Rolls-Royce Boat Tail รุ่นพิเศษสั่งทำเพียงหนึ่งเดียวในโลกจากแผนก Coachbuild

Rolls-Royce Boat Tail รถยนต์หรูรุ่นพิเศษที่ถูกสั่งผลิตขึ้นเพียงคันเดียวในโลกจากแผนก Coachbuild ได้แรงบันดาลใจมาจากเรือยอร์ชระดับ J Class พร้อมส่วนท้ายของตัวรถที่สามารถแปลงเป็นพื้นที่เสริฟ์อาหารและเครื่องดื่มได้

Rolls-Royce Boat Tail เป็นยนตรกรรมหรูที่ถูกพัฒนาโดยแผนกรังสรรค์ตัวรถแบบสั่งทำพิเศษ หรือ Coachbuild โดยโรลส์-รอยส์ระบุว่า “คู่สามีภรรยาที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงระดับโลก” เป็นผู้สั่งทำรถยนต์หรูรุ่นพิเศษเพียงหนึ่งเดียวคันนี้ขึ้นมา

ภายนอกของ Rolls-Royce Boat Tail คันนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากเรือยอร์ชระดับ J Class ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นวิธีการเดินทางไปสู่จุดหมายเท่านั้น หากแต่รถคันนี้คือจุดหมายปลายทางเองต่างหาก โดยมีการฉีกกฎทฤษฎีการออกแบบของโรลส์-รอยส์ ด้วยไฟท้ายที่เป็นเส้นหนาในรูปแบบแนวนอนแทนการใช้แนวตั้ง พร้อมตกแต่งส่วนท้ายรถด้วยแผงไม้วีเนียร์เป็นครั้งแรกในโรลส์-รอยส์ยุคใหม่ อีกทั้งยังระบุว่ามีการออกแบบชิ้นส่วนขึ้นใหม่ถึง 1,813 ชิ้น เพื่อนำมาใช้กับ Boat Tail คันนี้โดยเฉพาะ และมีหลายชิ้นที่ได้รับการจดลิขสิทธิ์เรียบร้อยแล้ว

ภายในห้องโดยสารมีการตกแต่งด้วยพื้นไม้ทั้งหมดเป็นครั้งแรกเพื่อให้คล้ายกับโครงของลำเรือ เสริมความงดงามแบบเรียบหรูด้วยเทคนิกการตกแต่งภายในห้องโดยสารแบบเดียวกับที่ใช้ตกแต่งเครื่องประดับ รวมถึงการใช้วัสดุไม้ Caleidolegno และการใช้สีมันวาวคล้ายโลหะคู่กับวัสดุหนังเพื่อให้เข้ากับสีเมทัลลิกภายนอก ประดับด้วยนาฬิกา BOVET 1822 บนแผงหน้าปัดและอีกหนึ่งเรือนบริเวณช่องเก็บของตามความต้องการของลูกค้า

จุดเด่นของ Rolls-Royce Boat Tail อยู่บริเวณด้านท้ายของตัวรถซึ่งมีบานปิดหลังคาสามารถเปิดทำมุมได้อย่างเหมาะสมที่ 67 องศา เพื่อให้บริการอาหารและเครื่องดื่มแก่แขก พร้อมตู้แช่เย็นสำหรับแชมเปญได้รับการออกแบบสำหรับแชมเปญวินเทจของลูกค้า ขณะที่ฝั่งด้านการรับประทานอาหาร มาพร้อมภาชนะพอร์ซเลนและเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารที่ถูกจัดวางเป็นอย่างดี พร้อมแกะสลักชื่อ Boat Tail สร้างสรรค์โดย Christofle

โต๊ะด้านหลังถูกตกแต่งขั้นตอนสุดท้ายด้วยวัสดุไม้ Caleigolegno สำหรับใช้ในลายคีย์บอร์ดเปียโน เสริมด้วยเก้าอี้บาร์ทรงสูงทำจากเส้นใยไฟเบอร์โดย Promemoria ซึ่งเป็นแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ชั้นนำจากอิตาลี สำหรับใช้ในการจัดวางอาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนตามความต้องการของลูกค้า โดยอุปกรณ์ทั้งหมดที่เพิ่มขึ้นมามีการทดสอบความเร็วเพื่อให้มั่นใจว่าถูกจัดเก็บอย่างแน่นหนาและเรียบร้อยเพียงพอในขณะรถเคลื่อนที่ รวมถึงการทดสอบอุณหภูมิสูงสุด 80 องศาเซลเซียส และต่ำสุด -20 องศาเซลเซียนเป็นจำนวนหลายครั้ง

นอกจากนี้ โรลส์-รอยส์ระบุการพัฒนาส่วนท้ายของตัวรถขึ้นใหม่ มีการพัฒนาการจัดระเบียบสายไฟซึ่งกินเวลายาวนานถึง 9 เดือน พร้อมทั้งติดตั้งชุดเครื่องเสียง Bespoke Audio ขับกำลังเสียงลำโพง 15 ตัว โดยใช้พื้นห้องโดยสารทั้งหมดสำหรับติดตั้งลำโพงเบสส์ รวมถึงกล่องอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ประมวลผล (ECUs) จำนวน 5 กล่องเพื่อจัดเก็บสายไฟของเสาอากาศแบบครีบฉลาม