คริสเตียโน โรนัลโด (Cristiano Ronaldo) ยอดดาวยิงสัญชาติโปรตุเกสก็กลับมาฟอร์มฮ็อตอีกครั้ง และถูกพูดถึงจากแมทช์เปิดสนามฟุตบอลโลกที่ประเทศรัสเซียของทีมชาติโปรตุเกส เมื่อเขาซัดคนเดียว 3 ประตู รวมถึงฟรีคิกสุดสวยที่ช่วยทำให้ทีมรอดพ้นจากความพ่ายแพ้ให้กับสเปนในขณะที่ยังเหลือเวลาอีกแค่ 2 นาทีเท่านั้น
โอเค นั่นคือเรื่องในสนามของเขา และจากแมทช์นั้นทำให้โรนัลโด กลับมาอยู่ในวงสปอร์ตไลท์แห่งความสนใจอีกครั้ง เพราะผลงานที่ยอดเยี่ยม บวกกับอนาคตของตัวเองที่ยังไม่ได้ตัดสินอย่างเป็นทางการว่าจะอยู่กับทีม Real Madrid ต่อไปหรือไม่ แต่วันนี้เราคงไม่ขอพูดถึงเรื่องเขากับสนามฟุตบอล แต่เป็นเรื่องรถยนต์ของเขา ซึ่งหลายท่านคงทราบดีว่า โรนัลโด เป็นนักสะสมรถยนต์ตัวยง และมักจะมีรถสปอร์ตสวยๆ ออกมาให้เห็นอยู่เสมอ
แน่นอนว่าด้วยค่าเหนื่อยที่รับอยู่ราวๆ 16 ล้านบาทต่อสัปดาห์ มันไม่ใช่เรื่องยากเลยที่เขาจะช็อปแหลกเพื่อเลือกเอารถสปอร์ตคันสวยมาอยู่ในครอบครอง เรียกว่ารุ่นไหนที่กำลังเปิดตัว อีกไม่นานเราก็ได้เห็นมันเข้ามาอยู่ในคอลเลกชันของเขา ว่ากันว่ารถสปอร์ตที่เคยผ่านมือเขานั้นมีมากถึง19 คัน ซึ่งก็รวมถึง Ferrari 599GTB ที่เขาประสบอุบัติเหตุในระหว่างเดินทางอยู่ในเมือง Manchester ประเทศอังกฤษ เมื่อปี 2009 และถูกขายเป็นซากอยู่ใน Ebay หลังจากนั้นไม่นาน
รถสปอร์ตที่เคยอยู่ในครอบครองของ โรนัลโด ก็มีทั้งเพื่อนรุ่นพี่อย่าง BugattiVeyron RoadsterVitesse ตามด้วย Ferrari LaFerrari, Rolls-Royce Phantom, Ferrari 599GTO ซึ่งเหนือระดับกว่า GTB คันที่ประสบอุบัติเหตุ และคันนี้เขาซื้อมาอยู่ในครอบครองเมื่อปี 2011, Audi R8, Bentley Continental GT Speed, Lamborghini Aventadorและ McLaren MP4-12
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แค่ซูเปอร์คาร์ หรือรถยนต์ระดับไฮเอนด์เท่านั้น ในส่วนของรถสปอร์ตราคาธรรมดาที่คนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ โรนัลโด ก็มีด้วยเช่นกัน เช่น BMW M6, Maserati Gran Cabriolet, Chevrolet Camaro,Audi Q7, Range Rover, Porsche Cayenneและ 911Cabrio
ส่วนคันล่าสุดที่กลายเป็นคันโปรดและถูกโพสต์ลงใน IG บ่อยครั้ง คือ Bugatti Chiron คันสีเงิน ที่ทาง Bugatti เพิ่งเริ่มทยอยส่งมอบให้กับลูกค้าหลังจากเปิดตัวออกสู่ตลาดเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2017 และ โรนัลโด ก็เป็นหนึ่งในลูกค้าของพวกเขา โดย Chiron มาพร้อมสมรรถนะที่ไม่ธรรมดาจากเครื่องยนต์ W16 8,000 ซีซี เทอร์โบ 4 ตัว ที่มีกำลังมากกว่า 1,100 แรงม้า
สปอร์ตรุ่นนี้มากับค่าตัวในระดับ 2.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งไม่แพงเลยเมื่อดูจากรายได้ที่เขาได้รับ เอาเป็นว่าเตะบอลแค่ 2 เดือนก็ได้เป็นเจ้าของแล้ว
ถึงบรรทัดนี้ต้องบอกว่า อิจฉา คนข้างกายจังเลย