โตโยต้าในสหรัฐอเมริกาเปิดตัว “ทุนดรา” โฉมใหม่ กระบะฟูลไซส์ที่พัฒนามาสำหรับตลาดอเมริกาเหนือโดยเฉพาะ ใส่ขุมพลัง i-FORCE MAX ที่มีกำลังสูงสุดถึง 437 แรงม้า ตั้งเป้าวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการปลายปี 2564 นี้ เป็นต้นไป
โตโยต้า ทุนดรา เป็นกระบะขนาดฟูลไซส์คู่แข่งตรงของ ฟอร์ด เอฟ-150, เชฟโรเลต ซิลเวอราโด และแรม 1500 ในสหรัฐอเมริกา ถูกพัฒนาขึ้นบนแชสซีซ์แบบขั้นบันได พร้อมกระบะท้ายที่ใช้วัสดุอะลูมิเนียมเป็นส่วนประกอบ และช่วงล่างด้านหลังแบบมัลติลิงก์ สามารถรองรับน้ำหนักบรรทุกได้สูงสุด 880 กิโลเมตร และน้ำหนักลากจูงถึง 5,443 กิโลกรัม
ดีไซน์ภายนอกถูกออกแบบให้มีลักษณะบึกบึนแข็งแรง โดยโตโยต้าระบุว่าทุนดราใหม่ถูกพัฒนาให้มีความแข็งแรงและทนทานที่สุดเท่าที่เคยมีมา พร้อมด้วยฟังก์ชันสุดล้ำที่ไม่ต่างไปจากรถยนต์นั่ง ไม่ว่าจะเป็นหลังคาแบบพาโนรามิก, เบาะนั่งพร้อมระบบอุ่นและระบายอากาศ, ม่านบังแดดด้านหลัง, พวงมาลัยพร้อมระบบอุ่น ฯลฯ อีกทั้งยังสามารถเลือกความยาวกระบะท้ายได้ทั้งขนาด 5.5 ฟุต, 6.5 ฟุต และ 8.1 ฟุต ตามลักษณะการใช้งาน
นอกจากนี้ โตโยต้า ทุนดรา ใหม่ ยังถูกติดตั้งหน้าจออินโฟเทนเมนท์ขนาดใหญ่สะใจถึง 14 นิ้ว (รุ่นมาตรฐานขนาด 8 นิ้ว) ที่มีการปรับปรุงเพิ่มความคมชัดเป็นพิเศษ และสามารถควบคุมด้วยนิ้วมือได้ราวกับสมาร์ทโฟน ทั้งยังรองรับระบบ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย และระบบผู้ช่วยอัจฉริยะ Intelligent Assistant ที่สามารถเริ่มต้นสั่งงานด้วยคำพูด “OK Toyota” หรืออื่นๆ ได้
โตโยต้า ทุนดรา ทุกรุ่นย่อยถูกติดตั้งระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense 2.5 (TSS 2.5) ที่ประกอบด้วย ระบบป้องกันการชนด้านหน้าพร้อมเตือนคนเดินถนนที่สามารถตรวจจับคนเดินถนนได้แม้ในสภาวะแสงน้อย, ระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ, ระบบเตือนรถออกนอกเลน, ระบบช่วยประคองรถให้อยู่ในเลน, ไฟสูงอัตโนมัติ และระบบอ่านป้ายจราจร เป็นต้น
ส่วนขุมพลังมีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซิน i-FORCE แบบวี6 เทอร์โบคู่ ขนาด 3.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 389 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 650 นิวตัน-เมตร และเครื่องยนต์ไฮบริด i-FORCE MAX ที่รีดกำลังสูงสุดได้ถึง 437 แรงม้า แรงบิดสูงสุดกว่า 790 นิวตัน-เมตร ทั้งคู่ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ
โตโยต้า ทุนดรา มีรุ่นย่อยให้เลือก ได้แก่ SR, SR5, Limited, Platinum, 1974 และ TRD PRO รวมถึงสามารถติดตั้งออปชันเป็น TRD Off-Road Package ที่มาพร้อมช่วงล่างแบบออฟโรด, กระจังหน้า TRD, ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว หรือ 20 นิ้ว, ระบบล็อกเฟืองท้ายไฟฟ้า (เฉพาะรุ่น 4x4), ระบบเลือกโหมดการขับขี่ Multi-Terrain Select เป็นต้น
กำหนดการวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาจะมีขึ้นช่วงปลายปี 2564 นี้ เป็นต้นไป