เอ็มจี คาดตลาดรถยนต์ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว เริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวในลักษณะตัว V ไตรมาส4 น่าจะกลับสู่ภาวะปกติ แนวโน้มเศรษฐกิจทรงตัว โรงงงานกลับมาผลิตตามปกติ ตั้งเป้าปีนี้ 30,000 คัน พร้อมอัดแคมเปญ ดันยอดขายพุ่ง ระบุเกรทวอลล์เข้ามาเป็นเรื่องที่ดี
นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ส่งผลให้ตลาดรถยนต์ของไทยหดตัวอย่างรุนแรง โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีแรกนั้นมียอดจำหน่ายลดลงเกือบ 40% โดยเฉพาะในเดือนเมษายน นี้ ถือว่ายอดขายตกต่ำที่สุด
อย่างไรก็ตามสถานการณ์ปัจจุบันเริ่มดีขึ้น ยอดขายเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวอย่างชัดเจน รวมถึงการจัดงานแสดงรถยนต์มีส่วนช่วยให้ตลาดคึกคักมากขึ้น แม้ยอดจองในงานจะลดลงกว่าเดิมราว 20-30% ก็ตาม แต่ถือว่าช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี
“แนวโน้มเศรษฐกิจน่าจะทรงตัวพอๆ กับปีที่ผ่านมา ส่วนตลาดรถยนต์คาดว่าไตรมาส 4 จะเข้าสู่ภาวะปกติได้ ถ้าไม่มีปัญหาอื่นมากระทบเพิ่มขึ้น และสิ้นปีน่าจะทำยอดขายรวมได้ราว 700,000 คัน ลดลงจากปีก่อน 30% ถือว่าดีขึ้นจากเดิมที่เคยประเมินว่าจะลดลงถึง 40%” นายพงษ์ศักดิ์ กล่าว
ขณะที่การแข่งขันในตลาดเวลานี้ถือว่ารุนแรงมาก แบรนด์อื่นๆ มีการใช้แคมเปญด้านราคาเข้ามาเพื่อสร้างยอดขายทำให้ เอ็มจี จำเป็นต้องใช้กลยุทธ์แคมเปญด้านราคาด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะรถปิกอัพ เอ็มจี เอ็กซ์เทนเดอร์ มียอดขายจากเดิมเดือนละ 200 กว่าคัน กลายเป็น 661 คัน ในเดือนมิถุนายนที่เริ่มปล่อยแคมเปญส่งเสริมการขายด้านราคาเข้าสู่ตลาด
นายพงษ์ศักดิ์กล่าวว่า เป้าหมายการขายในปีนี้ตั้งไว้ที่ 30,000 คัน โดยครึ่งปีแรกนั้นเอ็มจีมียอดขายรวมทั้งสิ้น 10,902 คัน และเอ็มจี แซดเอส และเอชเอส ยังคงเป็นเอสยูวีที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในตลาด ขณะเดียวกันช่วงครึ่งปีหลังจะมีรถยนต์รุ่นใหม่เปิดตัวอย่างน้อย 1 รุ่น ที่ยังไม่เคยทำตลาดในไทยมาก่อน
“รถรุ่นใหม่คาดว่าจะเปิดตัวได้ในช่วงเดือนหน้า โดยจะเป็นรถที่ไม่เน้นยอดขายแต่จะมาเพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์เอ็มจี ส่วนแผนงานอื่นๆ นั้นยังคงดำเนินตามกำหนดเดิม รถยนต์ไฟฟ้าน่าจะมาประกอบในประเทศไทยได้ราวปลายปีหน้าหรือต้นปี 2022 ซึ่งโรงงานประกอบรถยนต์ของเอ็มจีกลับมาผลิตตามปกติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยไม่มีการให้พนักงานออกแต่อย่างใด”
อนึ่ง การเข้ามาทำตลาดในไทยของ เกรทวอลล์ มองว่าเป็นเรื่องที่ดี ถือว่ามาช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า รวมถึงการที่แบรนด์อื่นๆ เปิดตัวรถใหม่ในแบบเอสยูวีเช่น โตโยต้า โคโรลล่า ครอส และนิสสัน คิกส์ นั้นนับว่าเป็นสิ่งที่ดีเช่นเดียวกัน เนื่องจากทำให้ตลาดเอสยูวีเติบโตและมีทางเลือกให้ลูกค้ามากขึ้น
นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ส่งผลให้ตลาดรถยนต์ของไทยหดตัวอย่างรุนแรง โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีแรกนั้นมียอดจำหน่ายลดลงเกือบ 40% โดยเฉพาะในเดือนเมษายน นี้ ถือว่ายอดขายตกต่ำที่สุด
อย่างไรก็ตามสถานการณ์ปัจจุบันเริ่มดีขึ้น ยอดขายเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวอย่างชัดเจน รวมถึงการจัดงานแสดงรถยนต์มีส่วนช่วยให้ตลาดคึกคักมากขึ้น แม้ยอดจองในงานจะลดลงกว่าเดิมราว 20-30% ก็ตาม แต่ถือว่าช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี
“แนวโน้มเศรษฐกิจน่าจะทรงตัวพอๆ กับปีที่ผ่านมา ส่วนตลาดรถยนต์คาดว่าไตรมาส 4 จะเข้าสู่ภาวะปกติได้ ถ้าไม่มีปัญหาอื่นมากระทบเพิ่มขึ้น และสิ้นปีน่าจะทำยอดขายรวมได้ราว 700,000 คัน ลดลงจากปีก่อน 30% ถือว่าดีขึ้นจากเดิมที่เคยประเมินว่าจะลดลงถึง 40%” นายพงษ์ศักดิ์ กล่าว
ขณะที่การแข่งขันในตลาดเวลานี้ถือว่ารุนแรงมาก แบรนด์อื่นๆ มีการใช้แคมเปญด้านราคาเข้ามาเพื่อสร้างยอดขายทำให้ เอ็มจี จำเป็นต้องใช้กลยุทธ์แคมเปญด้านราคาด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะรถปิกอัพ เอ็มจี เอ็กซ์เทนเดอร์ มียอดขายจากเดิมเดือนละ 200 กว่าคัน กลายเป็น 661 คัน ในเดือนมิถุนายนที่เริ่มปล่อยแคมเปญส่งเสริมการขายด้านราคาเข้าสู่ตลาด
นายพงษ์ศักดิ์กล่าวว่า เป้าหมายการขายในปีนี้ตั้งไว้ที่ 30,000 คัน โดยครึ่งปีแรกนั้นเอ็มจีมียอดขายรวมทั้งสิ้น 10,902 คัน และเอ็มจี แซดเอส และเอชเอส ยังคงเป็นเอสยูวีที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในตลาด ขณะเดียวกันช่วงครึ่งปีหลังจะมีรถยนต์รุ่นใหม่เปิดตัวอย่างน้อย 1 รุ่น ที่ยังไม่เคยทำตลาดในไทยมาก่อน
“รถรุ่นใหม่คาดว่าจะเปิดตัวได้ในช่วงเดือนหน้า โดยจะเป็นรถที่ไม่เน้นยอดขายแต่จะมาเพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์เอ็มจี ส่วนแผนงานอื่นๆ นั้นยังคงดำเนินตามกำหนดเดิม รถยนต์ไฟฟ้าน่าจะมาประกอบในประเทศไทยได้ราวปลายปีหน้าหรือต้นปี 2022 ซึ่งโรงงานประกอบรถยนต์ของเอ็มจีกลับมาผลิตตามปกติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยไม่มีการให้พนักงานออกแต่อย่างใด”
อนึ่ง การเข้ามาทำตลาดในไทยของ เกรทวอลล์ มองว่าเป็นเรื่องที่ดี ถือว่ามาช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า รวมถึงการที่แบรนด์อื่นๆ เปิดตัวรถใหม่ในแบบเอสยูวีเช่น โตโยต้า โคโรลล่า ครอส และนิสสัน คิกส์ นั้นนับว่าเป็นสิ่งที่ดีเช่นเดียวกัน เนื่องจากทำให้ตลาดเอสยูวีเติบโตและมีทางเลือกให้ลูกค้ามากขึ้น