บอสใหญ่สนามช้างฯ เผยความพร้อมล่าสุดของการจัดศึกโมโตจีพีครั้งแรกในไทย ก่อนประเดิมรอบอุ่นเครื่องวินเทอร์เทสต์ ระหว่างวันที่ 16-18 กุมภาพันธ์นี้ ยืนยันความพร้อมมีเกิน 100 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะด้านความปลอดภัยของนักแข่ง หลังทำการปรับพื้นที่รันออฟใหม่ 4 โค้ง
ตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จำกัด เปิดเผยว่า ความพร้อมของสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ สำหรับการจัดแข่งขันจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก “โมโตจีพี” ครั้งแรกในไทย ระหว่างวันที่ 5-7 ตุลาคม 2561 ล่าสุดมีความพร้อมสมบูรณ์ในทุกองค์ประกอบอยู่แล้ว แต่เพื่อเน้นย้ำถึงความปลอดภัยสูงสุด ทางสนามจึงมีการปรับผังใหม่บางส่วน ก่อนเริ่มรอบวินเทอร์เทสต์ ระหว่างวันที่ 16-18 กุมภาพันธ์นี้
“เราไม่ได้ปรับรูปแบบสนาม ยังมีโค้งเท่าเดิม 12 โค้ง แต่มีการปรับรันออฟแอเรีย(Run-off area) หรือขยายพื้นที่เพื่อรองรับกรณีนักแข่งเกิดอุบัติเหตุหลุดโค้ง เพราะโมโตจีพีแจ้งมา เนื่องจากรถมีการทำความเร็วได้สูงกว่ารายการอื่นที่เราเคยจัดมาทั้งหมด” บอสใหญ่สนามช้างฯ กล่าวและว่า
“ทางสนามทำการเพิ่มรันออฟในโค้งที่ 1 และ 3 เพราะก่อนถึงสองโค้งนี้เป็นทางตรงยาว คาดว่าความเร็วรถแข่งวันนั้น 330-340 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ต้องมีให้เห็นแน่ รวมถึงในโค้งที่ 8 และ 12 ซึ่งเป็นโค้งวัดใจและเป็นซิกเนเจอร์ของสนามเราด้วย”
“ในส่วนความจุของสนาม ปัจจุบันรองรับได้อยู่ที่ประมาณ 3 หมื่นกว่าที่นั่งต่อวัน แต่ในช่วงจัดการแข่งขัน เราจะเพิ่มไซด์สแตนด์บริเวณรอบๆ เยอะมาก รวมเบ็ดเสร็จแล้วจะมีความจุต่อวันมากกว่า 6 หมื่นที่นั่ง และไม่ต้องห่วงสำหรับคนที่มา ถ้าซื้อบัตรไม่ทัน เรามีจำหน่ายบัตรที่สามารถเข้ามาร่วมชมบริเวณการจัดงาน ซึ่งสามารถดูการถ่ายทอดสดจากจอใหญ่ข้างนอกสนามได้เช่นกัน”
“ถ้าให้ประเมินตอนนี้ เราคิดว่าพร้อมแล้วเกิน 100 เปอร์เซ็นต์ครับ” ตนัยศิริ กล่าว
ทั้งนี้ สำหรับสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นสนามความเร็วทางเรียบในระดับโลก มาตรฐาน FIA Grade 1 และ FIM Grade A มี RACE CONTROL ที่ทันสมัย มีระยะทางต่อรอบ 4.554 กิโลเมตร ทิศทางการวิ่งแบบตามเข็มนาฬิกา ประกอบด้วยจำนวนโค้งทั้งสิ้น 12 โค้ง ขวา 7 โค้ง และซ้าย 5 โค้ง สามารถใส่ความเร็วทางตรงได้สูงถึง 315 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และทางโค้งสูงถึง 280 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และถือว่าเป็นสนามแห่งแรกของโลก ที่มีมุมมองจากแกรนด์สแตนด์ สามารถชมเกมดวลความเร็วได้ครบทุกโค้ง.
ตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จำกัด เปิดเผยว่า ความพร้อมของสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ สำหรับการจัดแข่งขันจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก “โมโตจีพี” ครั้งแรกในไทย ระหว่างวันที่ 5-7 ตุลาคม 2561 ล่าสุดมีความพร้อมสมบูรณ์ในทุกองค์ประกอบอยู่แล้ว แต่เพื่อเน้นย้ำถึงความปลอดภัยสูงสุด ทางสนามจึงมีการปรับผังใหม่บางส่วน ก่อนเริ่มรอบวินเทอร์เทสต์ ระหว่างวันที่ 16-18 กุมภาพันธ์นี้
“เราไม่ได้ปรับรูปแบบสนาม ยังมีโค้งเท่าเดิม 12 โค้ง แต่มีการปรับรันออฟแอเรีย(Run-off area) หรือขยายพื้นที่เพื่อรองรับกรณีนักแข่งเกิดอุบัติเหตุหลุดโค้ง เพราะโมโตจีพีแจ้งมา เนื่องจากรถมีการทำความเร็วได้สูงกว่ารายการอื่นที่เราเคยจัดมาทั้งหมด” บอสใหญ่สนามช้างฯ กล่าวและว่า
“ทางสนามทำการเพิ่มรันออฟในโค้งที่ 1 และ 3 เพราะก่อนถึงสองโค้งนี้เป็นทางตรงยาว คาดว่าความเร็วรถแข่งวันนั้น 330-340 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ต้องมีให้เห็นแน่ รวมถึงในโค้งที่ 8 และ 12 ซึ่งเป็นโค้งวัดใจและเป็นซิกเนเจอร์ของสนามเราด้วย”
“ในส่วนความจุของสนาม ปัจจุบันรองรับได้อยู่ที่ประมาณ 3 หมื่นกว่าที่นั่งต่อวัน แต่ในช่วงจัดการแข่งขัน เราจะเพิ่มไซด์สแตนด์บริเวณรอบๆ เยอะมาก รวมเบ็ดเสร็จแล้วจะมีความจุต่อวันมากกว่า 6 หมื่นที่นั่ง และไม่ต้องห่วงสำหรับคนที่มา ถ้าซื้อบัตรไม่ทัน เรามีจำหน่ายบัตรที่สามารถเข้ามาร่วมชมบริเวณการจัดงาน ซึ่งสามารถดูการถ่ายทอดสดจากจอใหญ่ข้างนอกสนามได้เช่นกัน”
“ถ้าให้ประเมินตอนนี้ เราคิดว่าพร้อมแล้วเกิน 100 เปอร์เซ็นต์ครับ” ตนัยศิริ กล่าว
ทั้งนี้ สำหรับสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นสนามความเร็วทางเรียบในระดับโลก มาตรฐาน FIA Grade 1 และ FIM Grade A มี RACE CONTROL ที่ทันสมัย มีระยะทางต่อรอบ 4.554 กิโลเมตร ทิศทางการวิ่งแบบตามเข็มนาฬิกา ประกอบด้วยจำนวนโค้งทั้งสิ้น 12 โค้ง ขวา 7 โค้ง และซ้าย 5 โค้ง สามารถใส่ความเร็วทางตรงได้สูงถึง 315 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และทางโค้งสูงถึง 280 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และถือว่าเป็นสนามแห่งแรกของโลก ที่มีมุมมองจากแกรนด์สแตนด์ สามารถชมเกมดวลความเร็วได้ครบทุกโค้ง.