เอาเป็นว่าอ่านเพื่อรับทราบความเคลื่อนไหวก็แล้วกัน ไม่ต้องรีบเดินออกไปจองหลังอ่านเสร็จ เพราะว่าสปอร์ตรุ่นพิเศษอย่าง Centenario Roadster ของค่าย Lamborghini ไม่มีเหลือให้คุณแล้ว เพราะถูกจับจองไปหมดตั้งแต่ก่อนเปิดตัวในงานประกวดรถโบราณที่มอนเทอร์เรย์
Lamborghini ประกาศผลิตสปอร์ตรุ่นพิเศษคันสวยออกมาเพียงแค่ 40 คันเท่านั้น และนอกจากหน้าตาที่สวยและดุดันตามแบบฉบับของค่ายนี้แล้ว ตัวรถยังเด่นในเรื่องของเทคโนโลยีเพราะว่าใช้คาร์บอนไฟเบอร์เป็นวัสดุหลักในการผลิตตัวถัง ส่วนงานออกแบบตัวรถเป็นผลงานของทีมออกแบบ in-House อย่าง Centro Stile Lamborghini ขณะที่ตัวรถมีน้ำหนักอยู่ในระดับ 1,570 กิโลกรัม
ในส่วนของพื้นฐานทางวิศวกรรมของตัวรถนั้น เป็นการต่อยอดมาจากสปอร์ตรุ่นใหญ่อย่าง Aventador เสริมความสวยและสปอร์ตด้วยล้อแม็กขนาด 20 นิ้วที่ด้านหน้า และ 21 นิ้วที่ด้านหลัง ส่วนสปอยเลอร์หลังเป็นแบบยกตัวขึ้นอัตโนมัติอยู่ในระดับสูงสุด 150 มิลลิเมตร เพื่อปรับแรงกดบนตัวถังให้สอดคล้องกับความเร็ว
เครื่องยนต์ที่วางอยู่ด้านท้ายเป็นขุมพลังวี12 มีความจุกระบอกสูบ 6,500 ซีซี รีดกำลังออกมาได้ 770 แรงม้า ที่ 8,600 รอบ/นาที ใช้เวลาเพียง 2.9 วินาทีสำหรับอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง และมีความเร็วสูงสุด 350 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนระยะเบรกจากความเร็ว 100 กิโลเมตร/ชั่วโมงจนถึงจุดหยุดนิ่งอยู่ที่ 31 เมตร
แค่ 40 คันเท่านั้นที่จะผลิตออกมา โดยแบ่งเป็นโรดสเตอร์ และคูเป้อย่างละ 20 คัน ส่วนราคาอยู่ที่ 1.75 ล้านยูโร หรือ 70 ล้านบาทสำหรับคูเป้ และ 2 ล้านยูโร หรือ 80 ล้านบาทสำหรับโรดสเตอร์ และอย่างที่บอกข้างต้น ไม่ต้องรีบ เพราะทั้ง 40 คันถูกจับจองหมดแล้ว
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ MGR Motoring
Lamborghini ประกาศผลิตสปอร์ตรุ่นพิเศษคันสวยออกมาเพียงแค่ 40 คันเท่านั้น และนอกจากหน้าตาที่สวยและดุดันตามแบบฉบับของค่ายนี้แล้ว ตัวรถยังเด่นในเรื่องของเทคโนโลยีเพราะว่าใช้คาร์บอนไฟเบอร์เป็นวัสดุหลักในการผลิตตัวถัง ส่วนงานออกแบบตัวรถเป็นผลงานของทีมออกแบบ in-House อย่าง Centro Stile Lamborghini ขณะที่ตัวรถมีน้ำหนักอยู่ในระดับ 1,570 กิโลกรัม
ในส่วนของพื้นฐานทางวิศวกรรมของตัวรถนั้น เป็นการต่อยอดมาจากสปอร์ตรุ่นใหญ่อย่าง Aventador เสริมความสวยและสปอร์ตด้วยล้อแม็กขนาด 20 นิ้วที่ด้านหน้า และ 21 นิ้วที่ด้านหลัง ส่วนสปอยเลอร์หลังเป็นแบบยกตัวขึ้นอัตโนมัติอยู่ในระดับสูงสุด 150 มิลลิเมตร เพื่อปรับแรงกดบนตัวถังให้สอดคล้องกับความเร็ว
เครื่องยนต์ที่วางอยู่ด้านท้ายเป็นขุมพลังวี12 มีความจุกระบอกสูบ 6,500 ซีซี รีดกำลังออกมาได้ 770 แรงม้า ที่ 8,600 รอบ/นาที ใช้เวลาเพียง 2.9 วินาทีสำหรับอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง และมีความเร็วสูงสุด 350 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนระยะเบรกจากความเร็ว 100 กิโลเมตร/ชั่วโมงจนถึงจุดหยุดนิ่งอยู่ที่ 31 เมตร
แค่ 40 คันเท่านั้นที่จะผลิตออกมา โดยแบ่งเป็นโรดสเตอร์ และคูเป้อย่างละ 20 คัน ส่วนราคาอยู่ที่ 1.75 ล้านยูโร หรือ 70 ล้านบาทสำหรับคูเป้ และ 2 ล้านยูโร หรือ 80 ล้านบาทสำหรับโรดสเตอร์ และอย่างที่บอกข้างต้น ไม่ต้องรีบ เพราะทั้ง 40 คันถูกจับจองหมดแล้ว
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ MGR Motoring