ในยุคของการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยียานยนต์ที่มองหาขุมพลังซึ่งมีความประหยัดน้ำมันมากขึ้น และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม บรรดาผู้ผลิตต่างนำเสนอทางออกใหม่ๆ ให้กับลูกค้า และอย่างค่าย Mini ที่อยู่ในเครือของ BMW ก็เปิดตลาดไฮบริดเป็นครั้งแรก และจัดการเปิดตัวรุ่น Hybrid Plug-in ให้กับ Countryman
สำหรับรุ่นที่ทำตลาดคือ Mini Cooper S E Countryman ALL4 ซึ่งจะใช้ขุมพลังไฮบริดที่มีเครื่องยนต์เบนซินแบบ 3 สูบเป็นต้นกำลังในการทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า โดยเครื่องยนต์เบนซินมีกำลังสูงสุด 136 แรงม้า และเมื่อบวกกับมอเตอร์ไฟฟ้าแล้วสามารถผลิตกำลังออกมาได้รวมกัน 224 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 39.2 กก.-ม. ใช้เวลาเพียง 6.8 วินาทีในการทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดยส่งกำลังผ่านทางเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ และมีความประหยัดในระดับ 2.1 ลิตร/100 กิโลเมตร หรือ 47.6 กิโลเมตร/ลิตร ตามการทดสอบแบบผสมของ EU
ในส่วนของแบตเตอรี่นั้นมีความจุ 7.6 kWh เป็นแบบลิเธียม-ไอออนขนาด 16 เซลล์และติดตั้งอยู่ด้านใต้เบาะนั่งหลัง ซึ่งถ้าใช้อุปกรณ์ชาร์จแบบ Wallbox ของ BMW ที่มีขนาด 3.6kW จะใช้เวลา 2.15 ชั่วโมงในการชาร์จจนเต็ม และ 3.15 ชั่วโมงสำหรับการชาร์จผ่านทางปลั๊กที่บ้าน
ในแง่ของฟังก์ชั่นการทำงาน ตัวรถจะมีโหมด Auto eDrive ซึ่งสามารถขับในรูปแบบไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งถ้าอยู่ในโหมดนี้จะแล่นได้เร็วสุดแค่นี้ และถ้าตัวรถต้องถูกเค้นกำลังก็จะปลุกให้เครื่องยนต์เบนซินเข้ามาช่วย แต่ถ้าคุณเลือกโหมด Max eDrive ความเร็วสูงสุดก็จะขยับขึ้นไปเป็ร 125 กิโลเมตร/ชั่วโมง
การเปิดตัวอย่างเป็นทางการจะมีขึ้นในงาน FOS หรือ Festival of Speed ที่ Goodwood ประเทศอังกฤษในวันที่ 29 มิถุนายนนี้ และว่ากันว่าจะมีราคาอยู่ที่ 31,585 ปอนด์ หรือ 1.5 ล้านบาทในประเทศอังกฤษ
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ MGR Motoring
สำหรับรุ่นที่ทำตลาดคือ Mini Cooper S E Countryman ALL4 ซึ่งจะใช้ขุมพลังไฮบริดที่มีเครื่องยนต์เบนซินแบบ 3 สูบเป็นต้นกำลังในการทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า โดยเครื่องยนต์เบนซินมีกำลังสูงสุด 136 แรงม้า และเมื่อบวกกับมอเตอร์ไฟฟ้าแล้วสามารถผลิตกำลังออกมาได้รวมกัน 224 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 39.2 กก.-ม. ใช้เวลาเพียง 6.8 วินาทีในการทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดยส่งกำลังผ่านทางเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ และมีความประหยัดในระดับ 2.1 ลิตร/100 กิโลเมตร หรือ 47.6 กิโลเมตร/ลิตร ตามการทดสอบแบบผสมของ EU
ในส่วนของแบตเตอรี่นั้นมีความจุ 7.6 kWh เป็นแบบลิเธียม-ไอออนขนาด 16 เซลล์และติดตั้งอยู่ด้านใต้เบาะนั่งหลัง ซึ่งถ้าใช้อุปกรณ์ชาร์จแบบ Wallbox ของ BMW ที่มีขนาด 3.6kW จะใช้เวลา 2.15 ชั่วโมงในการชาร์จจนเต็ม และ 3.15 ชั่วโมงสำหรับการชาร์จผ่านทางปลั๊กที่บ้าน
ในแง่ของฟังก์ชั่นการทำงาน ตัวรถจะมีโหมด Auto eDrive ซึ่งสามารถขับในรูปแบบไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งถ้าอยู่ในโหมดนี้จะแล่นได้เร็วสุดแค่นี้ และถ้าตัวรถต้องถูกเค้นกำลังก็จะปลุกให้เครื่องยนต์เบนซินเข้ามาช่วย แต่ถ้าคุณเลือกโหมด Max eDrive ความเร็วสูงสุดก็จะขยับขึ้นไปเป็ร 125 กิโลเมตร/ชั่วโมง
การเปิดตัวอย่างเป็นทางการจะมีขึ้นในงาน FOS หรือ Festival of Speed ที่ Goodwood ประเทศอังกฤษในวันที่ 29 มิถุนายนนี้ และว่ากันว่าจะมีราคาอยู่ที่ 31,585 ปอนด์ หรือ 1.5 ล้านบาทในประเทศอังกฤษ
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ MGR Motoring