ในประเทศไทย เมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีการจัดงานประมูลรถของกลางกรมศุลกากรขึ้น และ 1 ในนั้นมี BMW M3 E46 ปี 2003 เกียร์ธรรมดา รวมอยู่ด้วย สภาพรถคือขับไม่ได้ สตาร์ทไม่ติด ระบบน้ำมันมีปัญหา ปั๊มติ๊กพัง แต่ยังถูกประมูลไปในราคาสูงถึง 3.9 ล้านบาท เรียกเสียงฮือฮาไปพอสมควร
เหมือน อินเดียน่า โจนส์ ล่าขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า รถยนต์ BMW M ทุกรุ่น ยังคงเป็นที่้ต้องการของนักเลงรถและนักสะสมทั่วโลก ด้วยความเป็นสุดยอดยนตรกรรม สุดมาแล้วจากโรงงาน เป็นที่สุดของตระกูล เป็นที่สุดของรถคลาสเดียวกัน ดีกรีแชมป์หลายสมัยหลายรายการบนสนามแข่งทั่วโลก มีประวัติศาสตร์ยาวนาน เป็นตำนานที่นักเลงรถรู้จักดี
BMW M เป็นผลิตผลโดยตรงของ BMW M GmbH (ชื่อเดิม BMW Motorsport GmbH) แผนกมอเตอร์สปอร์ตของ BMW ที่มีหน้าที่คิดค้นและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการแข่งขันโดยเฉพาะ ก่อตั้งเมื่อปี 1972 ซึ่ง ณ เวลานั้นเป็นยุคทองของ BMW ในกีฬามอเตอร์สปอร์ต ช่วงก่อนก่อตั้งแผนกมอเตอร์สปอร์ต ประมาณปี 1960-1970 BMW ประสบความสำเร็จอย่างสูงในสนามแข่ง เป็นที่ยอมรับว่ารถของ BMW เหนือชั้นกว่าของคู่แข่งทุกด้าน ทั้งเรื่องสมรรถนะ การควบคุม และความสวยงาม รุ่นที่โด่งดัง ได้แก่ BMW 2002 Ti เครื่องยนต์ 2,000 ซีซี เทอร์โบ 280 แรงม้า และ BMW 3.0 CSL เครื่องยนต์ 3.2 ลิตร เทอร์โบ 750 แรงม้า ซึ่งเป็นรุ่นที่ Alexander Calder ศิลปินนักวาดภาพระดับโลก นำไปสร้างสรรค์งานศิลปะลงบนบอดี้ สีสันโดดเด่นสะดุดตา เรียกเสียงฮือฮาได้ทันทีที่วิ่งเข้าสนาม เป็น Art Car คันแรกของ BMW
หลังก่อตั้ง BMW Motorsport GmbH รถแข่งของ BMW ก็ทำผลงานเข้าตามาโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน ไล่ตั้งแต่ปี 1972-1973 รถ March-BMW 732 คว้าแชมป์ Formula 2 และรถ BMW 3.0 CSL คว้าแชมป์ European Touring Car , ปี 1975-1979 รถ BMW 3.0 CSL คว้าแชมป์ European Touring Car ต่อเนื่อง 5 สมัยรวด
ปี 1976-1977 รถ BMW 320 (E21) เครื่องยนต์ 2,000 ซีซี เทอร์โบ 400 แรงม้า คว้าแชมป์รายการ European Touring Car , ปี 1978 เปิดตัวรถ BMW M1 (E26) โปรดักชั่นคาร์รุ่นแรกของ BMW Motorsport และเป็นต้นตระกูลของ BMW M ใช้เครื่องยนต์หัวฉีด 6 สูบ 24 วาล์ว 3.5 ลิตร 273 แรงม้า , ปี 1984 เปิดตัวรถ BMW M5 (E28) ใช้เครื่องยนต์ 6 สูบ 3.5 ลิตร 282 แรงม้า ซึ่งถือเป็นต้นกำเนิดรถสปอร์ตซีดาน
ปี 1986 เปิดตัว BMW M3 (E30) ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ 2.3 ลิตร 197 แรงม้า สมรรถนะเทียบเท่ารถแข่งกรุ๊ป A สมัยนั้นเป็นที่ฮือฮามาก , ปี 1988-1991 รถ BMW M3 Evolution (E30) เดินหน้ากวาดรางวัลทั่วยุโรป คว้าแชมป์ 16 รายการ รวมไปถึงแชมป์ European Hill Climb
ปี 1993 มีการเปลี่ยนชื่อ BMW Motorsport GmbH เป็น BMW M Gmbh , ปี 1995 เปิดตัวเทคโนโลยีเกียร์ SMG (Sequential M Gearbox) เกียร์กึ่งอัตโนมัติที่เราสามารถชิฟต์เกียร์เองได้ด้วยการขยับคันเกียร์ขึ้นลง พร้อมคุณสมบัติเด่นในเรื่องความไวในการเปลี่ยนเกียร์ โดยถูกนำมาประจำการในรถ BMW M3 (E36) , ปี 2000 เปิดตัว BMW M3 CSL (E46) ใช้เครื่องยนต์ 6 สูบ 3.2 ลิตร 343 แรงม้า เป็นเครื่องยนต์ที่ได้รับรางวัลเครื่องยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี 2000, ปี 2004-2005 BMW M3 GTR (E46) คว้าแชมป์ 24 Hours Nürburgring
ปี 2005 เปิดตัว BMW M6 (E63) ใช้เครื่องยนต์ V10 5 ลิตร 500 แรงม้า เป็นการกลับมาอีกครั้งของตัวแรงตระกูล 6 Series หลังจากหายหน้าหายตาไปนาน , ปี 2008 เปิดตัวเทคโนโลยีเกียร์ M DCT เกียร์กึ่งอัตโนมัติแบบดูอัลคลัทช์ที่เราสามารถชิฟต์เกียร์เองได้ผ่านแพดเดิลชิฟต์ที่พวงมาลัยหรือขยับคันเกียร์ขึ้นลง โดยนำมาประจำการใน BMW M3 (E92) , ปี 2010 BMW M3 GT2 (E92) คว้าแชมป์ 24 Hours Nürburgring , ปี 2011 เปิดตัว BMW M5 (F10) ใช้เครื่องยนต์ V8 4.4 ลิตร ทวินเทอร์โบ 553 แรงม้า เป็นการกลับมาอีกครั้งของเครื่องยนต์เทอร์โบของ BMW หลังจากหายจากตลาดไประยะหนึ่ง
ปี 2013 เปิดตัวรถ BMW M4 (F82) ใช้เครื่องยนต์ 6 สูบ 3 ลิตร ทวินเทอร์โบ 425 แรงม้า เป็นการเผยโฉมครั้งแรกของตัวแรงตระกูลใหม่ 4 Series , ปี 2014 และ 2016 BMW M4 DTM (F82) คว้าแชมป์ DTM , ปี 2016 เปิดตัว BMW M2 (F87) ใช้เครื่องยนต์ 6 สูบ 3 ลิตร ทวินเพาเวอร์เทอร์โบ 365 แรงม้า เป็นรถที่นักวิจารณ์และนักทดสอบรถทั่วโลกพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าดึงเอาความดุดิบแบบ BMW ดั้งเดิมกลับมาอีกครั้ง , ปี 2016 รถ BMW M6 GT3 (F13) คว้าแชมป์ Spa 24 Hours , ปี 2019 เปิดตัว BMW M8 (F92) ใช้เครื่องยนต์ V8 4.4 ลิตร ทวินเทอร์โบ 591 แรงม้า ซึ่งเป็นการเผยโฉมครั้งแรกของตัวแรงตระกูล 8 Series
ที่กล่าวมานี้เฉพาะเหตุการณ์สำคัญ ๆ ซึ่งทั้งหมดชี้ให้เห็นว่า BMW M GmbH มีการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง มีเทคโนโลยีใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย และเทคโนโลยีเหล่านั้นได้ส่งผลให้ทีมแข่งของ BMW ทั่วโลกประสบความสำเร็จอย่างสูง กวาดแชมป์จากสนามต่าง ๆ มาได้นับครั้งไม่ถ้วน และแน่นอนว่า เทคโนโลยีจากสนามแข่งเหล่านั้น ได้ถูกถ่ายทอดลงสู่ BMW M ทุกคันด้วย และนั่นคือเหตุผลว่าทำไม BMW M จึงเปรียบเสมือนขุมทรัพย์ที่นักเลงรถและนักสะสมทั่วโลกออกตามล่าเพื่อให้ได้มาไว้ในครอบครอง
เปาะ กีระเกียรติ เย็นมะโนช กับ BMW M ความผูกพันที่มีมานานกว่า 35 ปี
ในวงการมอเตอร์สปอร์ตเมืองไทยช่วง 1990-2000 ไม่มีใครไม่รู้จัก เปาะ กีระเกียรติ เย็นมะโนช นักแข่งรถชั้นนำของไทย ที่พารถแข่ง BMW สีเขียวคู่ใจ ภายใต้สังกัดทีม "สังกะสีตรา 3 มงกุฎ” ไปคว้าแชมป์มาแล้วมากมาย ทั้งในและต่างประเทศ
ความผูกพันระหว่างกีระเกียรติกับ BMW นั้นมีมายาวนาน เริ่มตั้งแต่ตัดสินใจเลือกใช้รถ BMW M3 (E30) ลงแข่งครั้งแรกที่สนาม พีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต (พัทยา) หลังจากนั้นจึงขยับขึ้นไปแข่งในรายการ Southeast Asian Supercar ด้วยรถ BMW M1 ซึ่งเป็นรถสเปซเฟรมที่ทีมงานของกีระเกียรติพัฒนาขึ้นมาเอง โดยใช้เครื่องยนต์จาก SCHNITZER แล้วครอบทับด้วยบอดี้ BMW M1 อีกที สามารถคว้าแชมป์มาได้ 2 ครั้ง ในปี 1990 และ 1992 จากนั้นจึงขยับไปแข่งต่อในรายการ Southeast Asian Touring Car ด้วยรถ SCHNITZER-BMW M3 (E36) ซึ่งเป็นรถที่พัฒนาโดย SCHNITZER แท้ทั้งคัน ส่วนรถที่กีระเกียรติเลือกไว้ใช้งานในชีวิตประจำวัน แน่นอนว่าต้องเป็น BMW และคันล่าสุดที่ถูกเลือกมาไว้ในครอบครองก็คือ BMW M2 (F87)
"ใช้ BMW มาตลอด มายุคหลัง ๆ คิดว่า BMW เปลี่ยนไปบ้าง จนปัจจุบันกับรุ่นใหม่ BMW M2 ก็กลับมาเป็น BMW ที่รู้สึกว่าเราเคยสัมผัสเมื่อวานนี้เอง" กีระเกียรติกล่าวและว่า "รถ M เป็นรถพิเศษที่ BMW สร้างขึ้นมาสำหรับบนถนน มันพิเศษตรงที่เขานำความสำเร็จในสนามมาเป็นตัวตั้ง ให้เรารู้สึกว่ารถคันนี้พิเศษจริง ๆ ในสนามแข่ง"
"ไม่ว่า M รุ่นไหนก็ตาม มันก็คือ M คอนเซ็ปต์ของ BMW จากวันนั้นถึงวันนี้ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก ยังคงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ว่าอย่างไร BMW ในวันนี้ก็ยังเป็น BMW ในวันนั้นอยู่ดี" กีระเกียรติบอกเล่าถึงความรู้สึกที่มีต่อ BMW M
BMW M3 Lightweight (E36) ราคาประมูล 12 ล้าน ของ พอล วอล์กเกอร์
พอล วอล์กเกอร์ (Paul Walker) ดารานักแสดงผู้ล่วงลับ คืออีกคนหนึ่งที่เรียกได้เต็มปากว่าเป็นนักเลงรถตัวจริง เมื่อต้นปี 2020 ที่ผ่านมามีการเปิดประมูลรถในคอลเลคชั่นของพอลจำนวน 21 คัน ปรากฏว่ามี BMW อยู่มากถึง 7 คัน เป็น BMW M3 Lightweight (E36) รุ่นปี 1995 ถึง 5 คัน และ BMW M3 (E30) อีก 2 คัน เป็นรุ่นปี 1988 กับปี 1991
BMW M3 Lightweight (E36) ในจำนวน 5 คันนั้น มี 1 คันที่วิ่งไปแค่ 4,600 ไมล์ (ประมาณ 7,400 กิโลเมตร) ถูกประมูลไปด้วยราคาสูงถึง 385,000 เหรียญ (ประมาณ 12 ล้านบาท) ขณะที่อีก 4 คันที่เหลือถูกประมูลไปด้วยราคาประมาณ 200,000 เหรียญ (ประมาณ 6 ล้านบาท) ส่วน BMW M3 (E30) ถูกประมูลไปด้วยราคา 220,000 เหรียญ (ประมาณ 7 ล้านบาท) และ 165,000 เหรียญ (ประมาณ 5 ล้านบาท)
BMW M3 Lightweight (E36) เป็น Limited Edition ผลิตมาแค่ 125 คันเท่านั้น ผ่านการรีดน้ำหนักจากโรงงานเหลือเพียง 1,338 กิโลกรัม เบากว่า M3 รุ่นปกติ 91 กิโลกรัม บอดี้สีขาวโทนพิเศษ Alphine White ตกแต่งบริเวณมุมหน้าซ้ายและหลังขวาด้วยลายธงหมากรุกสีสัญลักษณ์ BMW ฟ้า-คราม-แสด มีการเสริมมุมสปอยเลอร์หน้าและใช้สปอยเลอร์หลังทรงสูงเพื่อแอโรไดนามิกที่ดีกว่า ใช้เครื่องยนต์ 6 สูบ 3.0 ลิตร 240 แรงม้า ส่งผ่านกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 สปีด
พูดได้อย่างเต็มปากว่า BMW M คือสุดยอดรถ สุดยอดยนตรกรรม ที่มีทั้งเสน่ห์และความคลาสสิกในตัว เป็นรถแข่งในคราบรถบ้านที่เอามาวิ่งใช้งานบนถนนทั่วไปได้ เทคโนโลยีใด ๆ ในสนามแข่งล้วนถูกนำมาบรรจุเอาไว้ มีประวัติศาสตร์ยาวนาน มีผลงานในสนามเป็นเครื่องการันตี สร้างความภูมิใจให้กับผู้ครอบครองเป็นอย่างยิ่ง มันจึงเป็นที่ต้องการของนักเลงรถและนักสะสมทั่วโลก โดยเฉพาะกับผู้ที่รักและหลงใหลใน BMW ประกอบกับจำนวนการผลิตที่จำกัด หาซื้อยาก เป็นแรร์ไอเท็ม มูลค่าของมันจึงสูง และสูงขึ้นเรื่อย ๆ แต่กระนั้น … คุณค่าของมันก็สูงเกินกว่ามูลค่าไปอีกหลายเท่าตัว
อ้างอิง : BMW.com , BMW-M.com , BMW-Motorsport.com