ทิ้งระยะจากรุ่นแรกอยู่นานพอสมควร ในที่สุด Audi ก็จัดการเผยโฉมเจนเนอเรชั่นที่ 2 ของคอมแพ็กต์ SUV ระดับหรูของตระกูล Q5 ออกมาแล้ว พร้อมรูปลักษณ์ที่สวยและดุดันขึ้น เช่นเดียวกับตัวถังที่เบาลง เพราะมีการใช้อะลูมิเนียมในการผลิตมากขึ้น ส่งผลต่อน้ำหนักตัวที่ลดลงถึง 90 กิโลกรัม
Q5 ถือเป็น SUV ขนาดกลางที่อยู่ในระดับเดียวกับ BMW X3 เปิดตัวเมื่อปี 2008 ส่วนรุ่นใหม่นี้เป็นเจนเนอเรชั่นที่ 2 ซึ่งนอกจากจะมีการออกแบบรูปลักษณ์ใหม่หมดแล้ว ในแง่ของพื้นฐานทางวิศวกรรมก็มีการเปลี่ยนแปลงด้วย เพราะหันมาใช้พื้นตัวถังรหัส MLB Evo ที่มีการดัดแปลงให้มีระยะฐานล้อยาวขึ้นจากเดิมที่ใช้อยู่กับรุ่น A4 อีกทั้งจากพื้นฐานทางวิศวกรรมนี้ บวกกับการใช้อะลูมิเนียมในการผลิตตัวถังมากขึ้น ทำให้สามารถลดน้ำหนักจากรุ่นเดิมถึง 90 กิโลกรัม
ขณะที่ตัวรถมีมิติเพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิมในเกือบทุกสัดส่วน โดยมีความยาวอยู่ที่ 4,660 มิลลิเมตร กว้าง 1,890 มิลลิเมตร สูง 1,660 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,820 มิลลิเมตร ส่วนพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้าย ขยายจาก 550 มาเป็น 610 ลิตร และเพิ่มสูงสุดเป็น 1,550 ลิตร เมื่อพับเบาะหลังลงทั้งหมด
เครื่องยนต์ที่ทำตลาดในช่วงแรกก็มีเบนซิน 4 สูบ TFSI 2,000 ซีซี เทอร์โบ 252 แรงม้า เป็นตัวหลักของเบนซิน และเน้นไปที่เทอร์โบดีเซล ซึ่งมีให้เลือกถึง 4 รุ่น คือ 2,000 ซีซี 4 สูบ มีถึง 3 กำลังขับเคลื่อนคือ 150, 163 และ 190 แรงม้า ส่วนอีกทางเลือกคือวี6 ขนาด 3,000 ซีซี ที่มีกำลัง 286 แรงม้า ทุกรุ่นขับเคลื่อนในแบบ 4 ล้อ Quattro ยกเว้นเทอร์โบดีเซล 150 แรงม้า ที่เป็นแบบขับเคลื่อนล้อหน้า แต่สามารถจ่ายเพิ่มได้ถ้าต้องการระบบ Quattro ส่วนระบบเกียร์มีทั้งธรรมดา 6 จังหวะ อัตโนมัติ 8 จังหวะ หรือ S-Tronic 7 จังหวะขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย
เปิดตัวแล้วและในเยอรมนีจะเริ่มขายปลายปีนี้ ด้วยราคา 45,100 ยูโร หรือ 1.75 ล้านบาท โดยไลน์ผลิตหลักของ SUV รุ่นนี้จะอยู่ที่ประเทศเม็กซิโก
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ MGR Motoring
Q5 ถือเป็น SUV ขนาดกลางที่อยู่ในระดับเดียวกับ BMW X3 เปิดตัวเมื่อปี 2008 ส่วนรุ่นใหม่นี้เป็นเจนเนอเรชั่นที่ 2 ซึ่งนอกจากจะมีการออกแบบรูปลักษณ์ใหม่หมดแล้ว ในแง่ของพื้นฐานทางวิศวกรรมก็มีการเปลี่ยนแปลงด้วย เพราะหันมาใช้พื้นตัวถังรหัส MLB Evo ที่มีการดัดแปลงให้มีระยะฐานล้อยาวขึ้นจากเดิมที่ใช้อยู่กับรุ่น A4 อีกทั้งจากพื้นฐานทางวิศวกรรมนี้ บวกกับการใช้อะลูมิเนียมในการผลิตตัวถังมากขึ้น ทำให้สามารถลดน้ำหนักจากรุ่นเดิมถึง 90 กิโลกรัม
ขณะที่ตัวรถมีมิติเพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิมในเกือบทุกสัดส่วน โดยมีความยาวอยู่ที่ 4,660 มิลลิเมตร กว้าง 1,890 มิลลิเมตร สูง 1,660 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,820 มิลลิเมตร ส่วนพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้าย ขยายจาก 550 มาเป็น 610 ลิตร และเพิ่มสูงสุดเป็น 1,550 ลิตร เมื่อพับเบาะหลังลงทั้งหมด
เครื่องยนต์ที่ทำตลาดในช่วงแรกก็มีเบนซิน 4 สูบ TFSI 2,000 ซีซี เทอร์โบ 252 แรงม้า เป็นตัวหลักของเบนซิน และเน้นไปที่เทอร์โบดีเซล ซึ่งมีให้เลือกถึง 4 รุ่น คือ 2,000 ซีซี 4 สูบ มีถึง 3 กำลังขับเคลื่อนคือ 150, 163 และ 190 แรงม้า ส่วนอีกทางเลือกคือวี6 ขนาด 3,000 ซีซี ที่มีกำลัง 286 แรงม้า ทุกรุ่นขับเคลื่อนในแบบ 4 ล้อ Quattro ยกเว้นเทอร์โบดีเซล 150 แรงม้า ที่เป็นแบบขับเคลื่อนล้อหน้า แต่สามารถจ่ายเพิ่มได้ถ้าต้องการระบบ Quattro ส่วนระบบเกียร์มีทั้งธรรมดา 6 จังหวะ อัตโนมัติ 8 จังหวะ หรือ S-Tronic 7 จังหวะขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย
เปิดตัวแล้วและในเยอรมนีจะเริ่มขายปลายปีนี้ ด้วยราคา 45,100 ยูโร หรือ 1.75 ล้านบาท โดยไลน์ผลิตหลักของ SUV รุ่นนี้จะอยู่ที่ประเทศเม็กซิโก
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ MGR Motoring
