ ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแลนด์โรเวอร์ซึ่งร่วมมือกับกับ Kvadrat™ ผู้ผลิตเนื้อผ้าเกรดดีชั้นนำของยุโรป ลำโพงใช้ระบบเสียงของเมอริเดียนขนาด 1,600 วัตต์ เพื่อสร้างหนึ่งในห้องโดยสารที่เงียบสงบที่สุดบนท้องถนน ลำโพงเสริม 20 วัตต์ ในพนักพิงศีรษะ มีระบบตัดเสียงรอบข้าง (Active Noise Cancellation) ที่จะตรวจสอบการสั่นสะเทือนของล้อ เสียงยาง และเสียงเครื่องยนต์ที่ส่งเข้ามาในห้องโดยสาร สร้างสัญญาณตัดเสียงผ่านลำโพง 35 ตัวของระบบ รวมถึงลำโพงคู่ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 60 มิลลิเมตรในพนักพิงศีรษะสำหรับผู้โดยสารในห้องโดยสาร 4 คนหลัก เพื่อสร้างโซนเงียบส่วนตัวคล้ายกับผลที่ได้เมื่อใช้หูฟังระดับไฮเอนด์
เรนจ์โรเวอร์ ใหม่ มีระบบฟอกอากาศในห้องโดยสารใหม่ (Cabin Air Purification Pro) ซึ่งเป็นการรวมเทคโนโลยี nanoeTM X แบบคู่สำหรับการลดสารก่อภูมิแพ้และกำจัดเชื้อโรค เพื่อช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์และไวรัสจำนวนมาก รวมไปถึงไวรัส SARS-CoV-2 ในขณะที่ระบบจัดการ CO2 และการกรองอากาศ PM2.5 ในห้องโดยสารช่วยเพิ่มคุณภาพอากาศ
ระบบควบคุมของเรนจ์โรเวอร์ ใหม่ ออกแบบสไตล์มินิมอล ด้วยติดตั้งระบบอินโฟเทนเมนต์ Pivi Pro หน้าจอสัมผัสใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา หน้าจอแบบลอยขนาด 13.1 นิ้ว พร้อมระบบการอัปเดตซอฟต์แวร์อัตโนมัติแบบ Over-The-Air (SOTA)
ผู้โดยสารแถวหลังสามารถเพลิดเพลินไปกับระบบความบันเทิงที่เบาะหลัง (RSE) โฉมใหม่ ซึ่งมีหน้าจอสัมผัสความละเอียดสูงขนาด 11.4 นิ้วแบบปรับได้ติดตั้งอยู่ที่ด้านหลังของเบาะพิงด้านหน้า ระบบสามารถทำงานได้อย่างอิสระจากกันและรองรับการเชื่อมต่อผ่านพอร์ต HDMI
นอกจากนั้นยังมี อุปกรณ์ควบคุมหน้าจอสัมผัสบนที่นั่งเบาะหลังขนาด 8 นิ้ว ติดตั้งอยู่บนที่เท้าแขนตรงกลางที่นั่งเบาะหลังแบบ Executive Class ให้การควบคุมรวดเร็วและง่ายดาย
ระบบช่วงล่างเป็นแบบถุงลมแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่มีระบบ Dynamic Response Pro และระบบประเมินล่วงหน้าใช้ข้อมูล eHorizon Navigation ในการอ่านถนนข้างหน้าและปรับสภาพระบบช่วงล่างให้ตอบสนองอย่างสมบูรณ์แบบทำงานร่วมกับระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control)
นอกจากนี้ เรนจ์โรเวอร์รุ่นใหม่ยังเป็นแลนด์โรเวอร์รุ่นแรกที่มีคุณสมบัติ Dynamic Response Pro ระบบป้องกันการพลิกคว่ำแบบอิเล็กทรอนิกส์ 48 โวลต์
ระบบส่งกำลังเป็นแบบขับเคลื่อนสี่ล้อ (iAWD) ควบคุมโดยระบบ Intelligent Driveline Dynamics (IDD) ของแลนด์โรเวอร์ ซึ่งทำงานตรวจสอบระดับการยึดเกาะและการสั่งการของผู้ขับขี่ 100 ครั้งต่อวินาที เพื่อคาดการณ์กระจายแรงบิดระหว่างเพลาหน้าและเพลาหลังและกระจายไปทั่ว เพลาหลัง เพื่อแรงยึดเกาะที่ดีที่สุดทั้งบนทางราบเรียบและทางขรุขระ พร้อมระบบล็อกเฟืองท้าย
สำหรับหัวใจในรุ่น ปลั๊กอินไฮบริด จะเป็นเครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.0 ลิตร ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 440 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 620 นิวตันเมตร และทางเลือกเครื่องยนต์ ดีเซล V6 ขนาด 3.0 ลิตร กำลังสูงสุด 350 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตร ขณะที่รุ่น SV จะมากับ เครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.0 ลิตร แบบปลั๊กอินไฮบริด แต่จะมีกำลังสูงสุด 510 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 550 นิวตันเมตร
ทั้งนี้ระยะทางวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วน (โหมดEV) ของรุ่นปลั๊กอินไฮบริดระบุไว้ที่ 113 กม. จากแบตเตอรี่ขนาดความจุ 38.2 kWh และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 140 กม./ชม.
รุ่นและราคาที่จำหน่ายประกอบด้วย
3.0 Petrol Plug-In Hybrid SWB AWD Autobiography Plus ราคา 11,499,000 บาท
3.0 Petrol Plug-In Hybrid LWB AWD Autobiography Plus ราคา 11,999,000 บาท
3.0 Petrol Plug-In Hybrid SWB AWD SV Plus ราคา 15,999,000 บาท
3.0 Diesel LWB AWD Autobiography Plus ราคา 15,999,000 บาท
พร้อม LAND ROVER CARE นาน 5 ปี ประกอบด้วย การรับประกันคุณภาพ บริการบำรุงรักษาตามระยะ และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน 24 ชั่วโมง เป็นเวลา 5 ปี ร่วมสัมผัสความหรูหราของ เรนจ์ โรเวอร์ ใหม่ได้ที่โชว์รูมรถยนต์แลนด์โรเวอร์ ชั้น 2 สยามพารากอน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 02-007-0008 และ www.landrover.co.th
**ตัวเลขระยะทาง EV อิงตามยานพาหนะที่ผลิตจำหน่ายตลอดเส้นทางที่เป็นมาตรฐาน ระยะทางที่ได้จะแตกต่างกันไปตามสภาพของรถและแบตเตอรี่ เส้นทางและสภาพแวดล้อมจริง และสไตล์การขับขี่คุณสมบัติเสริมและความพร้อมใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามข้อมูลจำเพาะของยานพาหนะ (รุ่นและระบบส่งกำลัง) และตลาด หรือจำเป็นต้องติดตั้งคุณสมบัติอื่นๆ เพื่อให้เหมาะสม โปรดติดต่อผู้แทนจำหน่ายเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
บริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เปิดตัวรถยนต์ เรนจ์ โรเวอร์ โฉมใหม่ ครั้งแรกในประเทศไทย
เรนจ์ โรเวอร์ใหม่ เปิดจำหน่ายในรุ่น Autobiography ทั้งรูปแบบตัวถังมาตรฐาน (SWB) และฐานล้อยาว (LWB) แบบ 4 และ 5 ที่นั่ง ในขณะที่แบบ LWB ของเรนจ์โรเวอร์ ใหม่ จะมีทางเลือกเพิ่มแถวที่สามเพื่อรองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 7 คน
การออกแบบของ เรนจ์โรเวอร์ ใหม่เกิดจากแนวคิดสามเส้นได้แก่ เส้นขอบหลังคาที่พุ่งลง เส้นรอบรถที่เข้มชัด และเส้นฐานประตูที่ยกสูง ผสมผสานกับแนวดีไซน์ใหม่ด้วยระยะยื่นหน้าที่สั้นและท้ายรถแบบเรือ ครบเครื่องด้วยประตูท้ายบานแยกที่ใช้งานได้จริง
เส้นรอบตัวรถแบบไม่ขาดตอนแสดงให้เห็นความใส่ใจในรายละเอียดของแลนด์โรเวอร์ ขอบประตูที่โค้งมนมาบรรจบกับกระจก ผิวสีดูเรียบง่ายและสะอาดตาและมีส่วนช่วยให้ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านเท่ากับ 0.30 ทำให้รถคันนี้เป็น SUV หรูหราที่ออกแบบถูกหลักอากาศพลศาสตร์มากที่สุดในโลก
โครงสร้างตัวถังมากับสถาปัตยกรรมชื่อว่า MLA-Flex โดยมีระบบเลี้ยวสี่ล้อเพื่อการขับขี่ที่ความเร็วต่ำคล่องตัว ง่ายขึ้นมีรัศมีวงเลี้ยวน้อยกว่า 11 เมตรส่วนไฟหน้าเป็นแบบ LED ที่ส่องได้ไกลถึง 500 เมตรพร้อมระบบปรับอัตโนมัติ (Adaptive Front Lighting) และเทคโนโลยีการฉายภาพเมื่อสตาร์ทเครื่อง
ขณะที่ภายในห้องโดยสาร เพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าด้วยวัสดุและการตกแต่งที่หลากหลายมากขึ้น รวมถึงเนื้อผ้าใหม่และ Ultrafabrics™ ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแลนด์โรเวอร์ซึ่งร่วมมือกับกับ Kvadrat™ ผู้ผลิตเนื้อผ้าเกรดดีชั้นนำของยุโรป ลำโพงใช้ระบบเสียงของเมอริเดียนขนาด 1,600 วัตต์ เพื่อสร้างหนึ่งในห้องโดยสารที่เงียบสงบที่สุดบนท้องถนน ลำโพงเสริม 20 วัตต์ ในพนักพิงศีรษะ มีระบบตัดเสียงรอบข้าง (Active Noise Cancellation) ที่จะตรวจสอบการสั่นสะเทือนของล้อ เสียงยาง และเสียงเครื่องยนต์ที่ส่งเข้ามาในห้องโดยสาร สร้างสัญญาณตัดเสียงผ่านลำโพง 35 ตัวของระบบ รวมถึงลำโพงคู่ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 60 มิลลิเมตรในพนักพิงศีรษะสำหรับผู้โดยสารในห้องโดยสาร 4 คนหลัก เพื่อสร้างโซนเงียบส่วนตัวคล้ายกับผลที่ได้เมื่อใช้หูฟังระดับไฮเอนด์
เรนจ์โรเวอร์ ใหม่ มีระบบฟอกอากาศในห้องโดยสารใหม่ (Cabin Air Purification Pro) ซึ่งเป็นการรวมเทคโนโลยี nanoeTM X แบบคู่สำหรับการลดสารก่อภูมิแพ้และกำจัดเชื้อโรค เพื่อช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์และไวรัสจำนวนมาก รวมไปถึงไวรัส SARS-CoV-2 ในขณะที่ระบบจัดการ CO2 และการกรองอากาศ PM2.5 ในห้องโดยสารช่วยเพิ่มคุณภาพอากาศ
ระบบควบคุมของเรนจ์โรเวอร์ ใหม่ ออกแบบสไตล์มินิมอล ด้วยติดตั้งระบบอินโฟเทนเมนต์ Pivi Pro หน้าจอสัมผัสใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา หน้าจอแบบลอยขนาด 13.1 นิ้ว พร้อมระบบการอัปเดตซอฟต์แวร์อัตโนมัติแบบ Over-The-Air (SOTA)
ผู้โดยสารแถวหลังสามารถเพลิดเพลินไปกับระบบความบันเทิงที่เบาะหลัง (RSE) โฉมใหม่ ซึ่งมีหน้าจอสัมผัสความละเอียดสูงขนาด 11.4 นิ้วแบบปรับได้ติดตั้งอยู่ที่ด้านหลังของเบาะพิงด้านหน้า ระบบสามารถทำงานได้อย่างอิสระจากกันและรองรับการเชื่อมต่อผ่านพอร์ต HDMI
นอกจากนั้นยังมี อุปกรณ์ควบคุมหน้าจอสัมผัสบนที่นั่งเบาะหลังขนาด 8 นิ้ว ติดตั้งอยู่บนที่เท้าแขนตรงกลางที่นั่งเบาะหลังแบบ Executive Class ให้การควบคุมรวดเร็วและง่ายดาย
ระบบช่วงล่างเป็นแบบถุงลมแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่มีระบบ Dynamic Response Pro และระบบประเมินล่วงหน้าใช้ข้อมูล eHorizon Navigation ในการอ่านถนนข้างหน้าและปรับสภาพระบบช่วงล่างให้ตอบสนองอย่างสมบูรณ์แบบทำงานร่วมกับระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control)
นอกจากนี้ เรนจ์โรเวอร์รุ่นใหม่ยังเป็นแลนด์โรเวอร์รุ่นแรกที่มีคุณสมบัติ Dynamic Response Pro ระบบป้องกันการพลิกคว่ำแบบอิเล็กทรอนิกส์ 48 โวลต์
ระบบส่งกำลังเป็นแบบขับเคลื่อนสี่ล้อ (iAWD) ควบคุมโดยระบบ Intelligent Driveline Dynamics (IDD) ของแลนด์โรเวอร์ ซึ่งทำงานตรวจสอบระดับการยึดเกาะและการสั่งการของผู้ขับขี่ 100 ครั้งต่อวินาที เพื่อคาดการณ์กระจายแรงบิดระหว่างเพลาหน้าและเพลาหลังและกระจายไปทั่ว เพลาหลัง เพื่อแรงยึดเกาะที่ดีที่สุดทั้งบนทางราบเรียบและทางขรุขระ พร้อมระบบล็อกเฟืองท้าย
สำหรับหัวใจในรุ่น ปลั๊กอินไฮบริด จะเป็นเครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.0 ลิตร ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 440 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 620 นิวตันเมตร และทางเลือกเครื่องยนต์ ดีเซล V6 ขนาด 3.0 ลิตร กำลังสูงสุด 350 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตร ขณะที่รุ่น SV จะมากับ เครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.0 ลิตร แบบปลั๊กอินไฮบริด แต่จะมีกำลังสูงสุด 510 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 550 นิวตันเมตร
ทั้งนี้ระยะทางวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วน (โหมดEV) ของรุ่นปลั๊กอินไฮบริดระบุไว้ที่ 113 กม. จากแบตเตอรี่ขนาดความจุ 38.2 kWh และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 140 กม./ชม.
รุ่นและราคาที่จำหน่ายประกอบด้วย
3.0 Petrol Plug-In Hybrid SWB AWD Autobiography Plus ราคา 11,499,000 บาท
3.0 Petrol Plug-In Hybrid LWB AWD Autobiography Plus ราคา 11,999,000 บาท
3.0 Petrol Plug-In Hybrid SWB AWD SV Plus ราคา 15,999,000 บาท
3.0 Diesel LWB AWD Autobiography Plus ราคา 15,999,000 บาท
พร้อม LAND ROVER CARE นาน 5 ปี ประกอบด้วย การรับประกันคุณภาพ บริการบำรุงรักษาตามระยะ และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน 24 ชั่วโมง เป็นเวลา 5 ปี ร่วมสัมผัสความหรูหราของ เรนจ์ โรเวอร์ ใหม่ได้ที่โชว์รูมรถยนต์แลนด์โรเวอร์ ชั้น 2 สยามพารากอน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 02-007-0008 และ www.landrover.co.th
**ตัวเลขระยะทาง EV อิงตามยานพาหนะที่ผลิตจำหน่ายตลอดเส้นทางที่เป็นมาตรฐาน ระยะทางที่ได้จะแตกต่างกันไปตามสภาพของรถและแบตเตอรี่ เส้นทางและสภาพแวดล้อมจริง และสไตล์การขับขี่คุณสมบัติเสริมและความพร้อมใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามข้อมูลจำเพาะของยานพาหนะ (รุ่นและระบบส่งกำลัง) และตลาด หรือจำเป็นต้องติดตั้งคุณสมบัติอื่นๆ เพื่อให้เหมาะสม โปรดติดต่อผู้แทนจำหน่ายเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม