xs
xsm
sm
md
lg

BMW กรุ๊ป มาแรง ครองอันดับหนึ่งรถนั่งกลุ่มพรีเมียม ปีนี้เจาะกลุ่มดิจิทัล รถไฟฟ้า เทคโนโลยี ล้ำ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


อเล็กซานเดอร์ บารากา
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย รักษาตำแหน่งผู้นำอันดับหนึ่งในตลาดรถยนต์พรีเมียมไทย 2 ปีซ้อน ด้วยยอดจดทะเบียนบีเอ็มดับเบิลยูและมินิรวมทั้งหมด 11,032 คัน ท่ามกลางสถานการณ์อันท้าทายต่อทุกอุตสาหกรรมในปี 2564 โดยมียอดจดทะเบียนรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูรวม 9,982 คัน ขณะที่มินิมียอดจดทะเบียน 1,050 คัน ด้านบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด มียอดจดทะเบียน 1,197 คันตามลำดับ

ด้วยจำนวนโมเดลรถยนต์ไฟฟ้าของบีเอ็มดับเบิลยูที่มีหลากหลายถึง 9 รุ่น ส่งผลให้ยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าทั้งในแบบ PHEV และ BEV ของบีเอ็มดับเบิลยูและมินิในปี 2564 มีจำนวนสูงถึง 2,784 คัน ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ขึ้นครองแชมป์ในตลาดยานยนต์ไฟฟ้ากลุ่มพรีเมียมด้วยส่วนแบ่งทางการตลาด 32.9%


การประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยนี้ แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี ซึ่งรวมถึงตัววัดผลด้านความพึงพอใจของลูกค้า หรือ NPS Score ที่เพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยบีเอ็มดับเบิลยูยังคงยึดหลักการให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง พร้อมนำเสนอรถและเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการผสานนวัตกรรมทางดิจิทัลในการให้บริการ เพื่อเป็นทางเลือกที่เหมาะสมและหลากหลายให้แก่ลูกค้า ที่สำคัญ ยังคงมุ่งมั่นในการเป็นองค์กรที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและรับผิดชอบต่อสังคม

อเล็กซานเดอร์ บารากา ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “ปีที่ผ่านมามีเหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมายซึ่งบ่งชี้ถึงความสำเร็จอันเกิดจากความร่วมมือของทุกฝ่าย เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำอันดับ 1 ในตลาดรถยนต์พรีเมียมไทยอย่างต่อเนื่อง 2 ปีซ้อน นอกจากนี้ มินิ ประเทศไทยยังประสบความสำเร็จต่อเนื่องอีกปีเช่นกัน ด้วยยอดจดทะเบียน 1,050 คัน ในขณะที่บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด สร้างสถิติครองส่วนแบ่งทางการตลาดในกลุ่มเครื่องยนต์ขนาด 500 ซีซีขึ้นไป สูงถึง 7.6%



นอกจากนี้ อีกก้าวที่สำคัญอันเป็นประวัติศาสตร์ของเรา คือ การขับเคลื่อนไปสู่อนาคตแห่งยานยนต์ไฟฟ้า (e-mobility) ซึ่งในปีที่แล้ว บีเอ็มดับเบิลยูและมินิครองอันดับหนึ่งในตลาดยานยนต์ไฟฟ้ากลุ่มพรีเมียม PHEV และ BEV ด้วยสัดส่วนทางการตลาด 32.9% ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์อย่างชัดเจนที่บ่งชี้ว่าลูกค้ามีความไว้วางใจในยานยนต์ไฟฟ้าของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป”

“การเป็นผู้นำในตลาดพรีเมียมนั้นสะท้อนให้เห็นถึงความรวดเร็วในการปรับตัวต่อสถานการณ์ใหม่ ๆ รวมถึงการประยุกต์ผลิตภัณฑ์ของเราเพื่อสร้างความพึงพอใจและสามารถสนองความต้องการของลูกค้า แม้ว่าสถานการณ์ของปี 2565 ยังคงไม่แน่นอน แต่บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังคงมุ่งหมายที่จะนำเสนอยานยนต์ เทคโนโลยี และการบริการที่ดีที่สุด เพื่อมอบประสบการณ์อันเป็นเลิศให้แก่ผู้ขับขี่ทุกท่าน ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้งานเครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) ยานยนต์ระบบปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) และยานยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ (BEV) โดยเฉพาะ”


สำหรับในระดับโลก บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปยังคงเติบโตในปี 2564 โดยได้ส่งมอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู มินิ และโรลส์รอยซ์ทั่วโลกรวม 2,521,525 คัน ซึ่งอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งนี้เป็นผลสะท้อนมาจากความต้องการรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ด้วยยอดส่งมอบรวม 328,316 คัน ในขณะที่ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราดมียอดส่งมอบรวมสูงสุดแห่งปีสูงถึง 194,261 คันทั่วโลก

ทั้งนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังคงตั้งเป้าที่จะสร้างความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ผ่านการนำเสนอประสบการณ์ที่หลากหลายให้แก่ลูกค้าตลอดปี 2565 ทั้งในรูปแบบอีเวนต์บนสถานที่จริงและบนช่องทางดิจิทัล โดยบีเอ็มดับเบิลยูได้ยกระดับในด้านโซลูชันทางดิจิทัล เพื่อตอบรับพฤติกรรมของผู้บริโภคผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งด้านการขายและการบริการด้วยความปลอดภัยสูงสุด ในฐานะที่เป็นบริษัทยานยนต์ระดับพรีเมียม อีกหนึ่งในปณิธานที่สำคัญคือ เรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืน ในปี 2565 การรับผิดชอบต่อสังคมและความท้าทายในการแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมจะเป็นกลยุทธ์สำคัญทั้งในระดับโลกและระดับท้องถิ่น


นอกจากทางเลือกและผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายครอบคลุมทั้งความต้องการด้านรถและไลฟ์สไตล์ให้แก่ผู้ใช้งานในไทยแล้ว บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยยังร่วมมือกับเครือข่ายผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการในการให้บริการที่รวดเร็ว สะดวกสบาย และได้มาตรฐานระดับโลกทั่วประเทศ จึงเป็นเครื่องการันตีถึงตำแหน่งผู้นำของบีเอ็มดับเบิลยูในตลาดรถพรีเมียมไทยสองปีซ้อน

บีเอ็มดับเบิลยูกรุ๊ป

บีเอ็มดับเบิลยูกรุ๊ป เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลกเราผลิตและจำหน่ายรถยนต์ภายใต้แบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ, โรลส์-รอยซ์ และบีเอ็มดับเบิลยูมอเตอร์ราด โดยมีเครือข่ายการผลิต 31 แห่งใน 15 ประเทศอีกทั้งยังมีเครือข่ายผู้จำหน่ายและบริการมากกว่า 140 ประเทศทั่วโลก


ในปี พ.ศ. 2564 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มียอดขายรถยนต์กว่า 2.5 ล้านคัน และมอเตอร์ไซค์กว่า 194,000 คันทั่วโลก กำไรก่อนหักภาษีในปีงบประมาณ 2563 อยู่ที่5.222 พันล้านยูโร จากรายได้รวม98.990 พันล้านยูโร โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มีพนักงานทั้งหมด 120,726 คนทั่วโลก

ความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ได้รับการขับเคลื่อนจากพลังแห่งวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยี โดยวางรากฐานความสำคัญสำหรับอนาคตตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม โดยคำนึงถึงความยั่งยืนและการบริหารจัดการการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดตั้งแต่กระบวนการการผลิตสินค้าไปยังผู้บริโภค หรือซัพพลายเชนในทุกผลิตภัณฑ์และในทุกขั้นตอนการผลิตอีกด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น