หลังจากเปิดซับแบรนด์อย่าง Genesis ออกมา โดยเน้นที่ความสปอร์ตด้วยเวอร์ชันคูเป้พลังแรงแบบขับเคลื่อนล้อหลัง ถึงตอนนี้ดูเหมือนว่า Hyundai คงรู้ทิศทางแล้วว่าจะผลักดันแบรนด์ย่อยนี้ไปในทางไหน และดูเหมือนว่าพวกเขาจะขอเลือกกับการเป็นรถยนต์ซีดานระดับหรูมากกว่า
สำหรับ G80 ของ Genesis เป็นการปรับปรุงและพัฒนาในแง่ของการปรับโฉมหรือไมเนอร์เชนจ์มาจาก Genesis เจนเนอเรชั่นที่ 2 ซึ่งเปิดตัวออกสู่ตลาดมาตั้งแต่ปี 2014 โดยทาง Hyundai เองยืนยันว่าชื่อของ Genesis จะถูกใช้เป็นซับแบรนด์ให้กับรถยนต์ที่เน้นความหรูหรา ส่วนการที่มีเวอร์ชันคูเป้ในรุ่นแรกนั้น ดูเหมือนว่าจะมีข่าวยืนยันออกมาอย่างไม่เป็นทางการว่า จะไม่ได้ไปต่อในเจนเนอเรชั่นที่ 2
G80 มากับตัวถังแบบซีดาน 4 ประตูที่มีความยาวในระดับ 5 เมตรนิดๆ และรองรับกับความต้องการของลูกค้าที่มากกว่าในด้านความหรูด้วยการตกแต่งภายในห้องโดยสารอย่างประณีต พร้อมกับติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายมากมาย โดยเฉพาะตรงพื้นที่ของเบาะหลัง ซึ่งเป็นจุดที่ทาง Hyundai เน้นเป็นพิเศษ
เครื่องยนต์ที่ทำตลาด ณ ตอนนี้มี 2 รุ่นด้วยกันคือ บล็อกเล็กอย่างวี6 ที่มาพร้อมกับระบบจ่ายน้ำมันเข้าสู่ห้องเผาไหม้โดยตรง หรือ GDI มีความจุกระบอกสูบ 3,800 ซีซี พร้อมระบบวาล์วแปรผันคู่แบบ D-CVVT รีดกำลังออกมาได้ 311 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 40.4 กก.-ม. ที่ 5,000 รอบ/นาที
แต่ถ้าต้องการความเร้าใจมากกว่านั้นก็ต้องอัพเกรดไปหาเครื่องยนต์วี8 ที่มีความจุในระดับ 5,000 ซีซี โดยเป็นเครื่องยนต์ในตระกูล Tau มีกำลังสูงสุด 420 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 52.8 กก.-ม. ที่ 5,000 รอบ/นาที โดยทั้ง 2 รุ่นส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ
Hyundai ตั้งเป้าส่ง Genesis G8 รุกตลาดรถยนต์ทั่วโลก โดยเน้นหนักไปที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของรถยนต์รุ่นนี้
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ MGR Motoring
สำหรับ G80 ของ Genesis เป็นการปรับปรุงและพัฒนาในแง่ของการปรับโฉมหรือไมเนอร์เชนจ์มาจาก Genesis เจนเนอเรชั่นที่ 2 ซึ่งเปิดตัวออกสู่ตลาดมาตั้งแต่ปี 2014 โดยทาง Hyundai เองยืนยันว่าชื่อของ Genesis จะถูกใช้เป็นซับแบรนด์ให้กับรถยนต์ที่เน้นความหรูหรา ส่วนการที่มีเวอร์ชันคูเป้ในรุ่นแรกนั้น ดูเหมือนว่าจะมีข่าวยืนยันออกมาอย่างไม่เป็นทางการว่า จะไม่ได้ไปต่อในเจนเนอเรชั่นที่ 2
G80 มากับตัวถังแบบซีดาน 4 ประตูที่มีความยาวในระดับ 5 เมตรนิดๆ และรองรับกับความต้องการของลูกค้าที่มากกว่าในด้านความหรูด้วยการตกแต่งภายในห้องโดยสารอย่างประณีต พร้อมกับติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายมากมาย โดยเฉพาะตรงพื้นที่ของเบาะหลัง ซึ่งเป็นจุดที่ทาง Hyundai เน้นเป็นพิเศษ
เครื่องยนต์ที่ทำตลาด ณ ตอนนี้มี 2 รุ่นด้วยกันคือ บล็อกเล็กอย่างวี6 ที่มาพร้อมกับระบบจ่ายน้ำมันเข้าสู่ห้องเผาไหม้โดยตรง หรือ GDI มีความจุกระบอกสูบ 3,800 ซีซี พร้อมระบบวาล์วแปรผันคู่แบบ D-CVVT รีดกำลังออกมาได้ 311 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 40.4 กก.-ม. ที่ 5,000 รอบ/นาที
แต่ถ้าต้องการความเร้าใจมากกว่านั้นก็ต้องอัพเกรดไปหาเครื่องยนต์วี8 ที่มีความจุในระดับ 5,000 ซีซี โดยเป็นเครื่องยนต์ในตระกูล Tau มีกำลังสูงสุด 420 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 52.8 กก.-ม. ที่ 5,000 รอบ/นาที โดยทั้ง 2 รุ่นส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ
Hyundai ตั้งเป้าส่ง Genesis G8 รุกตลาดรถยนต์ทั่วโลก โดยเน้นหนักไปที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของรถยนต์รุ่นนี้
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ MGR Motoring