หลังยั่วใจอยู่นานสองนานด้วยภาพพร้อมรายละเอียดเพียงน้อยนิด ในที่สุดฮอนด้าก็ได้ฤกษ์ส่งรุ่นที่ 2 ของ Freed ซึ่งเป็นโมเดลเชนจ์ครั้งแรกในรอบเกือบๆ 6 ปีลงสู่ตลาดญี่ปุ่นแล้ว มีขายทั้งรุ่นเบนซินและไฮบริดเหมือนเดิม โดยเพิ่มทางเลือกแห่งความหรูหราและสะดวกสบายสำหรับใครที่ไม่ชอบบรรทุกคน ด้วยรุ่น 5 ที่นั่งกับชื่อ Freed+ และในรุ่นไฮบริดสุดเทพกับเกียร์อัตโนมัติ DCT 7 จังหวะ
Freed เป็นมินิ MPV ที่เข้ามาแจ้งเกิดและสอดแทรกตลาดได้อย่างถูกจังหวะ ซึ่งไม่เฉพาะแค่ในญี่ปุ่นเท่านั้น บ้านเราก็ได้รับความนิยมอยู่ในระดับหนึ่ง จากการนำเข้าที่โรงงานผลิตในอินโดนีเซีย โดยรุ่นแรกเปิดตัวเมื่อปลายปี 2008 ส่วนรุ่นใหม่เพิ่งจะวางขายในญี่ปุ่นเมื่อกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา หลังจากที่ก่อนหน้านี้ร่วมเดือนครึ่ง ฮอนด้าเผยภาพทีเซอร์ออกมายั่วใจก่อนเป็นระลอกแรก
ในรุ่นใหม่มากับตัวถังแบบ 5 ประตูทรงกล่องสูงที่มีความยาว 4,265-4,295 มิลลิเมตร กว้าง 1,695 มิลลิเมตร สูง 1,710 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,740 มิลลิเมตร โดยตัวรถยังคงคอนเซ็ปต์ของการเป็นยานพาหนะสำหรับครอบครัว ด้วยตัวถังทรงกะทัดรัดเพราะพัฒนาอยู่บนพื้นฐานของ B-Car อย่าง Fit/Jazz แต่ให้ประโยชน์ใช้สอยเกินตัว โดยในรุ่นใหม่นี้ ทางฮอนด้าได้ขยายทางเลือกให้กับลูกค้าด้วยรุ่น Freed+ ซึ่งจะมากับเบาะนั่ง 2 แถว 5 ที่นั่ง ทำให้มีพื้นที่ในการบรรทุกสัมภาระด้านหลังเพิ่มขึ้น
ขณะที่รุ่นเดิมในแบบ 6 และ 7 ที่นั่งก็ยังเป็นทางเลือกหลักในตลาดสำหรับคนที่ชื่นชอบความอเนกประสงค์ในการเดินทาง โดยจะมีทั้งแบบเบาะนั่งแถวกลางเป็น Captain Seat ในรุ่น 6 ที่นั่ง และเบาะนั่งตรงกลางเป็นแถวยาวสำหรับรุ่น 7 ที่นั่ง
2 ทางเลือกของการขับเคลื่อนเริ่มจาก เบนซิน L15B บล็อก 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว i-VTEC ที่มีความจุ 1,495 ซีซี กำลังสูงสุด 131 แรงม้า ที่ 6,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 15.8 กก.-ม. ที่ 6,400 รอบ/นาที และไฮบริดรหัส LEB-H1 ที่ใช้เครื่องยนต์ 1,500 ซีซี บล็อกนี้เป็นพื้นฐาน แต่ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาช่วยทำงาน ตัวเครื่องยนต์เองมีกำลัง 110 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 13.7 กก.-ม. ที่ 5,000 รอบ/นาที โดยที่มอเตอร์ไฟฟ้ามีกำลังสูงสุด 29.5 แรงม้า ที่ 1,313-2,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 16.3 กก.-ม. ที่ 0-1,313 รอบ/นาที ซึ่งในรุ่นนี้เทพขึ้นด้วยการใช้เกียร์แบบ DCT คลัตช์คู่ 7 จังหวะ ต่างจากรุ่นธรรมดาซึ่งเป็นแบบ CVT
สำหรับตัวเลขความประหยัดน้ำมันในการทดสอบตามโหมด JC-08 ในรุ่นไฮบริด มีความสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ที่ระดับ 26.6 กิโลเมตร/ลิตร ส่วนรุ่นเบนซินจะอยู่ที่ 19 กิโลเมตร/ลิตร ในรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า และ 17.6 กิโลเมตร/ลิตร สำหรับรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ
ในญี่ปุ่นเปิดตัวแล้ว ตั้งราคาเอาไว้ที่ 1,880,000-2,748,200 เยน หรือ 658,000-961,000 บาท ส่วนบ้านเราก็ต้องรอดูต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร แต่ถ้าจะให้วิเคราะห์กันแล้วเชื่อว่าไม่น่าจะมีเข้ามา ถ้าในอินโดนีเซียไม่มีการขึ้นไลน์ผลิต เพราะดูเหมือนว่าทางฮอนด้าจะเน้นการทำตลาดของ BR-V ที่ให้ความอเนกประสงค์เหมือนกัน แต่เด่นกว่าด้วยรูปแบบตัวถัง SUV ซึ่งถูกใจรสนิยมนักขับในยุคนี้มากกว่า
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ MGR Motoring