xs
xsm
sm
md
lg

Future of Mobility นิยามที่ไม่เหมือนใครของ BMW ในงาน CES 2020

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมื่อต้นปีที่ผ่านมา BMW ได้แสดงวิสัยทัศน์ในงาน CES 2020 ที่ซึ่งผู้ร่วมออกบูธส่วนใหญ่โชว์เทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติไร้คนขับ แต่ BMW มีมุมมองที่ต่างออกไป พวกเขาโฟกัสไปที่ผู้โดยสาร ความสะดวกสบายในการเดินทาง เทคโนโลยีอัจฉริยะที่พร้อมตอบสนองทุกความต้องการในขณะเดินทาง ความปลอดภัยในทุกอิริยาบถ นี่คือ Future of Mobility ที่ BMW ต้องการสื่อสารผ่าน BMW i3 Urban Suite , BMW i Interaction EASE , BMW X7 ZeroG Lounger และ 5G



เน้นสบาย นั่งรถเหมือนนั่งเล่น

“ความสบาย” คือโจทย์ข้อแรก และเพื่อพิสูจน์ว่าซิตี้คาร์ก็นั่งสบายได้ไม่แพ้รถไซส์ใหญ่เหมือนกัน BMW จึงจัดการแปลงโฉมรถที่เคยนั่งได้ 4-5 คน มาเป็น BMW i3 Urban Suite ที่นั่งได้แค่ 2 คน เป้าหมายคือเพื่อให้ผู้โดยสารนั่งสบายที่สุด โดยไม่ต้องไปยุ่งอะไรกับโครงสร้างตัวถัง




เบาะหน้าถูกยกออกไป เปลี่ยนเป็นที่วางขาแทน มีปุ่มกดให้เลื่อนเดินหน้าถอยหลังได้ เพื่อตำแหน่งที่ดีที่สุด สบายที่สุด มีการปรับสภาพแวดล้อมให้เหมือนกับนั่งเล่นพักผ่อนอยู่ในห้อง ไม่ว่าผู้โดยสารจะนั่งรถนานแค่ไหน เมื่อถึงจุดหมายก็ทำภารกิจต่อได้โดยไม่เหนื่อยล้าอ่อนเพลีย








ที่นั่งด้านหลัง ครึ่งหนึ่งถูกเปลี่ยนให้เป็นโต๊ะทำงาน พร้อมโคมไฟ และที่วางกระเป๋า เช่น กระเป๋าโน้ตบุ๊ก กระเป๋าเอกสาร หลังเบาะคนขับมีที่แขวนสำหรับแขวนเสื้อสูท อีกครึ่งถูกทำเป็นเบาะนั่งที่มีความนุ่มสบายคล้ายโซฟา พร้อมเทคโนโลยีขจัดเสียงรบกวนบริเวณหมอนรองศีรษะ มีเข็มขัดนิรภัยตามมาตรฐาน ส่วนบริเวณเพดานเป็นที่อยู่ของจอภาพขนาดใหญ่ สามารถกางออกเพื่อรับชมความบันเทิงหรือควบคุมสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ได้




ด้านความบันเทิง ระบบสามารถเชื่อมต่อกับ Amazon Fire TV ได้ รวมถึงสามารถ mirror หน้าจอโทรศัพท์มือถือไปแสดงบนจอภาพได้ คอนโซลกลางมีที่วางแก้ว พร้อมระบบปรับอุณหภูมิร้อนเย็น มีที่เสียบซิมการ์ดที่รองรับเทคโนโลยี 5G ทั้งหมดเป็นคอนเซ็ปต์ที่ยืนยันว่า ในอนาคตอันใกล้ การเดินทางโดยรถยนต์จะเป็นทางเลือกหนึ่งที่สะดวกสบายมาก ๆ

ฉลาดเป็นกรด แถมคุยสนุก



BMW i Interaction EASE เป็นเทคโนโลยีที่ทำให้เราสื่อสารกับรถได้ ในบูธ BMW มีการจำลองห้องโดยสารในรถอนาคต ที่เมื่อเข้าไปนั่งแล้ว จะสามารถสื่อสารหรือควบคุมการทำงานต่าง ๆ ของรถได้ เหมือนคนกำลังคุยกัน!!!




หัวใจสำคัญของ BMW i Interaction EASE อยู่ที่เทคโนโลยีตรวจจับใบหน้าและสายตาที่มีการใช้ AI เข้ามาช่วย รถสามารถอ่านสีหน้าและสายตาของเราได้ จากนั้นนำข้อมูลไปประมวลผลและแปลความหมาย จนรู้และเข้าใจว่าเรากำลังต้องการอะไรหรือกำลังสั่งให้มันทำอะไร และตอบสนองกลับผ่านทางจอภาพหรือระบบเสียง เช่น มองสิ่งที่อยู่นอกรถ แล้วระบบแสดงข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งนั้นออกมาแบบเรียลไทม์ หรือรู้ว่าเอาอันนี้ ไม่เอาอันนั้น จากการอ่านสายตา เป็นต้น




BMW เรียกการสื่อสารลักษณะนี้ว่า Natural Interaction โดยยืนยันว่า การโต้ตอบที่เป็นธรรมชาติกับรถอนาคตกำลังพัฒนาสู่ขั้นถัดไปอย่างเป็นทางการ

ปลอดภัย ไร้น้ำหนัก



BMW X7 ZeroG Lounger เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของ BMW ในงาน CES 2020 จะเรียกว่าเป็นเบาะนั่งแห่งอนาคตก็ได้ ZeroG ย่อมาจาก Zero Gravity แปลว่าสภาวะไร้น้ำหนัก ไม่ได้หมายความว่านั่งแล้วลอยได้ แต่สื่อความหมายว่า BMW X7 ZeroG Lounger เป็นเบาะนั่งที่นั่งสบายที่สุด เหมือนกำลังลอยอยู่ในอวกาศเลยทีเดียว




ความพิเศษของ BMW X7 ZeroG Lounger อยู่ที่การเอนเบาะ เบาะรถยนต์ทั่วไปที่เราคุ้นเคยจะเอนได้เฉพาะพนักพิงหลัง แต่ ZeroG Lounger เอนทั้งตัว ทั้งพนักพิงหลังและเบาะนั่ง ไปด้วยกันทั้งชุด เหมือนกับว่าเรากำลังลอยอยู่เหนือพื้น BMW บอกว่าท่านั่งลักษณะนี้จะทำให้ผู้นั่งเกิดความสบายสูงสุด




แต่ปัญหาอยู่ที่ความปลอดภัย ทุกคนคงเคยประสบกับตัวเองมาแล้ว เวลาที่เอนเบาะแล้วเข็มขัดนิรภัยหลวม หรือไม่กระชับ หรือไม่อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม รวมไปถึงระยะห่างจากถุงลมนิรภัยด้วย คำถามคือทำอย่างไรถึงจะปลอดภัยในทุก ๆ องศาของการเอน




BMW จึงจัดการย้ายทั้งเข็มขัดนิรภัยและถุงลมนิรภัยมาติดไว้ที่ตัวเบาะ ลักษณะนี้ เข็มขัดนิรภัยจะตรึงตัวคนนั่งไว้กับเบาะตลอดเวลาและในทุกองศาของการเอน และเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ถุงลมนิรภัยจะห่อหุ้มตัวคนนั่งไว้เกือบทุกส่วน ให้การปกป้องสูงสุด นั่นทำให้ BMW X7 ZeroG Lounger เป็นเบาะนั่งสำหรับอนาคตอย่างแท้จริง




BMW X7 ZeroG Lounger ยังทำให้ตำแหน่งที่นั่งสบายที่สุดในรถเปลี่ยนไป “เบาะเจ้านาย” จะย้ายจากเบาะหลังมาเป็นตำแหน่งด้านหน้าข้างคนขับแทน ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ BMW ใช้สาธิต BMW X7 ZeroG Lounger ในงาน CES ตำแหน่งดังกล่าวนอกจากเรื่องความสบายและความปลอดภัยแล้ว เรื่องทัศนวิสัยยังยอดเยี่ยม เพราะไม่มีเบาะหน้ามาบัง แถมยังมีพื้นที่ว่างสำหรับจอภาพขนาดใหญ่เพื่อความบันเทิงด้วย


ที่สำคัญ BMW X7 ZeroG Lounger สามารถใช้เป็นเบาะนั่งสำหรับตำแหน่งผู้ขับขี่ได้ BMW ให้เหตุผลว่า เพราะ BMW X7 ZeroG Lounger ถูกออกแบบมาให้รองรับรถในอนาคตที่สามารถขับเคลื่อนด้วยตัวเอง ดังนั้นเบาะนี้จึงสามารถนำไปติดตั้งในตำแหน่งหลังพวงมาลัย เปิดโอกาสให้ผู้ขับขี่เอนนอนพักขณะรถขับเคลื่อนด้วยตัวเอง หรือถ้าต้องการกลับมาขับด้วยตัวผู้ขับขี่เอง ก็สามารถปรับนั่งเพื่อบังคับพวงมาลัยได้ทันที


5G ต้องมา

BMW ยืนยันว่า 5G คือหัวใจของ Future of Mobility เพราะมันคือสิ่งจำเป็นสำหรับเทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติไร้คนขับ (ตั้งแต่ระดับ 3 ขึ้นไป) ระบบต่าง ๆ เช่น ระบบช่วยขับขี่ ระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติ ระบบเชื้อเพลิง และระบบอื่น ๆ ทุกอย่างต้องทำงานประสานกันแบบเรียลไทม์ ถ้าไม่มี 5G สิ่งนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ จุดนี้ BMW ยังได้ร่วมมือกับ HARMAN Samsung สนับสนุนระบบนำทางความแม่นยำสูง Global Navigation Satellite System (GNSS) เป็นรายแรกด้วย


วิสัยทัศน์ของ BMW ในงาน CES 2020 สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มการพัฒนารถยนต์ยุคใหม่ ซึ่งสามารถแบ่งออกไป 2 ทาง หนึ่งคือรถไร้มลภาวะ สองหนึ่งคือรถไร้คนขับ ทั้งสองทิศทางมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาทุกปี และในปีนี้ ภาพที่เห็นชัดเจนขึ้น จนเชื่อได้ว่าจะได้สัมผัสตัวจริงกันในไม่กี่ปีนี้แน่นอน


กำลังโหลดความคิดเห็น