ช่วงแดดลา ฟ้าหม่นที่สนประเทศเยอรมนี นิสสันถือโอกาสนี้เชิญนักข่าวสายรถยนต์จากทั่วโลกมาร่วมทดสอบสมรรถนะรถยนต์สปอร์ตตัวท็อปของค่าย GT-R (R35) ที่ถูกปรับโฉม เพิ่มเติมออปชัน และบริหารจัดการสมรรถนะใหม่
โดยการขับ(27 พ.ค.) GT-R โมเดลปี 2017 (MY2017) เริ่มต้นจากสนามบินดุสเซลดอร์ฟ มุ่งสู่สนามแข่งรถทางเรียบระดับโลก “สปา” ประเทศเบลเยี่ยม
สำหรับ Nissan GT-R รุ่นปี 2017 เปิดตัวสู่สาธารณะชนเป็นครั้งแรก ในงาน New York International Auto Show เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยได้รับการปรับปรุงรูปโฉมใหม่ทั้งภายนอกและภายใน เช่นเดียวกับการยกระดับสมรรถนะของตัวรถในจุดที่สำคัญๆ รวมถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบช่วงล่าง และการเพิ่มพละกำลังให้กับเครื่องยนต์วี 6 3.8 ลิตร เทอร์โบคู่ ขณะเดียวกันยังยกระดับความสะดวกสบายในการขับขี่ พร้อมเพิ่มเติมความหรูหราดูสบายตามากขึ้น(ภายนอก-ภายใน) ซึ่งรวมๆแล้วทันสมัยกว่าโมเดลเชนจ์ของ R35 ที่เปิดตัวครั้งแรกตั้งแต่ปี 2007 อย่างเห็นได้ชัด....และนี่คือ 9 สิ่งที่สำคัญและจุดเด่นที่พัฒนาใหม่ของซูเปอร์คาร์แห่งเอเชียคันนี้
1. ชื่อนิสสัน GT-R มาจากความตั้งใจในการสื่อสารถึงตัวรถว่าสามารถเป็นทั้งรถ GT - Grand Touring ขับขี่ทางไกล ให้ความแรง บรรทุกของและคนได้สบาย (เบาะ 2+2) ส่วน R - Racing มาจากสมรรถนะแรง เร้าใจ ปานรถแข่ง แต่ทว่าในรุ่นใหม่ โมเดลปี 2017 นิสสันตั้งใจให้บุคลิกรถกระเดียดไปทาง GT มากขึ้น คือเน้นความสบายในการขับขี่และใช้ได้จริงในทุกๆวัน
2. การเปลี่ยนแปลงเริ่มจาก ด้านหน้าออกแบบฝากระโปรง กันชนหน้า สเกิร์ตหน้า-ข้าง ใหม่ เพิ่มไฟส่องสว่างในเวลากลางวัน หรือ Daytime Running Light (DRL)
3. ด้านหลัง ปรับรายละเอียดของไฟท้ายทรงกลมคู่ใหม่ และเพิ่มช่อง Diffuser สีเงินและช่องระบายอากาศทางด้านข้าง ส่วนปลายท่อไอเสียทั้ง 4 ท่อผลิตจากไทเทเนียม
4. การเปลี่ยนแปลงตามข้อ 1 และ 2 มีผลต่อปประสิทธิภาพทางหลักอากาศพลศาสตร์ ซึ่งนิสสันมุ่งหวังเพิ่มแรงกด ลดแรงยกของตัวถัง พร้อมปรับปรุงความสามารถในการระบายความร้อนให้กับระบบต่างๆ
5. ภายในออกแบบแผงหน้าปัดใหม่ ขณะที่เลย์เอาท์ของแผงคอนโซลกลางถูกปรับให้ดูเรียบง่าย จากจำนวนของสวิตช์ในระบบนำทางและเครื่องเสียงเดิมที่มี 27 ปุ่ม ถูกลดลงเหลือ 11 ปุ่ม ย้ายหน้าจอควบคุมแบบทัชสกรีนขนาด 8 นิ้วลงมาอยู่ในส่วนล่างของแผงหน้าปัดมาพร้อมกับ Icon ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อความสะดวกในการใช้งาน ทั้ง การควบคุมระบบเครื่องเสียง ระบบนำทาง ระบบโทรศัพท์ และระบบความบันเทิงอื่นๆ
6. เครื่องยนต์ วี6 ขนาด 3.8 ลิตร เทอร์โบคู่ มีกำลังเพิ่มขึ้น 20 แรงม้า เป็นให้กำลังสูงสุดที่ 570 แรงม้า(PS) ที่ 6,800 รอบ/นาที โดยมาจากการเพิ่มแรงบูสต์และการปรับระบบจังหวะการจุดระเบิดใหม่ของแต่ละลูกสูบ ซึ่งเดิมจะเป็นเทคนิคที่ถูกสงวนสิทธิ์ไว้ให้เฉพาะเวอร์ชัน GT-R NISMO
7. ระบบ ANC หรือ Active Noise Cancellation จะเข้ามาช่วยลดเสียงดังที่มีคลื่นความถี่ต่ำด้วยการใช้ไมโครโฟนซึ่งถูกติดตั้งอยู่ ในห้องโดยสาร และใช้คลื่นเสียงที่มีช่วงคลื่นเดียวกันเพื่อจัดการหักล้างเสียงอันไม่พึงประสงค์เหล่านี้ อีกทั้งยังมีการปรับปรุงวัสดุที่ทำหน้าที่ในการดูดซับเสียงและติดตั้งอยู่ด้านหลังแผงหน้าปัด รอบกระจกหน้าต่าง รวมถึงยังมีการติดตั้งฉนวนที่แผงหน้าปัด และมีฉนวนกันเสียงติดตั้งอยู่ที่กันชนท้าย เสียงจากปลายท่อไอเสียถูกปรับให้เงียบขึ้น สำหรับการใช้งานในทุกๆ วัน ซึ่งนิสสันบอกว่าหากขับถึงความเร็ว 300 กม./ชม. คนในรถก็ยังคุยกันรู้เรื่อง
8. ตัวถังและระบบแชสซีส์ พัฒนาให้ทนทานต่อการบิดตัวมากขึ้น ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการควบคุมรถ พร้อมการเสริมโครงสร้างตัวถังตรงบริเวณกระจกบังลมหน้า (เสา A-Pillar) ปรับปรุงจุดยึดในระบบช่วงล่างให้แน่นหนาขึ้น
9. เพิ่มมาตรฐานความปลอดภัยใหม่ Nissan Advanced Air Bag System (AABS) ซึ่งเป็นถุงลมนิรภัยคู่หน้าแบบพองตัว 2 ระดับ และเข็มขัดนิรภัยที่มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ในการตรวจจับเพื่อสั่งให้ถุงลมนิรภัยมีการพองตัวตามระดับความรุนแรงของการชน
...ติดตามรีวิวทดสอบในตอนต่อไป