มิโนรุ อามาโนะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปี 2564 ที่ผ่านมาตลาดรถยนต์ไทยหดตัวลงจากผลกระทบด้านเศรษฐกิจอันเกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่ซูซูกิยังสามารถสร้างยอดจำหน่ายรวมในปีที่ผ่านมาไปได้ถึง 22,378 คัน โดยสรุปยอดจำหน่ายรถยนต์ซูซูกิแบ่งตามรุ่นดังนี้ SUZUKI SWIFT 8,413 คัน , SUZUKI CELERIO 4,651 คัน ,SUZUKI CIAZ 2,264 คัน ,SUZUKI CARRY 2,886 คัน , SUZUKI XL7 3,399 คัน , SUZUKI ERTIGA 759 คัน
"จากตัวเลขยอดขายดังกล่าวจะเห็นได้ว่า SUZUKI CELERIO กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง จึงเป็นส่วนสำคัญในการช่วยดันยอดขายรวมของซูซูกิให้ประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างดี นอกจากด้านสมรรถนะที่ดีเยี่ยม มอบความประหยัดอย่างเหนือชั้นแล้วนั้น ยังตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ต้องการความเป็นส่วนตัวในการเดินทาง และมีราคาจำหน่ายที่สามารถตัดสินใจครอบครองเป็นเจ้าของได้ง่ายอีกด้วย"
วัลลภ ตรีฤกษ์งาม กรรมการบริหารด้านการขายและการตลาด บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากผลกระทบต่อตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจไปจนถึงผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตในช่วงที่ผ่านมาของคนไทย นอกจากจะส่งผลต่อการการปรับตัวของผู้บริโภคไปสู่วิถีในรูปแบบใหม่แล้วนั้น การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้า การเดินทางในชีวิตประจำวันที่ต้องการความเป็นส่วนตัวและรักษาระยะห่างจากผู้อื่นมากยิ่งขึ้น เป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งที่มีส่วนตัดสินใจซื้อรถยนต์สักคันของผู้บริโภค นอกจากความสะดวกสบายในการเดินทาง การตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของชีวิต ยังมุ่งหวังในด้านของการลดสภาวะการเผชิญการเดินทางที่มีผู้คนแออัดเป็นจำนวนมาก แต่ด้วยสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจ การคำนึงถึงความคุ้มค่า คุ้มราคา มาพร้อมกับความต้องการรถยนต์คุณภาพดี จึงเป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นยอดขายรถยนต์หลายรุ่นของซูซูกิให้มีตัวเลขที่ดีเกินคาด
โดยเฉพาะกับ SUZUKI CELERIO รถยนต์นั่งขนาดคอมแพ็คคุณภาพเกินตัว มียอดขายอยู่ที่ 4,651 คัน ด้วยอัตราการเติบโตสูงถึง 107% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ขณะที่ตลาดรถยนต์อีโคคาร์มีอัตราลดลง 4% ซึ่งบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า เมื่อพูดถึงรถที่มอบให้ทุกความคุ้มค่า คุ้มราคาในการใช้งานเพื่อตอบโจทย์ชีวิต SUZUKI CELERIO ยังคงเป็นตัวเลือกที่อยู่ในใจผู้บริโภคชาวไทยมาตลอด ทั้งในเรื่องของราคาจำหน่ายที่ลูกค้าสามารถตัดสินใจครอบครองเป็นเจ้าของได้ง่าย ผ่อนเริ่มต้นเพียงเดือนละ 1,999 บาท อีกทั้งยังตอบสนองการใช้งานได้อย่างสมบูรณ์แบบที่มอบให้ทั้งประโยชน์ใช้สอยและความประหยัด ขนาดห้องโดยสารที่กว้างสบาย มีพื้นที่บริเวณเหนือศีรษะและพื้นที่วางขาสบายทั้งที่นั่งตอนหน้าและตอนหลัง พร้อมด้วยพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ จุสัมภาระได้มากเกินคาด
นอกจากนี้ ผู้ขับขี่ยังมั่นใจได้ในสมรรถนะด้วยเครื่องยนต์ K10B ขนาด 1.0 ลิตร ขนาดคอมแพ็คที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ มอบพละกำลังและความสามารถเกินตัว มีสมรรถนะการขับที่ดี ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่า 20 กิโลเมตรต่อลิตร และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รูปลักษณ์ภายนอกและภายในห้องโดยสารที่ได้รับการออกแบบให้ดูโดดเด่นสะดุดตา เสริมความอุ่นใจด้วยระบบและอุปกรณ์เสริมความปลอดภัยมาตรฐานตอกย้ำภาพลักษณ์ของซูซูกิเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตรถอีโคคาร์
วัลลภ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับ CELERIO ครบครันด้วยคุณภาพ ให้ประโยชน์ใช้สอยสูงสุด มีสมรรถนะที่ดี มีความคุ้มค่า ทั้งในเรื่องราคาและคุณภาพ รวมถึงความคุ้มค่าในเรื่องของการดูแลรักษารถยนต์ที่ดูแลได้ง่าย และมีค่าใช้จ่ายไม่สูง ตอบโจทย์การใช้งานจริงในชีวิตประจำวันทุกวัตถุประสงค์ ส่งผลให้อีโคคาร์รุ่นนี้ยังคงได้รับความสนใจจากลูกค้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ในปี 2565 CELERIO จะเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่มีส่วนช่วยในการผลักดันยอดขายรถยนต์ซูซูกิให้ไปถึง 30,000 คัน ตามเป้าหมายที่วางไว้
อย่างไรก็ตามซูซูกิยังคงคำนึงถึงความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า ที่จะได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดีและมีคุ้มค่าในทุกๆ ด้าน อีกทั้งซูซูกิมีความมุ่งมั่นทุ่มเทในการพัฒนายกระดับงานด้านบริการหลังการขายด้วยกลยุทธ์ในการดูแลและเข้าถึงลูกค้าด้วยความจริงใจและใส่ใจที่จะมอบบริการที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าทุกท่าน ภายใต้แนวคิด “Suzuki Cause We Care”