หลังปล่อยให้พวกรุ่นเล็กทั้ง Juke, Qashqai, X-trail ไล่ไปจนถึง Murano เปิดตัวทำตลาดกันอยู่เป็นเรื่องเป็นราว ในที่สุด Nissanก็ขยับแนวรุกในตลาดรุ่นกลางกึ่งใหญ่อย่าง Pathfinder แล้ว ด้วยการปรับโฉมหรือไมเนอร์เชนจ์รอบคันเพื่อกระตุ้นตลาด
การปรับโฉมครั้งนี้มีขึ้นบนพื้นฐานของ Pathfinder รุ่นเดิมซึ่งเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 4 นับจากที่ Nissan เปิดตัวรุ่นนี้ออกมาเมื่อปี 1985 โดยในรุ่นที่ 4 เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2012 ซึ่งสิ่งที่เปลี่ยนไปครั้งนี้สามารถสัมผัสกันได้อย่างชัดเจน เพราะมีทั้งไฟหน้าแบบใหม่ ที่ได้รับการออกแบบให้สวยสปอร์ตและสอดรับกับกันชนหน้าสไตล์ใหม่ ขณะเดียวกัน แม้ว่าจะยังใช้ไฟทรงเดิม แต่ก็มีการเปลี่ยนรายละเอียดของชุดและตำแหน่งของไฟสัญญาณใหม่ เช่นเดียวกับขอบโครเมียมชายล่างของกันชนท้าย
อีกทั้งทาง Nissann ยังเผยอีกว่า Pathfinder รุ่นนี้ได้รับการปรับปรุงในด้านสมรรถนะการลากจูง โดยสามารถรองรับการลากจูงได้ถึง 6,000 ปอนด์ หรือราวๆ 2,700 กว่ากิโลกรัม และมาพร้อมกับล้อแม็กขนาด 18 นิ้วลายสปอร์ตที่ได้รับการออกแบบใหม่ โดยที่มีไซส์ 20 นิ้วสำหรับรุ่นท็อป
ในส่วนของเครื่องยนต์มากับขุมพลังวี6 3,500 ซีซี บล็อกใหม่ที่ทาง Nissan เผยว่ากว่า 56% ของส่วนประกอบในเครื่องยนต์บล็อกนี้เป็นชิ้นส่วนใหม่ รวมถึงยังมีการออกแบบห้องเผาไหม้ใหม่ ลูกสูบ และท่อร่วมไอดีใหม่หมด เช่นเดียวกับการใช้ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าสู่ห้องเผาไหม้โดยตรง หรือ DIG-Direct Injection Gasoline มีกำลังขยับจาก 260 แรงม้าในรุ่นเดิมมาอยู่ที่ 284 แรงม้า ที่ 6,400 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 35.7 กก.-ม. ที่ 4,800 รอบ/นาที และส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง หรือ e-CVT
การทำตลาดจะมีขึ้นในสหรัฐอเมริกาช่วงปลายปีนี้ ส่วนตลาดกลุ่มอื่นๆ ต้องรอลุ้นว่า Nissan จะมีการขยายแนวรุกออกมาหาหรือไม่
การปรับโฉมครั้งนี้มีขึ้นบนพื้นฐานของ Pathfinder รุ่นเดิมซึ่งเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 4 นับจากที่ Nissan เปิดตัวรุ่นนี้ออกมาเมื่อปี 1985 โดยในรุ่นที่ 4 เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2012 ซึ่งสิ่งที่เปลี่ยนไปครั้งนี้สามารถสัมผัสกันได้อย่างชัดเจน เพราะมีทั้งไฟหน้าแบบใหม่ ที่ได้รับการออกแบบให้สวยสปอร์ตและสอดรับกับกันชนหน้าสไตล์ใหม่ ขณะเดียวกัน แม้ว่าจะยังใช้ไฟทรงเดิม แต่ก็มีการเปลี่ยนรายละเอียดของชุดและตำแหน่งของไฟสัญญาณใหม่ เช่นเดียวกับขอบโครเมียมชายล่างของกันชนท้าย
อีกทั้งทาง Nissann ยังเผยอีกว่า Pathfinder รุ่นนี้ได้รับการปรับปรุงในด้านสมรรถนะการลากจูง โดยสามารถรองรับการลากจูงได้ถึง 6,000 ปอนด์ หรือราวๆ 2,700 กว่ากิโลกรัม และมาพร้อมกับล้อแม็กขนาด 18 นิ้วลายสปอร์ตที่ได้รับการออกแบบใหม่ โดยที่มีไซส์ 20 นิ้วสำหรับรุ่นท็อป
ในส่วนของเครื่องยนต์มากับขุมพลังวี6 3,500 ซีซี บล็อกใหม่ที่ทาง Nissan เผยว่ากว่า 56% ของส่วนประกอบในเครื่องยนต์บล็อกนี้เป็นชิ้นส่วนใหม่ รวมถึงยังมีการออกแบบห้องเผาไหม้ใหม่ ลูกสูบ และท่อร่วมไอดีใหม่หมด เช่นเดียวกับการใช้ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าสู่ห้องเผาไหม้โดยตรง หรือ DIG-Direct Injection Gasoline มีกำลังขยับจาก 260 แรงม้าในรุ่นเดิมมาอยู่ที่ 284 แรงม้า ที่ 6,400 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 35.7 กก.-ม. ที่ 4,800 รอบ/นาที และส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง หรือ e-CVT
การทำตลาดจะมีขึ้นในสหรัฐอเมริกาช่วงปลายปีนี้ ส่วนตลาดกลุ่มอื่นๆ ต้องรอลุ้นว่า Nissan จะมีการขยายแนวรุกออกมาหาหรือไม่