นี่คือการปรับโฉมครั้งแรกนับตั้งแต่เปิดตัว “ฮอนด้า แจ๊ซ” เจเนอเรชันที่ 3 ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น รุ่นปฏิวัติ เพราะเปิดตัวมาในวันที่ คสช. รวบหัวรวบหางเปิดปฏิบัติการพอดิบพอดี จึงกลายเป็นเรื่องที่จดจำไปตลอดนับตั้งแต่รถรุ่นนี้เข้ามาสู่แวดวงยานยนต์ไทย สำหรับการปรับโฉมในครั้งนี้ มีอะไรใหม่บ้าง ไปดูกันพร้อมกับบททดลองขับแบบสั้นๆ เส้นทางวิ่งผ่านกลางกรุงเช้าวันทำงานปกติ
เปลี่ยนหน้า ปรับท้าย ด้ายส้ม
มาว่ากันด้วยเรื่องของสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปในการไมเนอร์เชนจ์ล่าสุด จุดแรกที่เห็นเด่นชัดคือ กระจังหน้าลายใหม่ ,กันชนหน้า และหลังดีไซน์ใหม่หมด , เบาะผ้าลายใหม่, ล้ออัลลอยลายใหม่ และปรับเปลี่ยนขนาดของหน้าจอจากเดิม 7 นิ้ว ลงมาเหลือ 6.8 นิ้ว ทั้งหมดนี้คือการปรับของทุกรุ่น
นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มเติมรุ่น RS และ RS+ เข้ามาในไลน์การขาย ซึ่งจะมีสิ่งที่แตกต่างเพิ่มเข้ามาได้แก่ ไฟหน้าแบบส่องสว่างในเวลากลางวัน (Daytime Running Light-DRL) , กระจกมองข้างสีดำ, ล้ออัลลอยลายเดิมแต่เปลี่ยนสีใหม่, เบาะเดินด้ายสีส้ม เพิ่มความเป็นสปอร์ต , เปลี่ยนสีไฟของปุ่มสตาร์ทจากขาวเป็นแดง พร้อมด้วย สัญลักษณ์ RS รอบคัน
ขณะที่รุ่น V และ V+ จะมีการติดตั้งระบบไฟส่องสว่างเวลากลางวันไว้ในไฟตัดหมอกด้านล่าง ต่างจากรุ่น RS,RS+ ที่จะอยู่ในดวงโคมไฟหน้า ส่วนรุ่น S MT, S CVT จะไม่มีระบบไฟส่องสว่างเวลากลางวัน
ด้านความปลอดภัย ทุกรุ่นมาครบกับระบบเบรก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD , ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง VSA ,ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA และ ระบบสัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อรถเบรกกะทันหัน ESS ส่วนถุงลมนิรภัยคู่หน้าจะมีเป็นมาตรฐานในทุกรุ่น และพิเศษเฉพาะรุ่น RS+ จะมีเพิ่มถุงลมนิรภัยด้านข้างและม่านถุงลมด้านข้าง รวมแล้วทั้งหมด 6 ตำแหน่ง พร้อมกล้องมองภาพด้านหลังปรับมุมมองได้ 3 ระดับ(เฉพาะรุ่น V+, RS, RS+)
วิ่งในเมือง เรื่องถนัดแจ๊ซ
ฮอนด้า วางเส้นทางการขับให้เราผ่านทะลุกลางกรุงเทพฯ จากฝั่งบางนาไปวนรอบถึงฝั่งบางบัวทองแล้วอ้อมมาฝั่งธนบุรี ก่อนจะกลับมาจบที่บางนาอีกครั้ง กล่าวโดยรวม เครื่องยนต์ยังเป็นตัวเดิม ช่วงล่างและทุกอย่างไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.5 ลิตร ขุมพลัง 117 แรงม้า แรงบิด 146 นิวตันเมตร ผสานการทำงานกับเกียร์อัตโนมัติ CVT คือ ความลงตัวของการขับขี่แบบในเมือง ทั้งพละกำลังและความคล่องตัวที่เหมาะเจาะกับการใช้งานท่ามกลางความพลุกพล่านของวิถีคนกลางเมือง
แน่นอนว่าด้วนสไตล์การสร้างรถของฮอนด้า จะไม่ทิ้งในเรื่องของความเป็นสปอร์ต ดังนั้นเราจึงยังเห็นระบบการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยแบบ 7 สปีด เอาไว้รองรับคุณพ่อบ้านหรือคุณแม่บ้านที่อยากสนุกในเวลาพิเศษหรือจะเอาไว้ช่วยขณะเร่งแซงให้ทันท่วงทีก็ใช้งานได้อย่างง่ายดาย
จุดเด่นอีกประการคือ การเติมน้ำมันเชื้อเพลิงชนิด อี85 ได้ ทำให้ได้ผลลัพท์ในแง่ของความประหยัดจากราคาน้ำมันที่ถูกกว่าชนิดอื่นเข้ามาช่วยอีกแรงหนึ่ง
ฮอนด้า แจ๊ซ ใหม่ มากับทางเลือก 6 รุ่นย่อย ได้แก่ S MT 555,000 บาท, S CVT 594,000 บาท, V 654,000 บาท , V+694,000 บาท, RS 739,000 บาท และ RS+ 754,000 บาท โดยมีให้เลือก 6 สีสัน สีใหม่คือ สีส้มฟีนิกซ์
เปลี่ยนหน้า ปรับท้าย ด้ายส้ม
มาว่ากันด้วยเรื่องของสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปในการไมเนอร์เชนจ์ล่าสุด จุดแรกที่เห็นเด่นชัดคือ กระจังหน้าลายใหม่ ,กันชนหน้า และหลังดีไซน์ใหม่หมด , เบาะผ้าลายใหม่, ล้ออัลลอยลายใหม่ และปรับเปลี่ยนขนาดของหน้าจอจากเดิม 7 นิ้ว ลงมาเหลือ 6.8 นิ้ว ทั้งหมดนี้คือการปรับของทุกรุ่น
นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มเติมรุ่น RS และ RS+ เข้ามาในไลน์การขาย ซึ่งจะมีสิ่งที่แตกต่างเพิ่มเข้ามาได้แก่ ไฟหน้าแบบส่องสว่างในเวลากลางวัน (Daytime Running Light-DRL) , กระจกมองข้างสีดำ, ล้ออัลลอยลายเดิมแต่เปลี่ยนสีใหม่, เบาะเดินด้ายสีส้ม เพิ่มความเป็นสปอร์ต , เปลี่ยนสีไฟของปุ่มสตาร์ทจากขาวเป็นแดง พร้อมด้วย สัญลักษณ์ RS รอบคัน
ขณะที่รุ่น V และ V+ จะมีการติดตั้งระบบไฟส่องสว่างเวลากลางวันไว้ในไฟตัดหมอกด้านล่าง ต่างจากรุ่น RS,RS+ ที่จะอยู่ในดวงโคมไฟหน้า ส่วนรุ่น S MT, S CVT จะไม่มีระบบไฟส่องสว่างเวลากลางวัน
ด้านความปลอดภัย ทุกรุ่นมาครบกับระบบเบรก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD , ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง VSA ,ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA และ ระบบสัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อรถเบรกกะทันหัน ESS ส่วนถุงลมนิรภัยคู่หน้าจะมีเป็นมาตรฐานในทุกรุ่น และพิเศษเฉพาะรุ่น RS+ จะมีเพิ่มถุงลมนิรภัยด้านข้างและม่านถุงลมด้านข้าง รวมแล้วทั้งหมด 6 ตำแหน่ง พร้อมกล้องมองภาพด้านหลังปรับมุมมองได้ 3 ระดับ(เฉพาะรุ่น V+, RS, RS+)
วิ่งในเมือง เรื่องถนัดแจ๊ซ
ฮอนด้า วางเส้นทางการขับให้เราผ่านทะลุกลางกรุงเทพฯ จากฝั่งบางนาไปวนรอบถึงฝั่งบางบัวทองแล้วอ้อมมาฝั่งธนบุรี ก่อนจะกลับมาจบที่บางนาอีกครั้ง กล่าวโดยรวม เครื่องยนต์ยังเป็นตัวเดิม ช่วงล่างและทุกอย่างไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.5 ลิตร ขุมพลัง 117 แรงม้า แรงบิด 146 นิวตันเมตร ผสานการทำงานกับเกียร์อัตโนมัติ CVT คือ ความลงตัวของการขับขี่แบบในเมือง ทั้งพละกำลังและความคล่องตัวที่เหมาะเจาะกับการใช้งานท่ามกลางความพลุกพล่านของวิถีคนกลางเมือง
แน่นอนว่าด้วนสไตล์การสร้างรถของฮอนด้า จะไม่ทิ้งในเรื่องของความเป็นสปอร์ต ดังนั้นเราจึงยังเห็นระบบการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยแบบ 7 สปีด เอาไว้รองรับคุณพ่อบ้านหรือคุณแม่บ้านที่อยากสนุกในเวลาพิเศษหรือจะเอาไว้ช่วยขณะเร่งแซงให้ทันท่วงทีก็ใช้งานได้อย่างง่ายดาย
จุดเด่นอีกประการคือ การเติมน้ำมันเชื้อเพลิงชนิด อี85 ได้ ทำให้ได้ผลลัพท์ในแง่ของความประหยัดจากราคาน้ำมันที่ถูกกว่าชนิดอื่นเข้ามาช่วยอีกแรงหนึ่ง
ฮอนด้า แจ๊ซ ใหม่ มากับทางเลือก 6 รุ่นย่อย ได้แก่ S MT 555,000 บาท, S CVT 594,000 บาท, V 654,000 บาท , V+694,000 บาท, RS 739,000 บาท และ RS+ 754,000 บาท โดยมีให้เลือก 6 สีสัน สีใหม่คือ สีส้มฟีนิกซ์