มาสด้า ซีเอ็กซ์-8 เปิดตัวสู่ตลาดโลกในช่วงปลายปี 2017 และเป็นรุ่นเรือธงที่จำหน่ายในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า รุ่นนี้พัฒนาขึ้นมาจากพื้นฐานของรุ่น ซีเอ็กซ์-9 แต่เน้นในเรื่องของความสปอร์ตและขนาดที่เล็กลงกว่าซีเอ็กซ์-9 สำหรับเมืองไทย มาสด้าประกาศจะทำตลาดซีเอ็กซ์-8 ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2018 แต่แล้วด้วยเงื่อนไขที่ต้องรอการผลิตจากโรงงานมาสด้าที่ประเทศมาเลเซีย ทำให้การเปิดตัวในประเทศไทยล่วงเลยมาจนถึงปลายปี 2019 แต่ยังนับว่าไม่สายเกินไปนัก หลังเปิดตัวเพียงหนึ่งสัปดาห์ มาสด้า ได้เชิญสื่อมวลชนเข้าร่วมทริปทดลองขับ ซีเอ็กซ์-8 เส้นทาง เชียงใหม่-เชียงราย บนถนนที่เต็มไปด้วยความคดเคี้ยวและโค้งขึ้นเขา ไปชมกันดูว่า มาสด้า ซีเอ็กซ์-8 จะทำผลงานได้ดีเพียงใด
2 ทางเลือก เบนซิน-ดีเซล
รูปโฉมภายนอกนั้น มาสด้ายังคงยึดแนวทาง โคโดะ ดีไซน์ (Kodo Design) เช่นเดียวกับทุกรุ่น ดังนั้น ภาพรวมของรูปทรงและเส้นสายต่างๆ จึงใกล้เคียงกันมากๆ โดยเฉพาะกับรุ่น ซีเอ็กซ์-5 โฉมปัจจุบัน เพราะซีเอ็กซ์-5 นั้น ออกมาในเวลาไล่เลี่ยกัน แต่ซีเอ็กซ์-8 จะยาวกว่า และมีการปรับปรุงในส่วนของรูปทรงด้านหลังที่ลู่ลมมากกว่า
เส้นสายต่างๆ ซีเอ็กซ์-8 ให้ความรู้สึกที่โฉบเฉี่ยวกว่า ซีเอ็กซ์-5 ด้วยเหตุผลง่ายๆ จากการเเปิดตัวหลังซีเอ็กซ์-5 ราว 1 ปี ดังนั้นในแง่ของการพัฒนาผลิตภัณฑ์แล้ว ซีเอ็กซ์-8 ย่อมต้องได้รับการปรับเพิ่มและเสริมสิ่งต่างๆ ให้ดีขึ้นกว่าเดิม และยิ่งเป็นรุ่นเรือธง (รุ่นสูงสุด ดีที่สุด) ของแบรนด์ด้วยแล้วนั้น ออพชันที่ใส่มาให้จึงเรียกว่าจัดเต็มที่สุด ตามวงรอบของเทคโนโลยี
การตกแต่งภายใน ดีไซน์เดียวกับรุ่น ซีเอ็กซ์-5 ซึ่งจะต่างจาก มาสด้า 3 ที่เพิ่งจะเปิดตัวไป มองไปที่คุณภาพของวัสดุต่างๆ และการตัดเย็บหากเทียบกับเวอร์ชันที่ญี่ปุ่นที่ผู้เขียนเคยทดลองขับมาแล้ว หรือเทียบกับมาสด้า 2 และมาสด้า 3 ที่ประกอบในประเทศไทย ยังต้องการความประณีตที่มากกว่านี้ จึงจะดูแล้วเทียบกับการประกอบรถในประเทศไทยได้
สำหรับมีจุดเด่นอยู่ที่รุ่นท็อปสุด 2.2 XDL Exclusive แบบ 6 ที่นั่ง ซึ่งมีเบาะนั่งแถวที่สองแบบ Captain Seat ดูแล้วหรูหรา กลายเป็นรถประจำตำแหน่งของผู้บริหารได้อย่างเหมาะสม ทั้งให้ผู้ติดตามนั่งทางด้านหลังแถวที่สามได้แบบสบายอีกด้วย ส่วนรุ่นอื่นๆ นั้นจะเป็นแบบ 7 ที่นั่ง สามแถวทั้งหมด
หัวใจมี 2 ทางเลือกหลัก คือ เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 2.5 ลิตร กำลังสูงสุด 194 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 258 นิวตันเมตร และ เครื่องยนต์แบบดีเซล ขนาด 2.2 ลิตร กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ทุกรุ่นส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีด คันแร่งไฟฟ้า และพวงมาลัยไฟฟ้า (EPAS) ระบบขับเคลื่อนล้อหน้าใน 3 รุ่นย่อย และแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (All Wheel Drive) เฉพาะรุ่นท้อปสุดเพียงรุ่นเดียว
ขับนิ่ง เร่งดี แถว 3 นั่งสบาย
การทดลองขับนั้น เราถูกวางตัวให้ขับในรุ่นดีเซลท็อปสุด 2.2 XDL Exclusive สีแดงพิเศษของทางมาสด้า ตำแหน่งแรกสุดที่ผู้เขียนเลือกในการนั่งคือ เบาะนั่งแถวที่สาม เพื่อลองดูว่าจะสบายหรือเมื่อยแค่ไหน ที่สำคัญคือ เป็นการขับจากในเมืองเชียงใหม่ มุ่งหน้าไปเชียงรายที่มีเส้นทางขึ้น-ลงเขาที่คดเคี้ยวอยู่ด้วย
สารภาพตามตรง ตอนที่ขึ้นไปนั่งตำแหน่งแถวที่สาม ลืมนึกไปว่าเขาให้ขับเป็นขบวนกึ่งฟรีรัน ระยะทางจากจุดแรกถึงจุดเปลี่ยนคนขับคือ 77 กม. นั่นหมายความว่า ผู้เขียนต้องนั่งกันยาวๆ กว่า หนึ่งชั่วโมง ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้คือ ไม่ต้องร้องขอย้ายตำแหน่ง เราสามารถนั่งได้อย่างสบาย ด้วยส่วนสูงของผู้เขียนที่ 173 ซม. เข่าไม่ชัน แต่หากจะเอนหลังนอนเข่าจะชนเบาะหน้าพอดี
สำหรับแรงสะเทือนในการนั่งเบาะหลังแถวสามถือว่าน้อยกว่า รถที่มีสามแถวแบบนี้ในหลายๆ รุ่น โดยเฉพาะรถแบบพีพีวี ที่ผู้เขียนขอบอกตรงๆ ว่า ตัวผู้เขียนเองนั้นมักจะนั่งแถวสามได้ไม่นาน แต่สามารถนั่งอยู่ที่เบาะนั่งแถวสามของ ซีเอ็กซ์-8 ได้ระยะเวลาเกินหนึ่งชั่วโมง แถมบางช่วงของการขับซีเอ็กซ์-8 ยังเป็นเส้นทางโค้งขึ้น-ลงภูเขาด้วย เจอแรงเหวี่ยงระดับที่กระเป๋าเดินทางด้านหลังเคลื่อนที่ย้ายจากซ้ายไปชวาหลายรอบ แต่ผู้เขียนยังไม่เวียนหัว ถือว่า ประสบความสำเร็จ สอบผ่าน นั่งยาวได้สบาย
อีกสิ่งหนึ่งที่ทีมวิศวกรภูมิใจนำเสนอมากคือ เรื่องของการลดเสียงรบกวนจากภายนอก ด้วยการเสริมวัสดุดูดซับเสียงที่ด้านหลังและปรับการดีไซน์ให้ลดแรงต้านลง เพื่อให้คนที่นั่งเบาะแถวสามสามารถพูดคุยกับคนขับได้ด้วยระดับเสียงปกติ ไม่ต้องตะโกน เมื่อขับด้วยความเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม. ซึ่งจากการทดลองนั่งและคุย ซีเอ็กซ์-8 ทำได้เช่นนั้นจริงๆ แต่หากวิ่งเกินกว่า 120 กม./ชม. เสียงดังรบกวนมาครบทั้งลมและยางบดถนน
หลังจากนั้นเราเข้ามาประจำการในตำแหน่งผู้ขับขี่ กดคันเร่งออกตัวแบบไม่รอช้า การตอบสนองทันใจดีในทุกย่านความเร็ว จังหวะเร่งแซงมั่นใจ การทรงตัวที่ความเร็วสูงระดับ 140 กม./ชม. (ความเร็วสูงสุดที่เราขับในคราวนี้) ทำได้อย่างน่าประทับใจ ตัวรถนิ่ง เกาะถนนดี จังหวะเข้าโค้งมั่นใจ พวงมาลัยคมควบคุมเบามือ
จากการลองกดคันเร่งแบบคิกดาวน์หลายจังหวะ ตัวรถไม่ถึงกับพุ่งกระชากแบบซีเอ็กซ์-5 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเซ็ตรถด้วยความตั้งใจเพื่อรองรับการขับขี่ที่นุ่มนวล ไม่เน้นในเรื่องของความแรง สิ่งนี้คือปัจจัยหนึ่งที่ทำให้การนั่งเบาะแถวที่สาม รู้สึกสบายนั่นเอง
สำหรับการใช้งานฟังก์ชันต่างๆ ต้องสั่งการผ่านปุ่มคอนโทรลตรงคอนโซลกลาง เนื่องจากหน้าจอยังไม่เป็นระบบสัมผัส ส่วนเรือนไมล์ยังเป็นแบบเข็มตามปกติอยู่ ด้านระบบความปลอดภัยมีครบ รวมทั้งกล้องถอยและมองรอบคัน ช่วยให้การถอยจอดหรือเข้าที่จอดแคบๆ ได้อย่างสะดวกและมั่นใจเต็ม100%
จุดเด่นที่สุดของซีเอ็กซ์-8 ขอยกให้กับเบาะนั่งแถวที่สอง แบบกัปตันซีท 6 ที่นั่ง ที่ให้ความสบายและรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้บริหาร และหากเทียบกับเบาะนั่งแถวที่สองของซีเอ็กซ์-5 ด้วยแล้ว คุณจะเลือกนั่งแต่ซีเอ็กซ์-8 อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ สิ่งที่เราชอบที่สุดของการขับเจ้าซีเอ็กซ์-8 ดีเซล ไม่ใช่อัตราเร่ง ที่แม้จะมีแรงบิดมากถึง 450 นิวตันเมตร แต่เป็นองค์รวมของการขับซึ่งให้ความรู้สึกมั่นใจ และคล่องแคล่ว ไม่ต่างจากรถไซส์เล็ก รวมถึงการนั่งที่สบาย เรียกว่าเป็นรถที่เหมาะกับครอบครัวได้อย่างเต็มปาก
เหมาะกับใคร
มาสด้า ซีเอ็กซ์-8 ดีเซล 2.2 XDL Exclusive จะเป็นรถประจำตำแหน่งผู้บริหาร หรือรถประจำบ้านเพื่อคนในครอบครัว ก็สามารถตอบโจทย์ได้ตรงทั้งสองรูปแบบ บุคลิกแตกต่างจากรุ่นน้องซีเอ็กซ์-5 อย่างชัดเจน และด้วยราคาค่าตัวในรุ่นนี้ระดับ 2,069,000 บาท นั้น เทียบกับพีพีวี แล้วจ่ายแพงขึ้นอีกนิดแต่ชีวิตจะสบายขึ้นเกินกว่าส่วนต่างราคาแน่นอน สุดท้ายปัญหาของมาสด้าที่หลายคนกลัวนั้น ทีมผู้บริหารยืนยันว่า แก้ไขหมดเรียบร้อยแล้ว มั่นใจได้ด้วยการกล้ารับประกัน 5 ปีหรือ 150,000 กม. พร้อมฟรีค่าแรงเช็คระยะ 5 ปี อีกด้วย..