เดี๋ยวนี้เวอร์ชัน AMG ของ Mercedes-Benz ไม่ได้มีแค่รุ่นเครื่องยนต์เดียวอีกต่อไป แต่ยังมีอีกทางเลือกที่แรงและเร้าใจกว่าตามออกมาขายด้วย ซึ่งในกรณีของ E63AMG รุ่นใหม่ล่าสุดที่อ้างอิงจากพื้นฐานของ E-Class รหัสตัวถัง W213 ตัวถังซีดานที่เพิ่งเริ่มวางขายในตอนนี้ ก็มีให้เลือกทั้งรุ่นธรรมดา และรุ่นเอส
Benz เผยโฉมภาพคันจริงให้เห็นในโลกอินเตอร์เน็ตแล้ว แต่คันจริงๆ แบบจับต้องได้มีคิวเปิดตัวในงานแอลเอ มอเตอร์โชว์ เดือนหน้า โดย E63AMG ซีดานจะมีขายทั้งรุ่นธรรมดา และรุ่น S ซึ่งใช้เครื่องยนต์แบบเดียนวกันวี8 5,500 ซีซี เทอร์โบคู่ ซึ่งเข้ามาแทนที่บล็อกเดิมแบบวี8 4,000 ซีซี และในรุ่นใหม่นี้ก็มีแต่แบบขับเคลื่อน 4 ล้อให้สัมผัสเท่านั้น
ในรุ่นธรรมดาจะมีกำลังสูงสุด 571 แรงม้า ที่ 5,750-6,500 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 76.4 กก.-ม. ที่ 2,250-5,000 รอบ/นาที ใช้เวลา 3.5 วินาทีในการทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ขณะที่รุ่น S เครื่องยนต์แบบเดียวกัน แต่กำลังขยับขึ้นมาเป็น 612 แรงม้า ที่ 5,750-6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 63.9 กก.-ม. ที่ 2,250-4,500 รอบ/นาที พร้อมอัตราเร่ง 3.3 วินาที โดยทุกรุ่นถูกจำกัดความเร็วปลายเอาไว้ที่ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่ถ้าอยากปลดก็ทำได้ เพียงติดตั้ง AMG Driver’s Package ก็จะทลายกำแพงและทำความเร็วแตะ 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง รุ่นนี้ส่งกำลังด้วยเกียร์ MCT-Multi Clutch Technology แบบ Speedshift 9 จังหวะเป็นระบบเกียร์อัตโนมัติที่มีแป้นเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ติดตั้งเอาไว้ที่ด้านหลังของวงพวงมาลัย
ส่วนระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ 4MATIC พิเศษขึ้นตรงที่มี Drift Mode ในการเพิ่มความเร้าใจในการขับแบบล้อหลังได้ หากขับในโหมดนี้ โดยจะมีการโปรแกรมการกระจายกำลังและแรงบิดให้เน้นไปที่ล้อหลังมากขึ้น ทำให้ไม่จำเป็นต้องมีรุ่นขับเคลื่อนล้อหลังเพียงอย่างเดียวแยกขายอีกต่อไป
ในยุโรปจะเริ่มส่งมอบให้กับลูกค้าได้ในเดือนมีนาคมนี้ ส่วนสหรัฐอเมริกาต้องรอจนถึงกลางปี โดยในช่วงต้นปี ทาง Benz จะเปิดตัวรุ่นแวกอนตามออกมาสมทบในการทำตลาด ส่วนราคายังไม่เปิดเผยออกมาในตอนนี้
Benz เผยโฉมภาพคันจริงให้เห็นในโลกอินเตอร์เน็ตแล้ว แต่คันจริงๆ แบบจับต้องได้มีคิวเปิดตัวในงานแอลเอ มอเตอร์โชว์ เดือนหน้า โดย E63AMG ซีดานจะมีขายทั้งรุ่นธรรมดา และรุ่น S ซึ่งใช้เครื่องยนต์แบบเดียนวกันวี8 5,500 ซีซี เทอร์โบคู่ ซึ่งเข้ามาแทนที่บล็อกเดิมแบบวี8 4,000 ซีซี และในรุ่นใหม่นี้ก็มีแต่แบบขับเคลื่อน 4 ล้อให้สัมผัสเท่านั้น
ในรุ่นธรรมดาจะมีกำลังสูงสุด 571 แรงม้า ที่ 5,750-6,500 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 76.4 กก.-ม. ที่ 2,250-5,000 รอบ/นาที ใช้เวลา 3.5 วินาทีในการทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ขณะที่รุ่น S เครื่องยนต์แบบเดียวกัน แต่กำลังขยับขึ้นมาเป็น 612 แรงม้า ที่ 5,750-6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 63.9 กก.-ม. ที่ 2,250-4,500 รอบ/นาที พร้อมอัตราเร่ง 3.3 วินาที โดยทุกรุ่นถูกจำกัดความเร็วปลายเอาไว้ที่ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่ถ้าอยากปลดก็ทำได้ เพียงติดตั้ง AMG Driver’s Package ก็จะทลายกำแพงและทำความเร็วแตะ 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง รุ่นนี้ส่งกำลังด้วยเกียร์ MCT-Multi Clutch Technology แบบ Speedshift 9 จังหวะเป็นระบบเกียร์อัตโนมัติที่มีแป้นเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ติดตั้งเอาไว้ที่ด้านหลังของวงพวงมาลัย
ส่วนระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ 4MATIC พิเศษขึ้นตรงที่มี Drift Mode ในการเพิ่มความเร้าใจในการขับแบบล้อหลังได้ หากขับในโหมดนี้ โดยจะมีการโปรแกรมการกระจายกำลังและแรงบิดให้เน้นไปที่ล้อหลังมากขึ้น ทำให้ไม่จำเป็นต้องมีรุ่นขับเคลื่อนล้อหลังเพียงอย่างเดียวแยกขายอีกต่อไป
ในยุโรปจะเริ่มส่งมอบให้กับลูกค้าได้ในเดือนมีนาคมนี้ ส่วนสหรัฐอเมริกาต้องรอจนถึงกลางปี โดยในช่วงต้นปี ทาง Benz จะเปิดตัวรุ่นแวกอนตามออกมาสมทบในการทำตลาด ส่วนราคายังไม่เปิดเผยออกมาในตอนนี้
