รายงานข่าวจาก โฮลเด้น ออสเตรเลีย ประกาศยุติการทำตลาดแบรนด์ โฮลเด้น ในประเทศออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ อย่างเป็นทางการภายในสิ้นปี 2020 นี้ โดยระบุว่า บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ (GM)ซึ่งเป็นบริษัทแม่ที่ดูแลแบรนด์ โฮลเด้น ได้ประกาศยุติการทำตลาดดังกล่าว พร้อมกับเตรียมแผนการดูแลลูกค้าในลำดับต่อไป
ทั้งนี้การตัดสินใจดังกล่าวรายงานระบุว่า มีที่มาจากบอร์ดบริหารของ จีเอ็ม ที่อเมริกา ได้ตัดสินใจลงมติ เลิกทำตลาดรถพวงมาลัยขวา เนื่องจาก ผลการดำเนินที่ตกต่ำของตลาดรถพวงมาลัยขวาของจีเอ็มทั่วโลก ซึ่งก่อนหน้านี้จีเอ็มได้ยุติการทำตลาดไปแล้วไม่ว่าจะเป็นที่อังกฤษ, ญี่ปุ่นและ แอฟริกาใต้ เป็นต้น โดยคงเหลือเพียง ประเทศไทย, ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ เท่านั้น
ขณะที่ตลาดรถยนต์ของออสเตรเลียและนิวซีแลนด์มีขนาดที่เล็กมากไม่ถึง 1% ของตลาดโลก ดังนั้นการทุ่มทุนเพื่อพัฒนารถพวงมาลัยขวาจึงไม่คุ้มค่าการลงทุนอีกต่อไป เพราะจะต้องใช้เม็ดเงินเท่ากับการสร้างรถพวงมาลัยซ้าย แต่จำหน่ายได้น้อยกว่า โดยสัดส่วนการขายรถพวงมาลัยซ้ายทั่วโลกมีประมาณ 80% ส่วนพวงมาลัยขวาราว 20%
ซึ่งมีรายงานข่าวระบุ การตัดสินใจครั้งนี้มีขึ้นอย่างกระชั้นชิด ก่อนหน้าที่มีการประกาศเพียง 48 ชั่วโมง ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้ล่วงหน้าถึงวิกฤตการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยมีการประเมินว่าจะมีพนักงานประมาณ 600-800 คน จะต้องตกงานจากการประกาศดังกล่าว และจะมีพนักงานเหลือเพียง 200 คน เพื่อดูแลการบริการหลังการขายที่ต้องมีอยู่ต่อเนื่องอีก 10 ปี นับจากนี้
อนึ่ง การประกาศดังกล่าว สอดคล้องกับการที่ จีเอ็ม ประกาศยุติการทำตลาดเชฟโรเลต ในประเทศไทย ในวันนี้ (17 กุมภาพันธ์) ด้วย โดยในประเทศไทยคาดว่าจะมีผู้ได้รับผลกระทบจากการตกงานราว 1,500 คน
ทั้งนี้การตัดสินใจดังกล่าวรายงานระบุว่า มีที่มาจากบอร์ดบริหารของ จีเอ็ม ที่อเมริกา ได้ตัดสินใจลงมติ เลิกทำตลาดรถพวงมาลัยขวา เนื่องจาก ผลการดำเนินที่ตกต่ำของตลาดรถพวงมาลัยขวาของจีเอ็มทั่วโลก ซึ่งก่อนหน้านี้จีเอ็มได้ยุติการทำตลาดไปแล้วไม่ว่าจะเป็นที่อังกฤษ, ญี่ปุ่นและ แอฟริกาใต้ เป็นต้น โดยคงเหลือเพียง ประเทศไทย, ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ เท่านั้น
ขณะที่ตลาดรถยนต์ของออสเตรเลียและนิวซีแลนด์มีขนาดที่เล็กมากไม่ถึง 1% ของตลาดโลก ดังนั้นการทุ่มทุนเพื่อพัฒนารถพวงมาลัยขวาจึงไม่คุ้มค่าการลงทุนอีกต่อไป เพราะจะต้องใช้เม็ดเงินเท่ากับการสร้างรถพวงมาลัยซ้าย แต่จำหน่ายได้น้อยกว่า โดยสัดส่วนการขายรถพวงมาลัยซ้ายทั่วโลกมีประมาณ 80% ส่วนพวงมาลัยขวาราว 20%
ซึ่งมีรายงานข่าวระบุ การตัดสินใจครั้งนี้มีขึ้นอย่างกระชั้นชิด ก่อนหน้าที่มีการประกาศเพียง 48 ชั่วโมง ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้ล่วงหน้าถึงวิกฤตการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยมีการประเมินว่าจะมีพนักงานประมาณ 600-800 คน จะต้องตกงานจากการประกาศดังกล่าว และจะมีพนักงานเหลือเพียง 200 คน เพื่อดูแลการบริการหลังการขายที่ต้องมีอยู่ต่อเนื่องอีก 10 ปี นับจากนี้
อนึ่ง การประกาศดังกล่าว สอดคล้องกับการที่ จีเอ็ม ประกาศยุติการทำตลาดเชฟโรเลต ในประเทศไทย ในวันนี้ (17 กุมภาพันธ์) ด้วย โดยในประเทศไทยคาดว่าจะมีผู้ได้รับผลกระทบจากการตกงานราว 1,500 คน