xs
xsm
sm
md
lg

“เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี เอสแอล” ใหม่ ใส่หลังคาผ้าพ่วงขุมพลังเทอร์โบคู่ 585 แรงม้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“เมอร์เซเดส-เบนซ์” เปิดตัว “เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี เอสแอล” โฉมใหม่ พร้อมหลังคาผ้าน้ำหนักเบา เลือกได้ทั้งรุ่น SL 63 4MATIC+ และ SL 55 4MATIC+ พร้อมขุมพลังวี 8 เทอร์โบคู่ ขนาด 4.4 ลิตร ที่มีกำลังสูงสุดถึง 585 แรงม้า


เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี เอสแอล ใหม่ ใช้รหัสตัวถังว่า R232 โดยคราวนี้จะถูกทำตลาดภายใต้แบรนด์สมรรถนะสูง “เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี” เท่านั้น พร้อมทั้งรักษาเอกลักษณ์ความเป็นรถโรดสเตอร์เปิดประทุนขนาด 2+2 ที่นั่ง ควบคู่ไปกับการปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ให้ดูโฉบเฉี่ยวขึ้นกว่ารุ่นเดิมอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้าแบบ DIGITAL LIGHT LED ที่มีรูปลักษณ์คล้ายกับรุ่น “ซีแอลเอส” และไฟท้ายรูปทรงเรียวบางดีไซน์คุ้นตา

ชุดหลังคาของ เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี เอสแอล ใหม่ ทำจากวัสดุผ้าที่มีความหนา 3 ชั้น ช่วยให้มีน้ำหนักเบาลงกว่าหลังคาแข็งเดิมถึง 21 กิโลกรัม ส่งผลให้ตัวรถมีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำลง และยังสามารถเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าได้ในเวลาเพียง 15 วินาที ขณะขับขี่ด้วยความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม. อีกทั้งยังออกแบบมือเปิดประตูด้านนอกให้เรียบไปกับตัวถัง และจะยกตัวขึ้นเมื่อปลดล็อกรถเช่นเดียวกับที่พบในรุ่นเอส-คลาส


บริเวณฝากระโปรงท้ายของ เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี เอสแอล ยังถูกติดตั้งสปอยเลอร์แบบแอคทีฟที่สามารถปรับได้ 6 ระดับ พร้อมปลายท่อไอเสียแบบ 4 ท่อเป็นมาตรฐาน ขณะที่ช่องดักลมด้านหน้าถูกติดตั้งระบบ AIRPANEL ที่มีลักษณะเป็นครีบเปิด-ปิดอัตโนมัติเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อนของเครื่องยนต์ หรือลดแรงเสียดทานให้ต่ำลง รวมถึงระบบ AIRSCARF สำหรับเป่าลมอุ่นไปยังศีรษะและต้นคอของผู้โดยสารขณะเปิดประทุนท่ามกลางอากาศเย็น เป็นต้น


ขุมพลังของ เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี เอสแอล ในช่วงแรกสามารถเลือกได้ 2 รุ่น ประกอบด้วย SL 55 4MATIC+ ติดตั้งเครื่องยนต์ V8 biturbo ความจุ 4.0 ลิตร ที่พัฒนาแบบ “One Man, One Engine” ให้กำลังสูงสุด 476 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 700 นิวตัน-เมตร สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลา 3.9 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ 295 กม./ชม.



ขณะที่รุ่น SL 63 4MATIC+ ใช้เครื่องยนต์บล็อกเดียวกันแต่เพิ่มกำลังสูงสุดขึ้นเป็น 585 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 800 นิวตัน-เมตร ในรอบเครื่องยนต์ต่ำเพียง 2,500 - 4,500 รอบต่อนอาที สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลา 3.6 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ 315 กม./ชม. ทั้งคู่ใช้ระบบส่งกำลังด้วยเกียร์ AMG SPEEDSHIFT MCT 9G ที่ปรับจูนมาเป็นพิเศษสำหรับรุ่นแอสแอลโดยเฉพาะ


ทั้งคู่ยังมีระบบปรับโหมดการขับขี่ AMG DYNAMIC SELECT ที่สามารถปรับได้ถึง 6 โหมดตามการใช้งาน ประกอบด้วย Slippery, Comfort, Sport, Sport+, Individual และ RACE (ออปชันเสริมในรุ่น SL 55 4MATIC+) พร้อมด้วยระบบเลี้ยวล้อหลังเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ซึ่งจะปรับองศาล้อคู่หลังไปในทิศทางตรงกันข้ามกับล้อคู่หน้าที่ความเร็วต่ำกว่า 100 กม./ชม. เพื่อเพิ่มความคล่องตัวที่ความเร็วต่ำ และปรับไปในทิศทางเดียวกันที่ความเร็ว 100 กม./ชม. ขึ้นไป จึงสามารถเข้าโค้งได้อย่างฉับไว



ในรุ่น SL 63 4MATIC+ ยังถูกติดตั้งระบบช่วงล่าง AMG ACTIVE RIDE CONTROL เป็นครั้งแรก ซึ่งใช้ระบบกันโคลงแบบไฮดรอลิกที่ช่วยลดการโคลงตัวในขณะเข้าโค้ง แต่ยังคงรักษาความนุ่มสบายขณะขับขี่บนทางตรงหรือขณะผ่านลูกระนาด

ภายในห้องโดยสารโดดเด่นด้วยหน้าจออินโฟเทนเมนท์ MBUX ที่วางตัวในแนวตั้ง พร้อมมาตรวัดความเร็วแบบดิจิทัล 3 มิติ โดยระบบ MBUX ยังมีเมนูที่เพิ่มขึ้นมาสำหรับรุ่นแอสแอลโดยเฉพาะ เช่น “AMG Performance” และ “AMG TRACK PACE” ช่วยเติมเต็มความเป็นรถสปอร์ตได้อย่างเป็นอย่างดี


























กำลังโหลดความคิดเห็น