xs
xsm
sm
md
lg

ลองขี่ : CRF250Rally อึดขึ้นก็สนุกนาน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เคยอารมณ์ค้างไหม?

ประโยคคำถามที่ชวนให้คิดลึก แต่เราขอย้ำว่าในที่นี้เกี่ยวกับการขี่มอเตอร์ไซค์ล้วนๆ และเชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยผ่านประสบการณ์ความรู้สึกแบบนี้มาแล้วไม่มากก็น้อย อย่างเวลาได้คร่อมสองล้อที่ให้อรรถรสการขับขี่ที่สนุกสนาน แต่ด้วยข้อจำกัดบางประการของตัวรถ ทำให้ต้องหยุดชะงักค้างคาอารมณ์อดถึงฝั่งฝันไปเสียก่อน

ยกตัวอย่างกรณีตัวเลือกประเภททางฝุ่น ปัญหาส่วนใหญ่อยู่ที่ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง ส่งผลให้การเดินทางมีอันต้องสะดุด เพราะมัวแต่หาปั๊มแวะจอด เนื่องจากกลัวเครื่องยนต์จะกระหายน้ำ(มัน)กลางทาง หรือหากวางแผนผิด ความสนุกขาดตอน หลายครั้งนอกจากจะอารมณ์ค้างแล้ว ยังอารมณ์เสียอีกต่างหาก

...แต่ไม่ใช่กับรถรุ่นนี้แน่นอน

เมื่อเร็วๆ นี้ ค่ายปีกนกจัดกิจกรรมทดสอบขับขี่รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า ซีอาร์เอฟ 250 แรลลี่ (Honda CRF250Rally) ราคา 164,600 บาทซึ่งเพิ่งเปิดตัวทำตลาดในบ้านเราไปช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยพาบินลัดฟ้าไปสัมผัสสมรรถนะกันถึงจังหวัดภูเก็ต ณ ศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยแห่งใหม่ล่าสุด ภายใต้ชื่อ ฮอนด้า เซฟตี้ ไรด์ดิ้ง ปาร์ก (Honda Safety Riding Park)

เกี่ยวกับสถานที่ทดสอบ ปัจจุบันนับว่ามีความสมบูรณ์แบบที่สุดในเมืองไทยและมีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียอาคเนย์ รูปแบบผังสนามสามารถรองรับการขับขี่ทั้งทางเรียบและทางฝุ่น จากพื้นที่ทั้งสิ้น 22 ไร่ มีจุดเด่นคือ สนามทางเรียบขนาดใหญ่ที่มีทางตรงยาวถึง 300 เมตร

และไหนๆ ก็มาถึงที่ เพื่อตั้งใจมาลุยทางฝุ่นกันแล้วทั้งที เอ.พี.ฮอนด้าจึงจัดสรรเวลาช่วงเช้า ให้สื่อมวลชนสายสองล้อได้ทำความรู้จักศูนย์ฝึกฯ ในส่วนของสนามทางเรียบด้วยเช่นกัน ผ่านโมเดลยอดฮิตตระกูล 500 ซีรีย์ สำหรับ ซีบี500เอฟ(CB500F) และซีบีอาร์500อาร์(CBR500R) ที่มาพร้อมเซอร์ไพร์สเล็กๆ ด้วยสีใหม่ล่าสุดในสองรุ่นดังกล่าว

ถือว่าเป็นการวอร์มอัพที่ดี รวมถึงตอกย้ำความคล่องตัวของตัวเลือกบิ๊กไบค์รุ่นเริ่มต้น ซึ่งเหมาะกับมือใหม่ที่ต้องการลิ้มลองความแรงแบบเป็นมิตร ขี่สนุก และควบคุมง่าย

ชมคลิปตามไลน์ครูฝึก Honda Safety Riding Park Phuket : Test Ride New CB500F/CBR500R & CRF250Rally




จากนั้นเข้าสู่ช่วงบ่าย ได้เวลาพลิกบุคลิกเปลี่ยนชีวิตเปื้อนฝุ่นกับการทดสอบ “ซีอาร์เอฟ 250 แรลลี่” รถจักรยานยนต์แนววิบากรุ่นใหม่ที่พัฒนาขึ้นมาจากพื้นฐานเดิมของรหัสตัวแอล(รหัสตัวเอ็มก็ต่อยอดมาจากแอลเช่นกัน และปัจจุบันยกเลิกการทำตลาดแล้ว) โดยเป็นการเติมเต็มออฟชั่นเสริมสมรรถนะการขับขี่ เพื่อตอบสนองการใช้งานที่สมบุกสมบัน มุ่งเจาะตลาดกลุ่มนักบิดที่ต้องการความเอนกประสงค์ยิ่งขึ้น

สำหรับความโดดเด่นของการอัพเกรดชิ้นส่วนต่างๆ ได้แก่ ไฟหน้า, ไฟเลี้ยว, ชิลด์บังลม, การ์ดแฮนด์บังคับ, การ์ดป้องกันเครื่องยนต์, ถังน้ำมันเพิ่มความจุ และหน้าจอแสดงผลที่เพิ่มวัดรอบเข้ามาด้วย(ตัวแอลโฉมปี 2016 ใช้แบบเดียวกัน) นอกจากนี้ก็เป็นส่วนของรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ ที่มีความแตกต่างกันออกไป(ดูตารางประกอบ)

มาถึงการสัมผัสตัวรถ ท่านั่งยังเหมือนเดิม แต่เบาะสูงขึ้น รวมถึงระยะจากพื้นถึงตัวรถ การยันเท้าของชายไทยไซส์มาตรฐานประมาณ 170 เซนติเมตร แม้จะสวมรองเท้าบูทวิบากช่วยแล้วก็ตาม ปลายเท้าจะแตะถึงพื้นเพียงข้างเดียวเท่านั้น ถึงอย่างไรก็เพียงพอที่จะประคองรถ และเตะขาตั้งลงเพื่อจอดได้อย่างมั่นคงหายห่วง

ขณะที่ขุมพลังบล็อกเดียวกับรหัสแอล ปริมาตรความจุ 249.6 ซีซี. 4 จังหวะ สูบเดียว DOCH จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีด PGM-FI ระบายความร้อนด้วยน้ำ ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ 6 สปีด ค่ายปีนกแจ้งว่าได้รับการปรับแต่งให้มีแรงบิดมากกว่าเดิมเล็กน้อย และเราก็รู้สึกเช่นนั้นจริงๆ เมื่อขอลองเปรียบเทียบกับโฉมธรรมดาที่ครูฝึกใช้ขี่นำวนรอบสนามทดสอบ

ในส่วนของระบบช่วงล่างด้านหน้าหัวกลับขนาด 43 มม. ด้านหลังโปร-ลิงค์ปรับระดับได้จับคู่สวิงอาร์มอลูมิเนียม สำหรับการพิสูจน์สมรรถนะครั้งนี้จัดว่าค่อนข้างโหดร้ายเลยทีเดียว ด้วยรูปแบบผังสนามออกแบบแนวการวิ่งไหลลื่น ใช้พื้นที่คุ้มค่า ดูเหมือนเล็กแต่ขี่ไม่กี่รอบก็เหนื่อยหอบ(เพราะคนขี่ไม่ฟิตด้วย) อีกทั้งสภาพพื้นผิวมาครบ ฝุ่น ดิน ทราย ลูกระนาด เนินสูง-ต่ำ แน่นอนครูฝึกและผู้ร่วมทดสอบต่างโดดเนินเล่นกันอย่างไม่มียั้ง

ดังนั้น ช่วงล่างที่เซตมาเพื่อเน้นตอบสนองความสะดวกสบาย และรองรับการข้ามผ่านอุปสรรคที่ไม่ยากลำบากมากนัก งานนี้จึงเกินรับไหว ระยะยุบและคืนตัวของทั้งโช้กหน้าและหลัง จับมือกันออกอาการดีดเด้งให้สัมผัสความเสียวอย่างรู้สึกได้ชัด

อย่างไรก็ตาม หากมองถึงการใช้งานทั่วไป ไม่ว่าจะออนโรดหรือออฟโรด ประสิทธิภาพโดยรวมที่ทำได้ก็น่าจะเพียงพอ และพร้อมตอบโจทย์ให้กับกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบความท้าทาย รักการขับขี่เดินทางไกล โดยเฉพาะถังน้ำมันขนาดใหญ่ที่ฮอนด้าเคลมว่า สามารถรองรับความสนุกวิ่งต่อเนื่องได้ไกลกว่า 300 กิโลเมตร แก้ปัญหาอารมณ์ค้างที่ต้องคอยจอดแวะเติมน้ำมันบ่อยๆ แค่นี้ก็น่าจะโดนใจสาวกนักบิดแนวผจญภัยอยู่ไม่น้อย

ตัวรถเพิ่มความอึดแล้ว อย่าลืมฟิตที่ตัวคนด้วย

อึดขึ้นก็สนุกนานขึ้น...จริงๆ นะ


ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ MGR Motoring

กำลังโหลดความคิดเห็น