เปิดงานอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับ มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 37 หรือ Motor Expo2020 ซึ่งในปีนี้มากับแนวคิด “พร้อมขับเคลื่อน ไปในความเปลี่ยนแปลง Whatever Changes will be...Move on” โดยยังคงจัดงานที่อิมแพค ชาเลนเจอร์ 1-3 เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 2-13 ธันวาคมนี้ ส่วนรถใหม่ที่เป็นไฮไลต์ซึ่งคุณไม่ควรพลาดชมจะมีรุ่นใดบ้างนั้น... เชิญติดตามกันได้
* แจกบัตร มอเตอร์ เอ็กซ์โป คนละ 2 ใบ รับได้ที่โอเปอเรเตอร์บ้านเจ้าพระยา ในวันทำการ หรือโทร.สอบถาม 0-2629-4488 มีจำนวนจำกัด
ฮอนด้า
ถือว่าเป็นไฮไลต์สำคัญของงานในคราวนี้กับการอวดโฉม “ซิตี้ แฮตช์แบ็ก” และ “ซิตี้ อีเอชอีวี” ซึ่งเรียกกระแสความต้องการเห็นคันจริงของประชาชนได้เป็นอย่างดี เพราะนี่คือการออกงานแสดงครั้งแรกในโลกของรุ่น 5 ประตู เครื่องยนต์ 1.0 ลิตร เทอร์โบ
ฮอนด้าซิตี้ แฮตช์แบ็ก ใหม่ รุ่น RS มากับชุดแต่งสไตล์สปอร์ตแบบ RS รอบคัน กระจังหน้าแบบ Gloss Black และสัญลักษณ์ RS กันชนหน้า และกันชนหลังสไตล์สปอร์ต - ไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED - ไฟตัดหมอกแบบ LED - กระจกมองข้างสีดำแบบสปอร์ต พร้อมไฟเลี้ยวในตัว สปอยเลอร์หลังตกแต่งสีดำแบบสปอร์ตพร้อมสัญลักษณ์ RS และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ต ขนาด 16 นิ้ว
ภายในห้องโดยสารสะท้อนความสปอร์ตยิ่งขึ้นด้วยเบาะหนังกลับดีไซน์ใหม่ตกแต่งด้วยแถบสีแดง หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ (Multi-Information Display) พร้อมมาตรวัดเรืองแสงสีแดง และดึงดูดทุกสายตาด้วยสีภายนอก สีแดงอิกไนต์ (Ignite Red) เฉพาะรุ่น RS เท่านั้น ฮอนด้า ซิตี้ แฮตช์แบ็กราคาเริ่มต้นที่ 599,000-749,000 บาท
สำหรับฮอนด้า ซิตี้ อีเอชอีวี ใหม่ ถูกออกแบบภายใต้แนวคิด “Standing on the Edge” มาพร้อมโครงสร้างตัวถังแบบ Wide & Low ที่ให้ความสปอร์ตปราดเปรียว, ไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED, ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED และไฟท้ายแบบ LED โดยมาพร้อมระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ และระบบปิดไฟหน้าอัตโนมัติเมื่อดับเครื่องยนต์
กระจังหน้าแบบ Gloss Black พร้อมโลโก้ฮอนด้าสีฟ้า (H Mark), กระจกมองข้างสีดำแบบสปอร์ตปรับและพับไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยวในตัว, สปอยเลอร์หลังแบบ Gloss Black พร้อมสัญลักษณ์ RS และe : HEV, เสาอากาศแบบครีบฉลาม, ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว ดีไซน์สปอร์ต และแป้นเหยียบคันเร่งและเบรกแบบสปอร์ต
หัวใจของการขับเคลื่อนมากับขุมพลังแบบ Full Hybrid ระบบ Sport Hybrid Intelligent Multi-Mode Drive (i-MMD) ที่ผสานการทำงานอันทรงพลังร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กับเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC4 สูบ 16 วาล์ว กำลังสูงสุดของมอเตอร์ไฟฟ้า 109 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 253 นิวตัน-เมตร ที่ 0-3,000 รอบต่อนาที กำลังสูงสุดของเครื่องยนต์ 98 แรงม้า ส่วนกำลังสูงสุดรวม 126 แรงม้า ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติแบบอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) แบตเตอรี่เป็นแบบลิเธียม-ไอออน อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 27.8 กิโลเมตร/ลิตร และมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 85 กรัม/กิโลเมตรสามารถรองรับน้ำมัน E20 ฮอนด้า ซิตี้ อีเอชอีวี ราคา 839,000 บาท
อีซูซุ
จะเป็นรุ่นใดไปไม่ได้เลยนอกจาก “อีซูซุ มิว-เอ็กซ์” โฉมใหม่ล่าสุด ที่เพิ่งจะเปิดตัวไม่นาน ด้วยหน้าตาที่ใหม่และการเซตอัพช่วงล่างใหม่ พร้อมกับหัวใจเครื่องยนต์ดีเซล 1.9 ลิตรและ 3.0 ลิตร ที่ได้รับการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น อีกทั้งยังมากับราคาที่เรียกว่าสะเทือนทั้งตลาดพีพีวีรวมถึงรถอเนกประสงค์ด้วย
อีซูซุเปิดตัว “ออลนิว อีซูซุมิว-เอ็กซ์” รถอเนกประสงค์รุ่นใหม่พลิกโฉมใหม่ทั้งภายนอกจดภายใน จากอัตลักษณ์แห่งดีไซน์ที่หรูหราสะดวกสบาย ประณีตในทุกรายละเอียด พร้อมเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยสุดล้ำ ISUZU MATRIX SAFETY INTELLIGENCE ที่ครบครันและเหนือกว่าด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS ที่มาพร้อมนวัตกรรมกล้องหน้าคู่อัจฉริยะ รวมทั้งพัฒนาสมรรถนะการขับขี่ให้นุ่มนวล มั่นคง ปลอดภัยยิ่งขึ้น เพื่อตอบรับความต้องการและสะท้อนตัวตนในแบบฉบับของผู้ที่ประสบความสำเร็จไม่เหมือนใครอีซูซุ มิว-เอ็กซ์ ราคาเริ่มต้นที่ 1,109,000-1,579,000 บาท
นิสสัน
การแนะนำตัวของ นิสสัน นาวารา รุ่นปรับปรุงโฉมใหม่ แม้จะเป็นเพียงไมเนอร์เชนจ์แต่ได้รับการปรับเปลี่ยนทั้งหน้าตาภายนอก, เครื่องยนต์เป็นขนาด 2.3 ลิตร, ช่วงล่าง และการตกแต่งภายใน จนแทบจะเรียกว่าเป็นรถรุ่นใหม่ได้ พร้อมกับปรับราคาให้เหมาะสมต่ำลงกว่าเดิม ทำให้การต่อสู้ของตลาดปิกอัพในปีนี้เดือดขึ้นมาในทันที พร้อมด้วยการเพิ่มสีใหม่ น้ำเงินและเหลืองให้กับนิสสัน คิกส์อีกด้วย นิสสัน นาวารา ราคาเริ่มต้นที่ 599,000-1,149,000 บาท
มาสด้า
ไฮไลต์ของมาสด้า ต้องยกให้รถรุ่นพิเศษฉลอง 100 ปี ที่มาครบทุกรุ่น ไม่ว่าจะเป็น มาสด้า 2, มาสด้า 3, มาสด้า CX-30 โดยที่หลายคนลุ้นว่าจะมีมาสด้าบีที-50 โปร มาอวดโฉมในงานนี้ด้วยซึ่งรถปิกอัพรุ่นนี้ทุกท่านทราบดีอยู่แล้วว่ามาสด้ากำลังวางแผนที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเร็วๆ นี้
ทั้ง 3 รุ่นยกระดับความโดดเด่นด้วยสีภายนอก Snowflake White Pearl และป้ายสัญลักษณ์บ่งบอกความเป็นรุ่นพิเศษครบรอบ 100 ปี สัมผัสความคลาสสิกภายในห้องโดยสารที่ตกแต่งด้วยหนังสีขาวตัดกับเบาะหนังสีแดง Burgundy สะดุดสายตาด้วยสัญลักษณ์พิเศษครบรอบ 100 ปี บนพนักพิงศีรษะ พื้นพรม และชุดพรมปูพื้นสีแดง กุญแจรีโมต และฝาครอบดุมล้อภายใต้แนวคิด Kodo Design อันเป็นเอกลักษณ์อันเลืองชื่อของมาสด้า
มิตซูบิชิ
หลังจากปูพรมสร้างการรับรู้เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้ามาสักพักใหญ่แล้ว ถึงเวลาเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี รถยนต์ไฟฟ้าชนิดปลั๊กอินไฮบริด เครื่องยนต์ 2.4 ลิตร ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่กำลังสูงสุด 305 แรงม้า ขับเคลื่อน 4 ล้อ อัตราการบริโภคน้ำมัน 52.6 กม./ลิตร และประกอบในประเทศไทย
มิตซูบิชิเอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี เป็นรถเอสยูวีแบบปลั๊กอินไฮบริดรุ่นแรกของโลก และเป็นรถพีเอชอีวีที่ขายดีที่สุดในโลก ซึ่งเป็นการผสาน DNA เข้ากับเทคโนโลยีรถยนต์ระดับตำนานของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่ได้ถูกคิดค้นและพิสูจน์แล้วในหลายประเทศทั่วโลกเพื่อตอบโจทย์ความกังวลเหล่านี้ ทั้งในด้านความทนทานและสมรรถนะเราตอบโจทย์จากความเชี่ยวชาญในด้านการผลิตรถเอสยูวีที่มีความแข็งแกร่งระดับตำนาน พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่ดีที่สุดจากมิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีโวลูชัน และยังสามารถใช้ได้ทั้งพลังงานไฟฟ้าและน้ำมัน ช่วยคลายข้อกังวลในเรื่องของข้อจำกัดด้านระยะทางการขับขี่ - มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ราคา 1,640,000 และ 1,749,000 บาท
โตโยต้า
โตโยต้า เซอร์ไพรส์เหล่าแฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตด้วยการเปิดตัว “จีอาร์ ยาริส” ตัวแรงพิเศษจากเทคโนโลยีที่ใช้ในสนามแข่ง โดยมากับเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ 1.6 ลิตร เทอร์โบ พิกัด 261 แรงม้า แรงบิด 360 นิวตันเมตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด จำนวนจำกัดเพียง 10 คันเท่านั้น
GR Yaris สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะโดยผสมผสานระหว่างแพลตฟอร์ม GA-B ในส่วนด้านหน้าและส่วนด้านหลังที่ดัดแปลงมาจากแพลตฟอร์ม GA-C ทีมแรลลี่เน้นย้ำถึงความสำคัญของน้ำหนักที่เบาซึ่งสิ่งนี้จะเห็นได้จากการใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตจากวัสดุอะลูมิเนียมและหลังคาคาร์บอนเสริมแรงในการประกอบตัวรถ
ลักษณะตัวถังเองก็เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่เป็นเอกลักษณ์เป็นรุ่น 3 ประตู มีเส้นหลังคาที่ต่ำลงและเรียวลง ซึ่งได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเสริมด้วยประสิทธิภาพทางอากาศพลศาสตร์ให้ลมไหลไปยังสปอยเลอร์หลังขนาดใหญ่เพื่อสร้างแรงกดพิเศษรูปทรงของตัวถังช่วงล่างทำให้อากาศไหลเวียนลงด้านข้างของรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โตโยต้าประเทศไทย เตรียมนำ GR YARIS Version พิเศษ พร้อมลายเซ็น MasterDriver Morizo มาจัดแสดงให้สาวกรถสปอร์ตพันธุ์แรงได้ยลโฉมในงาน Motor Expo2020 ต้นเดือนธันวาคมนี้พร้อมเปิดให้ลงทะเบียนเพื่อจองสิทธิ์ผ่านช่องทางออนไลน์ของโตโยต้าโตโยต้า จีอาร์ยาริส โดยคาดว่าราคาจะไม่เกิน 2.7 ล้านบาท
เอ็มจี
“เอ็มจี อีพี” รถยนต์ไฟฟ้าชนิดแบตเตอรี่รุ่นที่ 2 คือพระเอกของเอ็มจีในงานนี้ พกพากำลังระดับ 163 แรงม้า และแบตเตอรี่ขนาด 50.3 kWh ที่สามารถวิ่งได้ระยะทางไกลสุด 380 กม. ซึ่งทีมผู้บริหารของเอ็มจีตั้งความหวังในการแจ้งเกิดรถรุ่นเอาไว้ค่อนข้างสูงเนื่องจากการทำราคาค่าตัวให้ทุกคนเป็นเจ้าของได้ง่าย
รถสไตล์ Station Wagon ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นใหม่ของเอ็มจีตอบโจทย์การใช้งานสำหรับการเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าคันแรกของทุกคนออกแบบภายใต้แนวคิด BRITDYNAMIC ที่ให้ทั้งสมรรถนะ (PERFORMANCE) การควบคุม (HANDLING) การออกแบบ (DESIGN) และความปลอดภัย (SAFETY) พร้อมสำหรับทุกรูปแบบการใช้งานขับเคลื่อนได้ไกล ประหยัดได้มากกว่า มีต้นทุนการบำรุงรักษาและต้นทุนการเป็นเจ้าของ (COSTOF OWNERSHIP) ที่คุ้มค่ามากยิ่งขึ้น สนนราคาของเอ็มจี อีพี ราคา 988,000 บาท
ฟอร์ด
พระเอกของฟอร์ดในงานนี้มาด้วยกัน 2 รุ่น คือ ตัวขายหลักอย่าง ฟอร์ด เรนเจอร์ ที่ได้รับการปรับโฉมใหม่ แต่งหน้าทาปากใหม่ พร้อมเพิ่มรุ่นย่อยพิเศษอย่าง สตรีท เข้ามาในไลน์การขาย ส่วนอีกหนึ่งรุ่นคือ เอเวอร์เรสต์ ที่ปรับโฉมใหม่เช่นเดียวกัน โดยมีการเพิ่มรุ่นย่อยใหม่ ไทเทเนี่ยม สปอร์ต เข้ามาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกฟอร์ด เรนเจอร์ ราคาเริ่มต้นที่ 669,000-1,265,000 บาท ฟอร์ด เอเวอร์เรสต์ ราคาเริ่มต้นที่ 1,299,000-1,799,000 บาท
เกีย
ประเทศไทยนับเป็นประเทศที่ 2 ที่เปิดตัวต่อจากเกาหลี สำหรับ “เกีย แกรนด์ คาร์นิวัล” โฉมใหม่ ที่ยังคงมากับเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.2 ลิตร แต่ได้รับการปรับปรุงใหม่ มีกำลังมากขึ้น 5 แรงม้า มาอยู่ที่ 202 แรงม้า และผ่านมาตรฐานไอเสียระดับยูโร 5
เกียคาร์นิวัล ใหม่ เปี่ยมด้วยสมรรถนะของเครื่องยนต์ใหม่ สมาร์ทสตรีม ดีเซล เทอร์โบขนาด 2.2 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 202 แรงม้าที่ 3,800 รอบต่อนาทีมาพร้อมดีไซน์ภายนอกใหม่ที่ทันสมัยและโดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยกระจังหน้า tiger-nose ที่ผสานอย่างลงตัวกับไฟหน้าแบบ LED และ Daytime Running Light พร้อมทั้งไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED ไฟท้าย ไฟตัดหมอกหลัง รวมถึงล้ออัลลอยใหม่แบบ Machine Finished ขนาด 18 นิ้ว
ภายในห้องโดยสารกว้างขวางมาพร้อมดีไซน์ที่ทันสมัยยิ่งขึ้นด้วยเบาะหนังสีน้ำตาล Saddle Brown ตัดขอบสีดำ โดยเบาะที่นั่งสามารถปรับเปลี่ยนได้หลายรูปแบบ และรองรับครอบครัวใหญ่ได้ถึง 11 ที่นั่ง เบาะโดยสารแถวสุดท้ายสามารถปรับพับเรียบได้สนิท Pop-up Sinking Seat ช่วยเพิ่มพื้นที่สำหรับจัดเก็บสัมภาระได้อย่างลงตัวแกรนด์ คาร์นิวัล EX ราคา 2,144,000 และ SXL ราคา 2,459,000 บาท
เมอร์เซเดส-เบนซ์
เอ-คลาส และจีแอลเอ คือ 2 พระเอกของงานในปีนี้ ทั้งสองรุ่นนั้นเป็นโมเดลความหวังของเมอร์เซเดส-เบนซ์ในการรักษาบัลลังก์แชมป์ยอดขายรถยนต์ระดับหรูของไทย ทั้งคู่มากับเครื่องยนต์ขนาด 1.3 ลิตร เทอร์โบ กำลังสูงสุด 163 แรงม้า ประกอบในประเทศไทย
เอ-คลาสรุ่นประกอบในประเทศไทยด้านหน้าของตัวรถดูมีความล้ำสมัยสอดรับกับช่วงกระโปรงหน้าที่ลาดตัวต่ำและทอดตัวยาวกระจังหน้าแบบ diamond radiator grille เส้นเดี่ยวแนวนอนพร้อมตราสัญลักษณ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ส่วนกระจกมองข้างนั้นอยู่ในระนาบเดียวกับขอบล่างของกระจกห้องโดยสารพอดี
ภายในห้องโดยสารดูทันสมัยและกว้างขวางเพื่อประโยชน์ใช้สอยที่มากที่สุด โดยจะมีพื้นที่ว่างบริเวณช่วงไหล่ ข้อศอกและเหนือศีรษะมากกว่าค่าเฉลี่ยของรถยนต์ประเภทเดียวกัน รวมไปถึงการออกแบบห้องโดยสารตอนหลังให้เข้าออกได้ง่าย เบาะด้านหลังยังสามารถพับได้แบบ 40:20:40 ห้องเก็บสัมภาระด้านหลังมีปริมาตร 420 ลิตร - เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอ 200 ราคา 1,990,000 และ 2,150,000 บาท
ขณะที่จีแอลเอ 200 AMG Dynamicมากับดีไซน์ภายนอกใหม่หมดทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ความสูงของตัวถังเพิ่มขึ้น 10 เซนติเมตรจากรุ่นก่อนเป็น 1,605 มิลลิเมตร (1,610 มิลลิเมตรเมื่อรวมราวหลังคา)โดยมีการขยายพื้นที่ของห้องโดยสารให้กว้างขึ้นขณะที่ความยาวของตังถังโดยรวมเท่าเดิม
ภายในห้องโดยสารออกแบบใหม่ในเน้นความรู้สึกสปอร์ต โมเดิร์น ด้วยชุดตกแต่งภายในแบบ AMG Interior package คอนโซลหน้าการออกแบบใหม่ล้ำสมัยด้วยรูปทรงทรงปีกนกทอดยาวตั้งแต่ประตูหน้าซ้ายผ่านคอนโซลกลางไปจดประตูหน้าขวาแบบไร้รอยต่อ
หน้าปัดใหม่มาพร้อมกับหน้าจอ Widescreen ขนาด 10.25 นิ้วต่อกัน 2 หน้าจอ เป็นอุปกรณ์มาตรฐานโดยหน้าจอทั้งสองจะอยู่ติดกันและมีลักษณะลอยตัวแบ่งการแสดงผลเป็น 2 ส่วน คือ แผงหน้าปัดสำหรับแสดงมาตรวัดต่างๆ แบบ Widescreen 16:9 และอีกส่วนเป็นหน้าจออินโฟเทนเมนต์ พร้อมระบบปฏิบัติการหน้าจอแบบ MBUX ใหม่ - เมอร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลเอ 200 ราคา 2,399,000 บาท
บีเอ็มดับเบิลยู
ยกทัพรถใหม่มามากที่สุดในงานนี้ ไล่เรียงตั้งแต่ซีรีส์ 2 ในรุ่น 220 พร้อมด้วยเอ็กซ์ 1 รุ่นปรับปรุงโฉมใหม่ และที่เด็ดที่สุดคือการปรากฏตัวของซีรีส์ 4 ใหม่ล่าสุด 430i คูเป้ เอ็ม สปอร์ต เจ้าของความแรง 258 แรงม้า จากเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร
บีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์ 4 คูเป้ ใหม่ มาในดีไซน์ที่โดดเด่นสะดุดตาจากทุกมุมมองหลอมรวมรูปลักษณ์ที่คุ้นเคยของรถสปอร์ตสองประตูและปรัชญาการดีไซน์ใหม่ที่ล้ำสมัยของบีเอ็มดับเบิลยูเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นเส้นสายบนตัวถังที่ชัดเจนและทรงพลังสร้างความงามในด้านดีไซน์ที่เรียบง่ายแต่ยังคงเน้นย้ำถึงสุนทรียภาพไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบขนาดตัวรถของบีเอ็มดับเบิลยู
430i Coupe M Sport ใหม่มีขนาดใหญ่กว่ารุ่นก่อนหน้าในทุกมิติ โดยมีความยาว 4,768 มิลลิเมตร ยาวกว่ารุ่นก่อนหน้า 128 มิลลิเมตร กว้าง 1,852 มิลลิเมตร กว้างขึ้น 27 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,851 มิลลิเมตร ยาวขึ้น 41 มิลลิเมตร สูง 1,383 มิลลิเมตร สูงขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า 6 มิลลิเมตร และต่ำกว่าบีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์ 3 ซีดาน 57 มิลลิเมตร - บีเอ็มดับเบิลยู 430i คูเป้ เอ็มสปอร์ตใหม่ ราคา 3,969,000 บาท
วอลโว่
การปรากฏตัวครั้งแรกของ เอส 90 โฉมไมเนอร์เชนจ์ในงานนี้ พร้อมกับ เอ็กซ์ซี-40 รีชาร์จ ที5 ซึ่งถือว่าเป็นรถในพิกัดขนาดนื้รุ่นแรกที่มากับระบบปลั๊กอินไฮบริด เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ และมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังรวมสูงสุด 262 แรงม้า แรงบิด 425 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 10.7 kWh สามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ไกลสุด 52 กม. - วอลโว่ เอ็กซ์ซี-40 รีชาร์จ ที 5 ราคา 2,090,000-2,390,000 บาท
เลกซัส
มีไฮไลต์มากถึง 3 รุ่น ได้แก่ แอลเอส, ไอเอส ที่ได้รับการปรับปรุงโฉมใหม่ เพิ่มออพชันพร้อมปรับราคาให้เหมาะสม และตัวเด่นที่สุดของงานคือ “ยูเอ็กซ์ 300อี” รถยนต์ไฟฟ้าชนิดใช้แบตเตอรี่รุ่นแรกของเลกซัส พร้อมเปิดให้เป็นเจ้าของได้ในงานนี้ โดยมีระยะทางวิ่งสูงสุด 300 กม.ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง
ยูเอ็กซ์ 300 อีรถยนต์ไฟฟ้าถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานของสถาปัตยกรรมโครงสร้างตัวถังแบบใหม่ GA-C (Global Architecture-CompactPlatform) ซึ่งมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำการทรงตัวดีเยี่ยม ควบคุมรถได้ดั่งใจ รูปลักษณ์ภายนอกโดดเด่นด้วยเส้นสายที่เฉียบคมสง่างามและทรงพลังตามหลักปรัชญา L-finesse
กระจังหน้า Spindle Grille เอกลักษณ์เฉพาะของเลกซัสรูปแบบไดนามิกรูปทรงสามมิติ ให้ความรู้สึกถึงการขับขี่ที่ทรงพลังในรูปแบบรถครอสโอเวอร์ไฟหน้า LED แบบ Ultra-compact3-eye Bi-Beam พร้อมไฟ Daytime Running Light ออกแบบโดยสื่อถึงความโดดเด่นของสัญลักษณ์ Lexus
ภายในออกแบบอย่างประณีตให้ความสำคัญกับต่อผู้ขับขี่และผู้โดยสารเป็นหลัก โดยมีจุดเด่นที่เบาะนั่งคู่หน้าใช้รูปแบบงานเย็บปักถักร้อยแบบ SASHIKO ซึ่งเป็นวิธีเย็บดั้งเดิมแขนงหนึ่งของญี่ปุ่นให้ความแข็งแรง และสวยงาม, จอแสดงผลสี TFT (Thin Film Transistor) และแท่นชาร์จมือถือแบบไร้สาย Wireless charger - เลกซัส ยูเอ็กซ์ 300 อี ราคา 3,490,000 บาท
ปอร์เช่
พานาเมร่า รุ่นปรับปรุงโฉมใหม่ โดยในรุ่นจีทีเอสนั้นมากับเครื่องยนต์เบนซิน วี8 เทอร์โบ กำลัง480 แรงม้า เพิ่มขึ้นจากตัวก่อนหน้า 20 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 620 นิวตันเมตร พร้อมกับการปรับปรุงช่วงล่างใหม่ เช่นเดียวกับรุ่น 4 อี ไฮบริด ที่ได้รับการเพิ่มสมรรถนะทั้งความแรงและการวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนเป็นระยะทางไกลสุดได้ถึง 56 กม. - ปอร์เช่ พานาเมร่า ราคา 7,300,000-17,800,000 บาท
มาเซราติ
มาเซราติ กิบลี ไฮบริด หัวใจใหม่ล่าสุด ผลผลิตจากห้องวิจัยในเมืองโมเดนา เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร และอัลเทอร์เนเตอร์ 48 โวลต์ และอิเล็กทรอนิกส์ซูเปอร์ชาร์จ (e-Booster) พร้อมแบตเตอรี่ ทำให้เครื่องยนต์วี 6 มีกำลังสูงถึง 330 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร เทียบเท่าเครื่องยนต์วี8 แต่ไอเสียต่ำและราคาย่อมเยาลง
กิบลีไฮบริด ผ่านการออกแบบใหม่โดยCentro Stile Maseratiทั้งภายนอกและห้องโดยสารดีไซน์โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ โดยสิ่งที่แสดงถึงความเป็นรุ่นไฮบริดก็คือการนำสีน้ำเงินมาใช้ เพื่อสื่อถึงเทคโนโลยีไฮบริดและโลกแห่งอนาคต สีน้ำเงินถูกนำมาตกแต่งช่องระบายอากาศด้านข้าง 3 ช่อง และสัญลักษณ์สายฟ้าของโลโก้ตรีศูลบริเวณเสาซี ขณะที่เบาะในห้องโดยสารก็ผ่านการเย็บด้วยตะเข็บสีน้ำเงิน ส่วนกระจังหน้าก็ผ่านการออกแบบใหม่ซี่กระจังมีลักษณะคล้าย ‘ส้อมเสียง’ (Tuning Fork) เครื่องดนตรีชนิดหนึ่งที่มีเสียงใสชัด - มาเซราติ กิบลี ไฮบริด ราคา 5,990,000 บาท
โรลส์-รอยซ์
โรลส์-รอยซ์ เปิดตัว “โกสท์” เจเนอเรชันที่ 2 ของรถที่ขายดีที่สุดของแบรนด์สุดหรูจากเมืองกู๊ดวูด ประเทศอังกฤษ โดยมากับแพลตฟอร์มใหม่ และเครื่องยนต์ใหม่ 6.75 ลิตร พร้อมฟังก์ชันใหม่ล่ำสมัยมากมายแต่คงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของความเป็นรถหรูจากเมืองผู้ดี
รูปทรงของไฟท้ายดีไซน์ใหม่เป็นทรงเกือบสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่ปรับปรุงให้ทันสมัยด้วยการเอียงมาข้างหน้าเล็กน้อยให้ความรู้สึกร่วมสมัยมากขึ้นและเนื่องจากรอยต่อรอบไฟได้หายไป จึงทำให้ไฟท้ายดูเหมือนเป็นเกาะที่ได้รับการแต่งแต้มสีลอยเด่นอยู่บนผิวรถ
ขุมพลังเป็นบล็อกเดียวกับที่ใช้กับโรลส์-รอยซ์ ‘แฟนธอม’ เครื่องยนต์เบนซินทวินเทอร์โบ V12 สูบ ขนาดความจุ 6.75 ลิตร กำลังสูงสุด 571 แรงม้า แรงบิด 850 นิวตันเมตร โดยท่อไอดีได้รับการปรับแต่งใหม่ เพื่อลดเสียงรบกวนที่อาจเล็ดลอดสู่ห้องโดยสาร
ด้านภายในห้องโดยสารทีมออกแบบ Bespoke Collective ที่ประกอบด้วย นักออกแบบ วิศวกร และช่างศิลป์ได้สร้างสรรค์ แดชบอร์ดเรืองแสง (Illuminated Fascia) สำหรับ ‘นิว โกสต์’ พร้อมกับเพดานห้องโดยสาร ‘สตาร์ไลท์ เฮดไลเนอร์’ ซึ่ง แดชบอร์ดเรืองแสงได้รับการปรับแต่งให้มีสีสันเข้ากับแสงของนาฬิกาและมาตรวัด โดยติดตั้งท่อนำแสงหนา 2 มม. พร้อมเจาะรูขนาดเล็กด้วยเลเซอร์กว่า 90,000 ช่อง บนแดชบอร์ด เพื่อทำให้คำว่า Ghost มีความสว่างอย่างทั่วถึงด้วยแอลอีดี 152 ดวง ที่ล้อมรอบด้วยหมู่ดาว 850 ดวง และทั้งหมดถูกซ่อนไว้ขณะดับเครื่องยนต์ ภายใต้วัสดุคอมโพสิต 3 ชั้น โดยเป็นพื้นสีดำ Piano Black - โรลส์-รอยซ์ โกสท์ ราคาเริ่มต้นที่ 35,900,000 บาท
บีอาร์จี
ผู้นำเข้ารถยนต์อิสระเพียงรายเดียวที่เข้าร่วมจัดแสดงรถยนต์ในงานนี้นำ “เทสลา โมเดล 3” รถยนต์ไฟฟ้าที่ร้อนแรงที่สุดในยุคนี้ โดยนำมาเปิดราคาขายที่ 2,990,000 บาท พร้อมกับของแถมพิเศษชุดชาร์จของเทสลาโดยเฉพาะมูลค่า 50,000 บาท นอกจากนั้นยังมีรถอีกหลากหลายยี่ห้อนำโดยจี๊ป ซึ่งบีอาร์จีเป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ
ถึงบรรทัดนี้หากผู้อ่านท่านใดสนใจอยากเดินชมรถ ซื้อรถ ก็ลองมาเดินเล่นกันในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป ระหว่างวันที่ 2-13 ธันวาคม 2563 ณ อาคารชาลเลนเจอร์ IMPACT เมืองทองธานี