จริงอยู่ที่แม้ว่าชื่อจะมีทั้งคำว่า Proto (ที่น่าจะย่อมาจาก prototype) และคำว่า Concept พ่วงตามมาด้วย แต่สุดท้ายเมื่อดูจากภาพรวมของตัวรถแล้ว นี่คือภาพที่น่าจะมีมากกว่า 90% ที่จะกลายเป็นโฉมใหม่ของ Nissan Z หรือ Fairlady ที่จะเตรียมเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้
Nissan Z หรือ Fairlady ในตลาดญี่ปุ่นถือเป็นรถสปอร์ตที่มีความสำคัญไม่แพ้กับ GT-R โดยเฉพาะในการรุกตลาดต่างแดนมาตั้งแต่รุ่นแรกที่เปิดตัวในปี 1969 และแม้ว่ารอยต่อของเจเนอเรชันจะสะดุดไปช่วงหนึ่งเมื่อเจเนอเรชันที่ 4 สิ้นสุดในการทำตลาดปี 2000 ซึ่งตรงกับช่วงเวลาของการเปลี่ยนผ่านจาก Nissan ยุคเก่าที่เกือบจะใกล้กลับบ้านเก่ามาสู่ยุคใหม่แห่งการฟื้นฟูภายใต้นายใหญ่จอมอื้อฉาวอย่างคาร์ลอส กอนส์ แต่สุดท้าย Z-Car ก็เป็นรถสปอร์ตที่ถูกเลือกมาเป็นตัวแทนในการรุกตลาดทั่วโลกอีกครั้งในปี 2002 และกลายเป็นตัวแทนแห่งความสปอร์ตที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าทั่วโลก โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาที่เป็นตลาดหลัก และตลอดทั้ง 6 เจเนอเรชันที่ผ่านมามียอดขายมากกว่า 1.35 ล้านคัน
สำหรับรุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวนั้นนอกจากมีความพิเศษตรงที่มาในช่วงเวลาของการฉลองครบรอบ 60 ปีของ Z-Car แล้ว ยังเป็นเจเนอเรชันที่ 7 ของสายพันธุ์ที่ได้รับการปรับปรุงให้มีความทันสมัยและแตกต่างจากรุ่นที่แล้วซึ่งก็คือ Z34 อย่างชัดเจน โดยเฉพาะในเรื่องของการเติมเต็มด้วยความทันสมัยของระบบต่างๆ เช่นเดียวกับการเป็น 1 ใน 20 รถยนต์รุ่นใหม่ของ Nissan ที่จะเปิดตัวในสหรัฐอเมริกาตลอดช่วง 20 เดือนข้างหน้านับจากนี้
รุ่นใหม่ใช้รหัสตัวถัง Z35 และถูกพัฒนาภายใต้โครงการที่ชื่อว่า Nissan 400 Z มาตั้งแต่ปี 2018 และมีนายใหญ่ของการออกแบบคนใหม่อย่าง Alfonso Abaisa ที่เข้ามารับหน้าที่รองประธานฝ่ายออกแบบในการกำหนดทิศทางและสไตล์ของตัวรถ สิ่งที่น่าสนใจคือ การคงเอกลักษณ์ของตัวรถในสไตล์ FR แบบ Front-Midship และขับเคลื่อนล้อหลัง โดยที่เอกลักษณ์หลักของตัวรถอย่างแนวของเส้นหลังคาที่มีลักษณะคล้ายกับตัว L กลับหัวนั้นถูกคงเอาไว้ แต่มีการปรับปรุงให้มีความอ่อนช้อยและลาดเทไปทางด้านหลังมากขึ้น ขณะที่เด่นสุดคือด้านท้าย ซึ่งมาพร้อมกับไฟท้ายแบบแถบยาวที่ชวนให้นึกถึงรุ่นสุดท้ายก่อนที่ Z-Car จะขาดตอนอย่าง Z32
ขณะที่ด้านในนั้น ถือว่า Abaisa ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมในการดึงเอาความคลาสสิกของกลิ่นอายรถสปอร์ตรุ่นเก่าเอาไว้แต่เติมเต็มด้วยความทันสมัยเข้าไป ดังนั้น เมื่อมองจากในห้องโดยสารแล้ว แผงหน้าปัด คอนโซลกลาง หรือแม้แต่ดีเทลต่างๆ ในตัวรถจะทำให้รู้สึกล้ำสมัยจนเกินงาม แม้แต่เบรกมือก็ยังเป็นก้านดึงแบบเดิมที่เราคุ้นเคยกัน เช่นเดียวกับเกียร์ธรรมดาที่ในปัจจุบันแทบจะกลายเป็นของหายากในตลาดรถยนต์ไปแล้ว โดยสิ่งที่เติมเข้าไปคือ สิ่งที่มีความจำเป็นสำหรับรถสปอร์ตรุ่นใหม่ๆ เช่น ชุดมาตรวัดที่แสดงผ่านหน้าจอดิจิทัล และหน้าจอแบบ Touchscreen ตรงคอนโซลกลางสำหรับควบคุมระบบอำนวยความสะดวกหรือระบบความบันเทิงต่างๆ ภายในรถ
เครื่องยนต์ที่วางอยู่ด้านหน้ายังเป็นวี 6 แบบเดิมได้รับการปรับปรุงเพิ่มสมรรถนะในการขับเคลื่อน และแม้ว่าทาง Nissan จะยังไม่เปิดเผยสเปก แต่จากภาพก็ระบุได้ว่าเป็นเครื่องยนต์วี 6 แบบเทอร์โบคู่ในรหัส VR30DDTT ที่ได้รับการปรับปรุงมาจากบล็อกที่เคยวางอยู่ในรถยนต์ระดับหรูอย่าง Infiniti Q50 และ Q60 Coupe ที่เปิดตัวเมื่อปี 2015 แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องรอการคอนเฟิร์มอีกครั้งว่าจะมีกำลังอยู่ที่เท่าไร เพราะใน 2 คันนี้มีตัวเลขแรงม้าตั้งแต่ 300-400 แรงม้า
ต้นแบบเผยโฉมมาให้เห็นแล้ว ส่วนคันจริงที่คิดว่าน่าจะปรับปรุงจาก Nissan Z Proto Concept ไม่มากนักน่าจะเผยโฉมให้เห็นในปลายปีนี้อย่างแน่นอน และพร้อมขายในช่วงปีหน้า