ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ใหม่ ถูกพัฒนาต่อเนื่องมาเป็นเจเนอเรชันที่ 2 แล้ว โดยยังคงเน้นจับกลุ่มลูกค้าที่มองหารถกระบะออฟโรดสมรรถนะสูง ชูจุดขาย “กระบะออฟโรดที่ทรงพลังที่สุดในตระกูลเรนเจอร์” เพิ่มทางเลือกด้วยเครื่องยนต์เบนซิน V6 EcoBoost เทอร์โบคู่ ขนาด 3.0 ลิตร วางจำหน่ายควบคู่ไปกับเครื่องยนต์ดีเซล Bi-Turbo ขนาด 2.0 ลิตร ที่ยกมาจากรุ่นที่แล้ว พร้อมทั้งโหมดการขับขี่ที่มีให้เลือกถึง 7 โหมด รวมถึงโหมด “บาฮา” เช่นเดียวกับรุ่นก่อนหน้า โดยมีกำหนดวางจำหน่ายในปี 2565 ที่จะถึงนี้
เครื่องยนต์เบนซิน V6 EcoBoost เทอร์โบคู่ขนาด 3.0 ลิตร ใน All-new Ford Ranger มีกำลังสูงสุด 397 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 583 นิวตัน-เมตร ที่ 3,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด พร้อมระบบป้องกันการรอรอบ (Anti-Lag System - ALS) ที่ทำงานในโหมดบาฮา ช่วยรักษาการหมุนของเทอร์โบชาร์จเจอร์ที่ความเร็วสูงต่อไปอีก 3 วินาทีหลังจากปล่อยคันเร่ง ช่วยเพิ่มการตอบสนองในขณะเร่งออกจากโค้ง หรือระหว่างการเปลี่ยนเกียร์ได้
ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ใหม่ มีโหมดการขับขี่ให้เลือกทั้งหมด 7 โหมด แบ่งเป็นโหมดการขับขี่ทางเรียบ 3 โหมด ได้แก่ โหมดปกติ, โหมดสปอร์ต, โหมดทางลื่น และโหมดการขับขี่ออฟโรด 4 โหมด ได้แก่ โหมดหิน, โหมดทราย, โหมดโคลน และโหมดบาฮา ทั้งยังสามารถปรับโหมดเสียงท่อไอเสียได้ถึง 4 โหมด ผ่านปุ่มกดที่พวงมาลัยหรือเลือกโหมดการขับขี่ ได้แก่ โหมดเงียบ, โหมดปกติ, โหมดสปอร์ต และโหมดบาฮา ซึ่งจะปรับความดังและความทุ้มสูงสุดเสมือนระบบต่อตรงออกแบบมาสำหรับการขับขี่ออฟโรดเท่านั้น
ช่วงล่างของ เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ถูกออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมดด้วยปีกนกบนและล่างใหม่ทำจากวัสดุอะลูมิเนียมน้ำหนักเบา รวมถึงระบบกันสะเทือนที่มีระยะยืดยุบสูง พร้อมวัตต์ลิงก์ด้านหลังที่ออกแบบมาสำหรับขับขี่ด้วยความเร็วสูงบนถนนขรุขระ ชูจุดเด่นด้วยระบบกันสะเทือน FOX แบบไลฟ์วาล์ว Internal Bypass ขนาด 2.5 นิ้ว ควบคุมด้วยเทคโนโลยีช่วยลดการสะเทือนตามการเคลื่อนไหวของรถ อีกทั้งยังใช้น้ำมันหล่อลื่นผสมเทฟลอนที่ลดการเสียดสีลงได้ 50% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า
นอกจากนี้ ด้านใต้ตัวรถยังมีการติดตั้งแผ่นกันกระแทกขนาดใหญ่เกือบ 2 เท่าของขนาดปกติที่ใช้กับ Ranger ทำจากแผ่นเหล็กที่มีความหนา 2.3 มม. ช่วยปกป้องชิ้นส่วนสำคัญ เช่น หม้อน้ำ, ระบบบังคับเลี้ยว, คานด้านหน้า, อ่างน้ำมันเครื่อง และชุดเฟือง ทั้งยังมีระบบควบคุมความเร็วสำหรับการขับขี่ออฟโรด (Trail Control) ทำหน้าที่เสมือนระบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติสำหรับการขับขี่แบบออฟโรด รถจะควบคุมการเร่งความเร็วและการเบรกให้อัตโนมัติ โดยสามารถตั้งความเร็วสูงสุดไม่เกิน 32 กม./ชม. จึงช่วยให้ผู้ขับขี่โฟกัสไปยังการบังคับพวงมาลัยเพียงอย่างเดียวได้
ดีไซน์ภายนอกของ Ranger Raptor ใหม่ ยังคงเน้นความดุดันด้วยซุ้มล้อขนาดใหญ่ที่เพิ่มความกว้างของตัวรถ ติดตั้งไฟหน้าแบบ Matrix LED รูปตัว C พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน ออกแบบรับกับกระจังหน้าที่ประดับด้วยสัญลักษณ์ F-O-R-D ขนาดใหญ่ ไฟท้ายแบบแอลอีดี บันไดข้างทำจากวัสดุอะลูมิเนียม กันชนหลังสีเทาเข้มพร้อมบันไดเหยียบ และชุดลากในตัวที่ติดตั้งในตำแหน่งสูงเพื่อเพิ่มมุมจาก เสริมด้วยล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 17 นิ้ว และยาง All-terrain BFGoodrich KO2
ภายในห้องโดยสารติดตั้งเบาะนั่งแบบสปอร์ตทั้งหน้าและหลัง ตกแต่งรายละเอียดด้วยสีส้ม “โค้ด ออเรนจ์” และบนแผงหน้าปัด เสริมความหรูหราด้วยพวงมาลัยหนังเกรดพรีเมียมตกแต่งด้วย On-centre mark และแป้นเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยเคลือบแมกนีเซียม ติดตั้งหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 12.4 นิ้ว และหน้าจอแบบสัมผัสขนาด 14 นิ้ว พร้อมระบบเชื่อมต่อ SYNC 4A รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนระบบ iOS และ Android รวมถึงระบบเสียง Bang & Olufsen 8 ตำแหน่ง เป็นต้น