หลังจากเผยโฉมเวอร์ชันต้นแบบพร้อมกับเรียกเสียงฮือฮาได้ทั้งคอกระบะตัวจริง และแฟน Benz ที่อยากได้รถยนต์อเนกประสงค์แต่ยังคงภาพลักษณ์สุดหรูเอาไว้ ในที่สุดค่ายดาว 3 แฉกก็เผยโฉมคันจริงของ X-Class ซึ่งเป็นสายพันธุ์กระบะรุ่นแรกของเครือออกมาแล้ว พร้อมกับหน้าตาที่เปลี่ยนแปลงจากรุ่นต้นแบบพอประมาณ
X-Class ถือเป็นโปรเจ็กต์ที่เกิดจากข้อตกลงทางด้านความร่วมมือระหว่าง Daimler กับพันธมิตรอย่าง Nissan-Renault Alliance ในการแลกเปลี่ยน Know How และพื้นฐานทางวิศวกรรมของรถยนต์ที่แต่ละฝ่ายอาจจะยังขาดอยู่เพื่อมาเติมเต็มช่องว่างในตลาดที่ไม่มี โดยทาง Benz เผยโฉมต้นแบบ 2 สไตล์ของ X-Class ออกมาให้เห็นเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา
ในแง่ของพื้นฐานทางวิศวกรรมนั้น แม้ว่าทาง Benz จะไม่ได้บอกรายละเอียดที่ชัดเจน แต่เป็นที่แน่ชัดว่า X-Class เป็นผลผลิตที่ต่อยอดในการพัฒนามาจากพื้นฐานของปิกอัพรุ่น Navara ของ Nissan ซึ่งนอกจาก Benz แล้ว ทางเพื่อนร่วมค่ายอย่าง Renault ยังนำไปพัฒนาเพื่อขายในตลาดอเมริกาใต้ด้วยชื่อ Alsakan อีกด้วย
สำหรับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับรูปลักษณ์ภายนอก แน่นอนว่างานนี้มีการเปลี่ยนรายละเอียดของชุดไฟหน้ามาเป็นทรงเหลี่ยมที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และใช้หลอดแบบ LED ที่เหมาะสมกับการใช้งานจริงมากขึ้น รวมถึงมีการปรับกระจังหน้าใหม่ให้มีลวดลายที่สอดรับกับเอกลักษณ์ของกระจังหน้าของรถยนต์ Benz ที่จำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน
ส่วนด้านท้ายงานนี้มีการปรับเปลี่ยนฝาท้ายใหม่หมด เพราะรุ่นต้นแบบนั้นออกแบบมาเน้นความล้ำสมัย แต่ในแง่การใช้งานจริงอาจจะลำบาก ดวงไฟท้ายเปลี่ยนมาเป็นทรงเหลี่ยมตั้ง และที่เปิดฝาท้ายติดตั้งอยู่ตรงกลางของฝากระบะ และในเมื่อเป็นการพัฒนามาจากพื้นฐานของกระบะแท้ๆ การรับมือกับงานหนักจึงไม่ใช่เรื่องยาก โดยตัวรถสามารถรองรับน้ำหนักได้ 1 ตันตามมาตรฐานของยุโรป หรือพูดง่ายๆ คือบรรทุกถังเบียร์ได้ 17 ถัง และสามารถลากจูงสัมภาระหรือรถบ้านที่มีน้ำหนักได้ 1.6-3.5 ตัน
มิติตัวถังเท่าที่มีการเปิดเผยออกมา X-Class จะมากับระยะฐานล้อที่ยาวถึง 3,150 มิลลิเมตร และตัวถังที่มีความยาวในระดับ 5,340 มิลลิเมตร สูง 1,819 มิลลิเมตร โดยล้อแม็กที่ติดมาจากโรงงานนั้นมีให้เลือกทั้งแบบ 17-18 และ 19 นิ้วขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย
แน่นอนว่าภายในห้องโดยสารของตัวรถมาพร้อมกับความหรูเต็มพิกัด และจัดเต็มในแง่ความสะดวกสบาย โดยในรุ่นพื้นฐานจะมีเบาะผ้ามาให้เลือก แต่รุ่นท็อปเน้นการตกแต่งด้วยความหรูของชุดหนัง และมีระบบอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น ระบบปรับอากาศแบบแยกฝั่ง ระบบ COMMNAD แบบออนไลน์สามารถสั่งการด้วยเสียง ระบบ KEYLESS GO
ในช่วงแรกของการทำตลาดจะมีเครื่องยนต์ให้เลือก 3 แบบคือ X200 แบบเบนซิน 4 สูบ 2,000 ซีซี เทอร์โบเบนซิน 165 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 24.2 กก.-ม. และอีก 3 รุ่นเป็นเทอร์โบดีเซล คือ ใช้เครื่องยนต์ 2,300 ซีซีรุ่นใหม่เป็นพื้นฐาน ถ้าเป็นรุ่น X220d มาแบบเทอร์โบเดี่ยว 163 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 40.3 กก.-ม.และ X250d ที่ใช้เครื่องยนต์เทอร์โบคู่ รีดกำลังเพิ่มขึ้นเป็น 190 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 45.8 กก.-ม. ถ้าไม่ชอบอารมณ์การตอบสนองการกระแทกคันเร่ง ก็ต้องขยับมารุ่น X350d วี6 3,000 ซีซี เทอร์โบ 258 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 46.0 กก.-ม. ทำงานร่วมกับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ หรืออัตโนมัติ 7 จังหวะ
ระบบขับเคลื่อนมีทั้งแบบล้อหลัง และ 4 ล้อแบบ 4MATIC โดยตามสเปกที่ระบุมานั้น X-Class สามารถลุยน้ำในระดับ 60 เซ็นติเมตร มีพื้นที่ว่างใต้ท้องรถ 202 และ 221 สำหรับเพลาหน้าและหลัง ในแง่ของการลุยนั้นมีมุมไต่ 28.8 องศา และมุมจาก 23.8 องศา ส่วนมุมคร่อมอยู่ที่ 20.4 องศา และจะเพิ่มเป็น 22 องศาหากติดตั้งชุดอัพเกรดความสูงจากโรงงานที่ Benz ผลิตออกมาเป็นทางเลือก พร้อมเพิ่มความสะดวกด้วยระบบ DYNAMIC SELECT ที่มีการปรับการทำงานของระบบที่เกี่ยวข้องต่อการขับเคลื่อนตามรูปแบบที่ต้องการ ซึ่งแบ่งออกเป็น 5 แบบ คือ C-Comfort, E-ECO, S-Sport, M-Manual และO-Off road
ในด้านความนุ่มนวลนั้นไม่ต้องเป็นห่วงเพราะมีการปรับเซ็ตระบบช่วงล่างใหม่มาเป็นแบบอิสระ ปีกนกที่ด้านหน้า และ Multilink Solid ที่ด้านหลัง โดยจะมีการใช้คอยล์สปริงทั้งด้านหน้าและหลัง พร้อมดิสก์เบรก 4 ล้อ
เปิดตัวออกมาแล้วแต่จะเริ่มส่งมอบให้กับลูกค้าในยุโรปได้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนนี้ โดยฐานการผลิตจะอยู่ที่โรงงานของ Nissan Renault Alliance ซึ่งตั้งอยู่ที่ยุโรป และแอฟริกาใต้ โดยในยุโรปตั้งราคาเอาไว้ที่ 37,294 ยูโร หรือ 1.49 ล้านบาท ส่วนตลาดอื่นๆ ที่จะเปิดตัวขายตามมาเท่าที่มีการเปิดเผย ณ ตอนนี้ คือ ออสเตรเลีย อาร์เจนตินา บราซิล และแอฟริกาใต้ ที่เหลือต้องรอลุ้นเอาว่าจะมีหรือไม่
ส่วนเมืองไทยเมอร์เซเดส-เบนซ์ ไม่มีแผนที่จะนำเข้ามาจำหน่ายค่ะ