จุดเริ่มต้นของตำนานรถ Custom Bobber เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 1985 เมื่อฮอนด้าเปิดตัว Rebel หรือ CMX250 สู่สายตาสาธารณชนเป็นครั้งแรกของโลก พร้อมกับเสียงตอบรับที่ดีจากคนรุ่นใหม่ที่อยากเป็นเจ้าของมอเตอร์ไซค์เท่ ๆ สักคัน ด้วยดีไซน์ที่สวยงาม ราคาไม่แรง และขี่ง่าย ฮอนด้า Rebel รุ่นแรกยังได้รับการยอมรับจากสื่อมวลชนโดยเฉพาะนิตยสารสองล้อชั้นนำอย่าง Motorcyclist ยกย่องให้เป็นมอเตอร์ไซค์ที่สมบูรณ์แบบรุ่นหนึ่งที่มีอยู่ในตลาด ณ ขณะนั้นเลยทีเดียว
สิ่งสำคัญที่สุดอีกด้านหนึ่งที่ทำให้ ฮอนด้า Rebel ได้รับความนิยมมากก็คือ นี่คือรถครุยเซอร์ที่นำมาดัดแปลงในสไตล์ Bobber ได้อย่างสวยงามและหลากหลายมาก มีค่ายแต่งจำนวนมากที่ผลิตชุดแต่งออกมาให้เจ้าของรถได้เลือกกันไม่หวาดไม่ไหว
กว่า 3 ทศวรรษต่อมา ฮอนด้าได้เปิดตัว Rebel ออกมาอีกหลายรุ่นโดยเน้นไปที่เครื่องยนต์พิกัด 250 ซีซี ก่อนจะเข้าสู่ยุคโมเดิร์นของ Rebel ในปี 2017 ที่ตัวรถถูกออกแบบให้ดูร่วมสมัยมากขึ้นในสไตล์ Custom Bobber เน้นทำตลาดในพิกัด 300 และ 500 ซีซี วางจำหน่ายทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยในรูปแบบโกลบอลโมเดล
ล่าสุด ในปี 2020 นี้ ฮอนด้า Rebel ยังคงได้รับการพัฒนาให้เป็นที่สุดของ Custom Bobber ยุคใหม่ ด้วยการผสานเอกลักษณ์ความเท่สุดคลาสสิกและเทคโนโลยีอันทันสมัยรอบคัน ภายใต้แนวคิด “Express Yourself เท่ให้ถึงแก่น” โดยมีจุดเด่นอยู่ที่ชุดไฟ LED ทั้งคัน และติดตั้งระบบแอซซิสท์/สลิปเปอร์คลัชท์ (Assist/Slipper Clutch) เพื่อให้การขับขี่มีความนุ่มนวลที่สุด
ด้านขุมพลังของ New Honda Rebel เวอร์ชันล่าสุดนี้ ยังคงมีให้เลือก 2 ขนาดเช่นเคย ได้แก่เครื่องยนต์ขนาด 500 ซีซี สองสูบ เพื่อคนที่ชอบขับขี่ท่องเที่ยวทางไกล และเครื่องยนต์ขนาด 300 ซีซี สูบเดียว ที่เน้นไปที่การขับขี่ในเมือง และใช้ระบบเบรก ABS ทำงานร่วมกับดิสก์เบรกหน้า-หลัง
เอ.พี. ฮอนด้า วางจำหน่าย New Honda Rebel Series ผ่านสองช่องทาง โดย Rebel 500 มีวางจำหน่ายที่ศูนย์ ฮอนด้า BigWing ด้วยราคาแนะนำที่ 222,780 บาท และ Rebel 300 วางจำหน่ายที่ศูนย์จำหน่ายและบริการ ฮอนด้า Wing Center ด้วยราคาแนะนำที่ 146,830 บาท
ผู้ที่สนใจรถระดับตำนานรุ่นนี้ สามารถเข้าไปติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.hondabigbike.com และ www.aphonda.co.th