ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในโลก เพิ่มทางเลือกด้วยเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ V6 ขนาด 3.0 ลิตร วางจำหน่ายควบคู่ไปกับเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร ทั้งแบบเทอร์โบเดี่ยวและเทอร์โบคู่ ขณะที่เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ “อีโคบูสต์” ขนาด 2.3 ลิตร จะถูกเปิดตัวตามมาในภายหลัง
ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ ถูกพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานเดียวกับ “เรนเจอร์” ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ มีให้เลือกทั้งสิ้น 3 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่นสปอร์ต รุ่นไทเทเนียมพลัส และรุ่นย่อยใหม่ล่าสุดคือรุ่นแพลทินัม ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามตลาดแต่ละประเทศ มาพร้อมฐานล้อที่มีขนาดยาวขึ้น 50 มม. รวมถึงระยะห่างระหว่างล้อคู่หน้าและหลังที่กว้างขึ้น ตั้งเป้าจับกลุ่มลูกค้าที่รักการผจญภัย ชอบเดินทางไปกับครอบครัวและเพื่อนฝูง รองรับทั้งการใช้งานในเมืองและนอกเมือง
ดีไซน์ด้านหน้าของ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ติดตั้งไฟหน้า เมทริกซ์ แอลอีดี รูปทรงตัวซี และกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ มาพร้อมเส้นสายตัวถังที่เน้นความบึกบึน และดีไซน์ด้านท้ายที่ออกแบบต่างไปจากรุ่นเดิมอย่างชัดเจน สามารถลุยน้ำได้ลึกสุด 800 มม. และรองรับน้ำหนักลากจูงสูงสุด 3,500 กิโลกรัม ขณะที่ราวหลังคารองรับน้ำหนักได้มากสุด 350 กิโลกรัมในขณะรถจอดอยู่กับที่ และ 100 กิโลกรัมขณะรถเคลื่อนที่ พร้อมจุดยึดเพื่อติดตั้งอุปกรณ์เสริมได้อย่างหลากหลาย
ภายในห้องโดยสารติดตั้งเบาะนั่งผู้ขับขี่ปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง และฝั่งผู้โดยสารปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง สามารถปรับอุณหภูมิและระบายอากาศได้ พร้อมระบบจดจำการตั้งค่าส่วนตัวทั้งสองตำแหน่ง ขณะที่เบาะนั่งแถวที่ 2 ยังมีระบบปรับอุณหภูมิ (ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย) สามารถปรับเลื่อนและพับแยกแบบ 60:40 ได้ ส่วนเบาะนั่งแถวที่ 3 ถูกออกแบบให้เข้า-ออกได้สะดวกขึ้นกว่าเดิม สามารถปรับพับแยก 50:50 ด้วยระบบไฟฟ้า รวมถึงมีช่องเก็บสัมภาระและช่องจ่ายไฟมาให้ครบทั้ง 3 แถว
นอกจากนี้ เอเวอเรสต์ ใหม่ ยังถูกติดตั้งหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัลขนาด 8 นิ้ว หรือ 12.4 นิ้ว พร้อมหน้าจอสัมผัสความคมชัดสูงขนาด 10.1 หรือ 12 นิ้ว ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย ทำงานคู่กับระบบเชื่อมต่อ SYNC 4A รองรับการสั่งงานด้วยเสียงเพื่อควบคุมโทรศัพท์, ระบบความบันเทิง และข้อมูลต่างๆ รวมถึงแอปพลิเคชันฟอร์ดพาส ที่มีฟีเจอร์สตาร์ทเครื่องยนต์จากระยะไกล, ตรวจเช็กสถานะต่างๆ ของรถ และควบคุมล็อกประตูผ่านสมาร์ทโฟนได้
ด้านขุมพลังชูไฮไลท์เด่นด้วยเครื่องยนต์ดีเซล วี6 เทอร์โบ 3.0 ลิตร วางจำหน่ายควบคู่ไปกับเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบเดี่ยว และเทอร์โบคู่ ขนาด 2.0 ลิตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติแบบซีเลคทีฟ 10 สปีด
นอกจากนี้ Ford Everest 2023 ใหม่ ยังมีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อให้เลือก 2 แบบ ทั้งแบบพาร์ทไทม์ Electronic Shift-On-The-Fly และแบบฟูลไทม์ พร้อมเกียร์ทรานสเฟอร์แบบ 2 จังหวะ (On-Demand Two-Speed Electromechanical Transfer Case - EMTC) ควบคุมด้วยไฟฟ้า และมีโหมดการขับขี่ตามสภาพถนน สามารถแสดงข้อมูลการขับขี่แบบออฟโรดบนหน้าจอ ทั้งกล้องด้านหน้าพร้อมเส้นกะระยะ, ระบบส่งกำลังและระบบล็อกเฟืองท้าย, มุมพวงมาลัย และระดับความเอียงของรถ
ด้านระบบความปลอดภัยมีการติดตั้งระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าอัตโนมัติ 3 รูปแบบ (ขึ้นอยู่กับตลาดแต่ละประเทศ) ประกอบด้วย ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชัน Stop and Go (Adaptive Cruise Control with Stop and Go), ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชัน Stop and Go และควบคุมรถให้อยู่กลางช่องทาง (Adaptive Cruise Control with Stop and Go and Lane Centering) และระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัจฉริยะ (Intelligent adaptive Cruise Control)
นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งระบบช่วยเหลือการขับขี่เพิ่มเติมจากรุ่นเดิม เช่น ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางผสานระบบตรวจจับขอบถนน (Lane-keeping system with road-edge detection), ระบบช่วยหักพวงมาลัยเพื่อเลี่ยงการปะทะ (Evasive steer assist), ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง (Reverse brake assist), ระบบตรวจจับรถในจุดบอดครอบคลุมส่วนต่อพ่วง (Blind spot information system with trailer coverage) และระบบป้องกันการชนเพื่อป้องกันการชนบริเวณทางแยก (Pre-collision assist with intersection functionality) รวมถึงระบบช่วยจอดอัจฉริยะ 2.0 ใหม่ล่าสุดที่ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์, คันเร่ง และเบรกเองได้