xs
xsm
sm
md
lg

“แอคคอร์ด ไฮบริด ไมเนอร์เชนจ์” ถูกลง5หมื่น...ปรับประสิทธิภาพ-อัดออปชันเต็ม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online



หลังเปิดตัวในเมืองไทยครั้งแรกเมื่อสองปีที่แล้ว วันนี้ (28 ก.ค.) ฮอนด้าได้ฤกษ์แนะนำรุ่นไมเนอร์เชนจ์ของ “แอคคอร์ด ไฮบริด” ที่ปรับประสิทธิภาพของระบบ “ฟูลไฮบริด” ให้ตอบสนองการขับขี่ได้ดีขึ้น ส่วนราคารุ่นเริ่มต้นคงเดิม ขณะที่รุ่นท็อปลดลง 50,000 บาทพร้อมออปชันความปลอดภัยเต็มขั้น












ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ มาพร้อมระบบขับเคลื่อน Sport Hybrid Intelligent Multi Mode Drive 
(i-MMD) ด้วยการทำงานของเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทรงพลัง 2 ตัว พร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่
ลิเธียม-ไอออน 1.3 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ที่ให้ประสิทธิภาพสูงในการชาร์จและจ่ายกระแสไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ 
ให้กำลังสูงสุดทั้งระบบได้ถึง 215 แรงม้า สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้ให้เหมาะกับ
ทุกสภาพการขับขี่

โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) ที่สามารถขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ต่อเนื่อง และทำความเร็วได้สูงสุดถึง 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง

โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) เป็นระบบขับเคลื่อนที่ใช้พลังงานไฟฟ้าที่เกิดจากเครื่องยนต์และพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ ผสานกำลังในการขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้าทำให้เกิดแรงบิดสูงสุดอย่างรวดเร็ว มีอัตราเร่งที่ตอบสนองทันใจ และในขณะลดความเร็วเครื่องยนต์จะหยุดทำงาน และชาร์จไฟกลับอย่างมีประสิทธิภาพ
โหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) เคลื่อนด้วยพลังงานของเครื่องยนต์ โดยชุดล็อกอัพคลัทช์ที่อยู่ในเกียร์ E-CVT จะเชื่อมต่อกับเครื่องยนต์ และส่งกำลังจากเครื่องยนต์ไปยังล้อโดยตรง ซึ่งให้ประสิทธิภาพสูงและแรงเสียดทานต่ำ เป็นระบบที่เหมาะสมกับการขับขี่ด้วยความเร็วสูงคงที่

ใหม่! โหมดการขับขี่แบบสปอร์ต (Sport Drive Mode) ด้วยการใช้พลังงานจากแบตเตอรี่เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเร่งทำความเร็วให้กับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อน โดยผู้ขับขี่สามารถใช้งานได้เพียงกดปุ่ม Sport ที่อยู่บริเวณคันเกียร์



ทั้งหมดทั้งปวงของระบบ Sport Hybrid i-MMD จึงเป็นระบบ Full Hybrid ที่ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังแต่ยังให้อัตราการประหยัดน้ำมันสูงถึง 23.8 กิโลเมตร/ลิตร อีกทั้งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 99 กรัม/กิโลเมตร

โดยยังมาพร้อมกับมิติใหม่ของเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัย Honda SENSING ที่ผสานการทำงาน
เรดาร์และกล้องด้านหน้า เพื่อตรวจจับสภาวะแวดล้อมบนท้องถนน แล้วแจ้งเตือนผู้ขับขี่หรือช่วยควบคุมรถ
ในสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ และเพื่อความปลอดภัยของตัวผู้ขับและผู้โดยสารในรถ รวมถึงเพื่อนร่วมทางบนท้องถนน ประกอบด้วย 4 ระบบ ดังนี้

1) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน - Adaptive Cruise Control (ACC) เป็นระบบที่ไม่เพียงแต่ช่วยควบคุมความเร็วของรถให้คงที่ตามที่ผู้ขับขี่ได้ตั้งค่าไว้ แต่จะทำการตรวจจับระยะห่างและความเร็วของรถคันหน้า เพื่อปรับความเร็วของรถโดยอัตโนมัติเพื่อรักษาระยะห่างระหว่างรถคันหน้าได้อย่างเหมาะสมตลอดเวลา

2) ระบบเตือนการชนด้านหน้าและตรวจจับคนเดินถนนด้วยกล้องและเรดาร์พร้อมระบบช่วยเบรก - Collision Mitigation Braking System (CMBS) เมื่อมีรถอยู่ด้านหน้าในระยะที่ไม่ปลอดภัย ระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญาณเสียง รวมถึงมีการสั่นเตือนของพวงมาลัย
ในกรณีรถสวนทาง หากรถยนต์ยังเข้าใกล้ระยะที่เสี่ยงต่อการชน ระบบจะทำการเสริมแรงเบรก
โดยอัตโนมัติ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ นอกจากนี้ ระบบ CMBS ยังได้รับการพัฒนา
ไปอีกขั้น ให้สามารถตรวจจับคนเดินถนนได้อีกด้วย

3) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ- Lane Keeping Assist System (LKAS) โดยกล้องด้านหน้าจะทำการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางเดินรถ และทำการหน่วงของพวงมาลัยเพื่อช่วยให้ผู้ขับควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถได้ตลอดเวลา

4) ระบบแจ้งเตือนและช่วยเหลือเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ - Road Departure Mitigation (RDM) with Lane Departure Warning (LDW) เมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถโดยไม่ตั้งใจ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนไปที่หน้าจอแสดงข้อมูลพร้อมสั่นเตือนที่พวงมาลัย และในกรณีที่รถออกนอกช่องทางมากขึ้น ระบบจะทำการหน่วงพวงมาลัย เพื่อช่วยดึงให้รถกลับเข้าสู่ช่องทาง หากรถยังคงเบี่ยงออกนอกช่องทางมากยิ่งขึ้น ระบบเบรกจะทำงานเพื่อชะลอความเร็วอย่างเหมาะสม (ในกรณีเส้นแบ่งถนนเป็นเส้นทึบ) เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ

ตลอดนจนมาตรฐานความปลอดภัยที่ครบครันรอบด้าน อาทิ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ช่วยลดจุดบอดในการมองเห็นของกระจกมองข้างด้านซ้าย ด้วยการจับภาพและแสดงผลผ่านหน้าจอขนาด 7.7 นิ้ว กล้องส่องภาพด้านหลัง ปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera) ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการถอย สามารถเลือกดูมุมกล้องที่แตกต่างกันได้ทั้งแบบ 130 องศา 180 องศา และมุมมองจากด้านบน ระบบไฟส่องสว่างด้านข้างอัตโนมัติขณะเลี้ยว (Active Cornering Light - ACL) ช่วยเพิ่มความสว่างด้านข้างของตัวรถ ขณะทำการเลี้ยวรถในเวลากลางคืน เสียงเตือนภายนอกรถขณะขับขี่โหมดมอเตอร์ไฟฟ้า (Acoustic Vehicle Alerting System - AVAS) และระบบถุงลม 6 ตำแหน่ง ประกอบด้วยถุงลมคู่หน้าอัจฉริยะ (Dual i-SRS) ถุงลมด้านข้างคู่หน้าอัจฉริยะ (i-Side Airbag) และม่านถุงลมด้านข้าง (Side Curtain Airbags) เพื่อความปลอดภัยและช่วยลดอาการบาดเจ็บของทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร 
เพื่อความมั่นใจในทุกการเดินทาง

ด้านการออกแบบภายนอกยังคงความหรูหรา ด้วยไฟหน้าพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน (Daytime Running Lights) และไฟท้ายดีไซน์ใหม่แบบ LED ที่ตกแต่งด้วยกรอบสีฟ้า กระจังหน้าดีไซน์พิเศษตกแต่งด้วยเส้นสายสีฟ้า โฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้นด้วยสปอยเลอร์หลังและล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่สไตล์สปอร์ต

ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง มอบความสะดวกสบายด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานระดับพรีเมียม อาทิ ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Engine Remote Start) ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัส
แบบรองรับ Apple CarPlay พร้อมด้วยพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่นที่ให้การควบคุมระบบต่างๆ ทำได้อย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส และเพิ่มความหรูหราด้วยเบาะหนังสีน้ำตาลใหม่



สำหรับฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ ยังมาพร้อมการรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง และพิเศษกับ Privilege Package ขยายเวลาการรับประกันคุณภาพ หรือ Ultimate Care เพิ่มอีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร และฟรีค่าบำรุงรักษา (ค่าแรง/ค่าอะไหล่/เช็คระยะ) เป็นเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร สำหรับผู้ซื้อ ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ ตั้งแต่วันนี้ – 31 สิงหาคม ศกนี้

ฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ มีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น HYBRID ราคา 1,659,000 บาท และ รุ่น HYBRID TECH ราคา 1,849,000 บาท โดยมีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) สีขาวออร์คิด (มุก) และสีดำคริสตัล (มุก) มาพร้อมสีภายในห้องโดยสาร 3 สี ได้แก่ สีเบจ สีดำ และสีใหม่ คือ สีน้ำตาล
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการยานยนต์ได้ที่หน้าแฟนเพจ MGR Motoring

กำลังโหลดความคิดเห็น